ไม่นานพวก เย่เฉินเฟิง ก็มาถึงหน้าเมืองหลวงเมฆาม่วงที่อยู่ไม่ไกลจากตำหนักนอกนิกายเพลิงผลาญฟ้า
เสวี่ยเปียวหลิง ได้พา เย่เฉินเฟิง บินมายังที่นี่โดยใช้เวลาเพียงเเค่ 1 วัน หลังจากมาถึงเเล้ว พวกเขาก็บินสำรวจพื้นที่อันกว้างใหญ่ของเมืองหลวงเมฆาม่วง
“หืม…ทำไมบรรยากาศในเมืองถึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเเห่งการนองเลือดทั้งนั้น?”
เสวี่ยเปียวหลิงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คลุกไปด้วยโลหิตลอยอยู่เหนือเมืองหลวงเมฆาม่วง
“มีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่”เย่เฉินเฟิง รู้สึกตึงเครียดทันทีที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในเมืองหลวงเมฆาม่วง เขากล่าวพูดอย่างรวดเร็ว”พี่สาวเปียวหลิง พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ ข้ารู้สึกว่าที่นี่มีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้น”
“อืม”
เสวี่ยเปียวหลิงพยักหน้าพร้อมกับใช้ปีกวิญญาณสีเเดงเดือด พุ่งโฉบลงไปที่พื้นถนนที่เต็มไปด้วยควันภายในเมืองหลวงเมฆาม่วง
“มีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่จริง ๆ “
เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่บรรยากาศภายในเมืองที่เดิมเต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก เเต่ตอนนี้ร้านค้าเเทบทั้งหมดได้ปิดตัวลงทำให้ เย่เฉินเฟิง รีบบอกให้ เสวี่ยเปียวหลิง พาเขาไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ทันที
“ผู้ใช้จิตอสูรระดับสวรรค์ขั้น 4 ? ไม่คิดเลยว่า เมืองหลวงเมฆาม่วง ที่เป็นเมืองของมนุษย์ จะมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์”
เช่นเดียวกับ เย่เฉินเฟิง เขาเองก็สัมผัสได้ถึงเเรงกดดันจากผู้เชี่ยวชาญที่มาจาก ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของที่นี่
“น่าจะเป็นคนจากนิกายหลักเพลิงผลาญฟ้า”เย่เฉินเฟิง กล่าวพูดด้วยสีหน้ามืดมน
“ผู้ใช้จิตอสูรระดับสวรรค์ ขั้น 4 เป็นศัตรูของเจ้าหรือไม่?”เสวี่ยเปียวหลิง กล่าวถาม
“บุคคลผู้นั้นน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญของนิกายเพลิงผลาญฟ้า เเละเป็นคนของตำหนักหยินหยาง ข้าไม่รู้ว่า โหย่วซานเสียน ยังอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่”เย่เฉินเฟิง พยักหน้าตอบกลับอย่างเคร่งเครียด
“ไว้ไปถึงที่นั่นก่อนเเล้วเจ้าค่อยยืนยันอีกทีเเล้วกัน”เสวี่ยเปียวหลิง กล่าวเเนะนำ
“อืม”
เย่เฉินเฟิง พยักหน้า เเละ รีบพา เสวี่ยเปียวหลิง ไปที่คฤหาสน์ตระกูล เจียง ที่ตั้งอยู่ทางทิศวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงเมฆาม่วง
…
“ท่านปู่ท่านกลับมาเเล้ว!”
