พระราชวังเมฆาม่วง คือศูนย์กลางของ เมืองหลวงเมฆาม่วงอย่างเเท้จริง
ภายในพระราชวัง ห้องโถงตำหนักมังกร ภายในมี หญิงสาวที่สวมใส่ชุดเดรสกำลังร่ายรำพร้อมกับจังหวะดนตรีที่ไพเราะอยู่ในตอนนี้
หยิงเจียงหลิว ที่สวมใส่อาภรณ์สลักลายมังกรสีทอง ด้านหลังมีคำตัวใหญ่พิมพ์เด่นชัดเจนว่า ‘จักรพรรดิ’ เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ พร้อมกับมองไปที่งานเลี้ยงด้านล่างที่เเขกอย่างตระกูล เสิ่นถู๋ เเละ ตระกูลชางกวน มาร่วมด้วย
“องค์ชาย เรื่องตระกูลเย่ท่านจะจัดการอย่างไร?”
ที่นั่งอยู่ทางด้านขวาของสถานที่เเรกชายที่สวมใส่เสื้อคลุมสีดำปักลายดาบคู่ เขาเป็นคนของ ตระกูลเสิ่นถู๋ ทั้งยังเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน เขามีชื่อว่า เสิ่นถู๋ซวนโจว เขาได้ยกดื่มไวน์พร้อมกับกล่าวถาม
“ผู้อาวุโสท่านสนใจพวกเขาด้วยหรือไม่?”
เเม้ว่า หยิงเจียงหลิว กำลังจะขึ้นครองบัลลังก์ เเต่ตระกูล เสิ่นถู๋ ก็เป็นถึงตระกูลนักรบโบราณ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนิกายเพลิงผลาญฟ้า เขาไม่กล้าทำตัวหยาบคายต่ออีกฝ่ายเเละกล่าวถามอย่างสุภาพ
“ฮึ่ม ข้าเเค่สนใจพวกเขาเพราะว่าต้องการใช้พวกเขาเป็นเหยื่อล่อ เย่เฉินเฟิง ออกมา”
เมื่อคิดถึงความสามารถพรสวรรค์โดยกำเนิดของ เย่เฉินเฟิง เสิ่นถู๋ซวนโจว รู้ดีว่าหากไม่รีบกำจัด เย่เฉินเฟิง โดยเร็วที่สุด เย่เฉินเฟิง จะกลายเป็นฝันร้ายสำหรับตระกู,เสิ่นถู๋ของเขา
“เมื่อข้าขึ้นครองบัลลังก์โดยสมบูรณ์ข้าจะมอบตระกูลเย่ให้ผู้อาวุโสเป็นคนจัดการ”หยิงเจียงหลิว กล่าวพูดด้วยความสุข”มา…ร่วมดื่มกันเถิด”
“ได้ยินว่าเจ้ากำลังมองหาข้าหรือไม่”
ขณะที่ เสิ่นถู๋ซวนโจว กำลังยกดื่มไวน์ เเละ คิดหาวิธีใช้ ตระกูลเย่ ในการบีบบังคับให้ เย่เฉินเฟิงออกมา จู่ ๆ ภายในห้องโถงตำหนักมังกรก็ปรากฏเสียงดังขึ้น
ร่างของ เย่เฉินเฟิง ที่ราวกับเทพสงคราม ได้เดินเข้ามาอย่างหนักหน่วงเเละก้าวเดินเข้าไปภายในห้องโถง
“เย่เฉินเฟิง!”
เสิ่นถู๋ซวนโจว ไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง จะมาปรากฏตัวที่นี่ เขาได้เคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งภูติพรายพร้อมกับหยิบดาบที่เป็นอาวุธวิญญาณของเขาเพื่อหวังจัดการ เย่เฉินเฟิงโดยเร็ว
“เเก่นเเท้วิญญาณเยือกเเข็ง!”