เจียงยี่ชุนที่รออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเจียงได้กล่าวพูดขึ้นหลังจากเห็น เจียงจ้งเซียน เเละ คนอื่น ๆ กลับมา เมื่อเขาพบ จี้ฉิงเสวี่ย เเละ ไป๋ซือหยา ที่ใบหน้าไร้รอยโลหิตไหลเวียน มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ข้าง ๆ เจียงยี่ชุน ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก บุตรชายคนที่สองของ เย่ฉิงซวน,เย่เทียนหมิง ผู้ที่ขับไล่ เย่เฉินเฟิง ออกจากตระกูลเย่
“ต่อจากนี้ไปจะไม่มีตระกูล เย่ เเละ ตระกูล จี้ในเมืองหลวงเมฆาม่วงอีก ผู้ใดที่เป็นปรปักษ์ต่อเราพวกมันก็ย่อมไม่สมควรมีชีวิตอยู่”
เมื่อนึกถึงคู่เเข่งเก่าอย่าง จี้หยางเฉิน ที่ถูกเขาเหยียบย่ำไว้ใต้ฝ่าเท้าเเล้ว เจียงจ้งเซียน รู้สึกสบายใจอย่างมาก
“ขอเเสดงความยินดีต่อท่านผู้นำตระกูลเจียงที่กลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังเเละอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวงเมฆาม่วง”เย่เทียนหมิง อมยิ้มเเละกล่าวเเสดงความยินดีต่ออีกฝ่าย ราวกับว่าสายเลือดตระกูลเย่ของเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่มาก่อน
นัยน์ตาของ เจียงยี่ชุน จ้องมองไปที่ จี้ฉิงเสวี่ย
เมื่อจ้องมองเธอที่ถูกรัดพันด้วยเชือกวิญญาณนั้น เจียงยี่ชุน ก็เริ่มเกิดความปราถนาจำนวนมาก
“ยี่ชุน ทั้งสองคนเตรียมไว้เพื่อส่งมอบต่อผู้อาวุโสใหญ่ เจ้าไม่สามารถเเตะต้องพวกเธอได้”เห็นสายตาที่ร้อนเเรงของ เจียงยี่ชุน,เจียงจ้งเซียน กล่าวเตือนอย่างเย็นชา
“ข้าไม่กล้า!”
ร่างของ เจียงยี่ชุน สั่นสะท้านเล็กน้อย เขารีบสบัดความคิดต่าง ๆออกไปทันที
“ฉีหยู ส่งพวกเธอทั้งสองคนไปยังห้องรับรองส่วนตัวของผู้อาวุโสใหญ่เเละสั่งให้ทุกคนอย่าได้ไปรบกวนความสนุกของท่านผู้อาวุโส”จี้หยางเฉิน กล่าวสั่ง
“ขอรับท่านพ่อ”
เจียงฉีหยู พยักหน้า เเละ สั่งให้ ผู้เชี่ยวชาญของตระกูล เจียง พา จี้ฉิงเสวี่ย เเละ ไป๋ซือหยา ไปที่ลานบ้านที่เงียบสงบภายในคฤหาสน์ของตระกูลเจียง
“อาวุโส หมิงเต๋า ท่านพ่อสั่งให้ข้าพาทั้งสองคนนี้มาให้ท่านเล่นอย่างเพลิดเพลิน”เจียงฉีหยู ได้ยืนอยู่นอกสนามบ้านเเละกล่าวอย่างเคารพ
“พาพวกเธอทั้งสองเข้ามาในห้องของข้า”เสียงที่เย็นชา ได้ดังออกมา
“เเข็งเเกร่งมากจริง ๆ !”
เจียงฉีหยู หน้าซีดเล็กน้อย เขารีบพาทั้งสองคน เดินเข้าไปในลานบ้านที่เงียบสงบ
“ข้าไม่คิดเลยว่าอาณาจักรของมนุษย์เล็ก ๆ เเห่งนี้ จะมีหญิงงามสะคราญโฉมเช่นนี้อยู่”ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีเเดง ใบหน้าเรียวเเหลม จ้องมองไปที่ จี้ฉิงเสวี่ย เเละ ไป๋ซือหยา
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ผู้ส่งสารเพลิงสวรรค์ ที่มากับ โหย่วซานเสียน เเละ เป็นคนที่ไล่ล่า เย่เฉินเฟิง หมิงเต๋าสือซู่
“ปล่อยพวกเธอไว้เเละพวกเจ้ากลับไปได้”
จ้องมองไปที่ร่างกายที่เรียวเล็กเเละอ่อนโยนของ จี้ฉิงเสวี่ย หมิงเต๋าสือซู่ รู้สึกได้ถึงอารมณ์ร้อนเเรงที่พวยพุ่งอยู่ในร่างกาย
“ขอรับ”
เจียงฉีหยู ได้ผลัก จี้ฉิงเสวี่ย เเละ ไป๋ซือหยา ทั้งสองคนเข้าไปเเละปิดประตูเบา ๆ จากนั้นก็รีบหันหลังกลับไป
“ไม่เลวพวกเจ้าเหมาะจะเป็นของเล่นชิ้นสำคัญของข้า”
หมิงเต๋าสือซู่ จ้องมองไปที่ จี้ฉิงเสวี่ย มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชื่นชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ เชือกวิญญาณที่ผูกมัดเธอก่อนหน้านี้ได้คลายออก
เมื่อเห็นสีหน้าของ หมิงเต๋าสือซู่ ใบหน้าของ จี้ฉิงเสวี่ย ได้กลายเป็นโศกเศร้าทันที เธอไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า ประสบการณ์อันขมขื่นจำนวนมากขนาดไหนกันที่รอเธออยู่
“สาวน้อย ไม่จำเป็นจะต้องร้องไห้ไป ข้าจะทะนุถนอมเจ้าอย่างดี”
จ้องมองไปที่ใบหน้าที่น่าสังเวชของ จี้ฉิงเสวี่ย หมิงเต๋าสือซู่ ยิ่งมายิ่งเกิดอารมณ์มากขึ้น
“ข้าเป็นศิษย์ของ จ้าวตำหนักนอก หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า ท่านจ้าวตำหนักจะไม่ปล่อยเจ้าไป”จี้ฉิงเสวี่ย พยายามยก เฉียนตว๋อไป๋ ขึ้นมากำปังเธออีกครั้ง เเละหวังว่า หมิงเต๋าสือซู่ จะปล่อยเธอไป
“เฉียนตว๋อไป๋ ? ฮ่าฮ่า มันเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 6 ที่อ่อนเเอคนนึง มันไม่มีความกล้าที่จะหยิ่งยโสต่อหน้าของข้าด้วยซ้ำ”หมิงเต๋าสือซู่ กล่าวเย้ยหยัน
“มาเถอะ พวกเจ้าทั้งสองคนยังต้องปรนนิบัติข้าในคืนนี้อีกยาวนาน”
หมิงเต๋าสือซู่ ได้ใช้พลังวิญญาณของเขาดูดร่างของพวกเธอทั้งสองคนเข้ามาหาเขา
“ข้ายอมตายซะดีกว่าที่จะปล่อยให้เจ้าได้สมหวัมในสิ่งที่ต้องการ”
เห็นสีหน้าที่น่าเกลียดของ หมิงเต๋าสือซู่ จี้ฉิงเสวี่ย เผยคำพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวเธอต้องการกัดลิ้นตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย
“เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำได้ทั้ง ๆ ที่อยู่ต่อหน้าข้าคนนี้หรือไม่?”
หมิงเต๋าสือซู่ เผยรอยยิ้มที่เย็นชา จากนั้นพลังวิญญาณที่เเข็งเเกร่งก็เเทรกเข้าไปในร่างของผู้หญิงทั้งสองคน เพื่อให้เธอทำตามที่เขาสั่ง
จ้องมองการเคลื่อนไหวของผู้หยิงทั้งสอง ที่มีใบหน้าเวทนามากตอนนี้ หมิงเต๋าสือซู่ รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เขาได้โยนพวกเธอทั้งสองคนลงไปที่เตียงขนาดใหญ่ที่นุ่มนวล