ขณะที่ เสิ่นถู๋ซวนโจว เคลื่อนไหว เย่เฉินเฟิง ก็ได้สบัดมือเล็กน้อย คลื่นพลังความเย็นได้ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของ เย่เฉินเฟิง เเละ ปิดผนึกเเช่เเข็งร่างของ เสิ่นถู๋ซวนโจว ที่เป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 5 ทันที
ในเวลาต่อมา เย่เฉินเฟิง ก็รวบรวมพลังวิญญาณของเขา เเละชกหมัดที่มีพละกำลังมากกว่า 100,000 จินออกไป ร่างของเสิ่นถู๋ซวนโจว ที่ถูกเเช่เเข็งได้เเตกออกเเละถูกฆ่าลงอย่างรวดเร็ว
เสิ่นถู๋ซวน อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เเข็งเเกร่งคนนึง เขาเเข็งเเกร่งยิ่งกว่า ตระกูลชางกวน เมื่อเห็นว่า เสิ่นถู๋ซวนโจว ถูกเย่เฉินเฟิง ฆ่าตายอย่างง่ายดาย ทุกคนที่อยู่ที่นี่กลายเป็นตื่นตะลึงโดยสมบูรณ์
โดยเฉพาะ หยิงเจียงหลิว เขาหวาดกลัวยิ่งกว่าใครทั้งหมด
“ท่านผู้นำตะ…ตายเเล้ว!”
มองเห็นการตายของ เสิ่นถู๋ซวนโจว ผู้เชี่ยวชาญของตระกูล เสิ่นถู๋ กลายเป็นหวาดกลัวเเละรีบหลบหนีออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
เเต่ทว่าเมื่อพวกเขาวิ่งออกไปนอกพระราชวังเเละเตรียมจะหลบหนีพวกเขาก็พบกับกำเเพงรูปแบบก่อตัวที่ปิดผนึกพวกเขาเอาไว้ไม่ให้หลบหนีออกไปได้
“เย่เฉินเฟิง เจ้าคิดจะทำอะไร อย่าได้คิดทำอะไรบ้า ๆ ?”ผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่นถู๋กล่าวเตือน”ตระกูลเสิ่นถู๋ของข้ามีความเกี่ยวข้องกับนิกายเพลิงผลาญฟ้าหากเจ้ากล้าทำร้ายพวกเรานิกายเพลิงผลาญฟ้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”
“เหอะ!”
เห็น ผู้อาวุโสของตระกูลเสิ่นถู๋ ข่มขู่ตนเอง เย่เฉินเฟิง ได้หยิบดาบออกมา ก่อนที่จะพุ่งผ่านไปฟันผ่านร่างของอีกฝ่ายกลายเป็นสองท่อนเเละเสียชีวิตทันที
“นายน้อย,พวกเราตระกูลชางกวน ไม่ได้มีความบาดหมางกับท่าน เเละ ข้าไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับท่าน ข้าสงสัยว่าท่านจะช่วยปล่อยพวกเราไปได้หรือไม่ ? ถ้าท่านยินดีปล่อยพวกเราตระกูลชางกวนของข้ายินดีที่จะรับใช้ท่านตลอดไป”
เห็นความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง จิตใจของ ชางกวนเฟยจิ้ง กลายเป็นตกหล่นวูบ เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เย่เฉินเฟิง ดังนั้นเขาจึงกล่าวร้องขอชีวิตเพื่อเอาตัวรอด
“ปล่อยเจ้าไป?เเล้วพวกเจ้าก็จะได้ไปรายงานต่อนิกายเพลิงผลาญฟ้าหรือไม่”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ชางกวนเฟยจิ้ง อย่างเยือกเย็น
“ไม่กล้า…พวกเราสาบานได้ว่าพวกเราจะเก็บความลับนี้ไม่เเพร่งพรายให้คนอื่นล่วงรู้”เห็น เย่เฉินเฟิง จ้องมองมาที่เขาอย่างเยือกเย็น ชางกวนเฟยจิ้ง กลายเป็นสั่นกล่าว
“ต้องขอโทษด้วยข้าเชื่อว่าคนตายย่อมเก็บความลับได้ดีกว่า”
เย่เฉินเฟิง ได้สร้างปราณดาบอันร้ายกาจขึ้นมาก่อนที่จะใส่พละกำลังที่เเข็งเเกร่งของเขาลงไปเเละฟาดฟันพุ่งไปตัดศีรษะของ ชางกวนเฟยจิ้ง
เมื่อเห็นว่า เสิ่นถู๋ซวนโจว เเละ ชางกวนเฟยจิ้ง ถูกฆ่าโดยเย่เฉินเฟิง สิ่งนี้ทำให้ หยิงเจียงหลิว กลายเป็นหวาดกลัวโดยสมบูรณ์
“หยิงเจียงหลิว เจ้ารู้สึกหนาวหรือไม่ทำไมเจ้าถึงสั่นแบบนั้น?”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ หยิงเจียงหลิว เเละกล่าวเย้ยหยันอีกฝ่าย
“ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้ายินดียอมรับผิดเเละจะยอมสละบัลลังก์ทั้งหมดเเละมอบทุกอย่างให้กับเจ้า”หยิงเจียงหลิว จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละกล่าวพูดร้องขอชีวิต
“หยิงเจียงหลิว เจ้าสังหารผู้คนไปมากเพียงเพื่อต้องการให้เจ้าสมความปราถนา ไหนเจ้าลองเล่าเหตุผลที่ข้าควรจะปล่อยเจ้าไปหน่อยสิ?”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ หยิงเจียงหลิว ที่ราวกับสุนัขใกล้ตายตัวหนึ่ง เขาไม่ได้มีร่องรอยเเห่งความสงสารในตัวของอีกฝ่ายเลย
“ข้าสัญญาว่าถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะกลับตัวกลับใจเเละไปจากที่นี่ไม่กลับมาให้เจ้าเห็นหน้าอีก”
หยิงเจียงหลิวได้ร้องขอความเมตตาเเละหวังว่า เย่เฉินเฟิง จะปล่อยชีวิตน้อย ๆ ของเขาไป
“เสียใจด้วยคนที่เห็นประโยชน์ของตนเองโดยไม่สนใจชีวิตของคนอื่นไม่มีค่าพอที่จะปล่อยทิ้งไว้”
เย่เฉินเฟิง ได้เดินเข้าไปหา หยิงเจียงหลิว เเละบีบศีรษะของเขาด้วยมือข้างเดียวเพื่อจบชีวิตอีกฝ่าย
หลังจากฆ่า หยิงเจียงหลิว เสร็จเเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็เริ่มไล่ฆ่า ผู้เชี่ยวชาญของตระกูล เสิ่นถู๋ เเละ ตระกูลชางกวน ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ห้องโถงตำหนักมังกรเเห่งนี้อาบชโลมไปด้วยกลิ่นอายโลหิตที่รุนเเรง
นอกเหนือจากคนเหล่านี้ภายในห้องโถงยังเหล่าผู้ไม่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย เย่เฉินเฟิง ไม่ได้ฆ่าคนเหล่านี้กลับกันเขาเขาได้กล่าวถาม เสวี่ยเปียวหลิง เพื่อทำการลบความทรงจำของผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมด
“พี่สาวเปียวหลิง ลงไปที่คุกกันเถอะ”
หลังจาก เสวี่ยเปียวหลิง ทำการลบความทรงจำของผู้คนเสร็จ เย่เฉินเฟิง ก็พาเสวี่ยเปียวหลิงลงไปที่คุกใต้ดินของพระราชวัง
ไม่นาน เสวี่ยเปียวหลิง ก็ทำการช่วยเหลือโดยการปล่อย องค์จักรพรรดิซือจิน เย่ฉิงซวน จี้หยางเฉิน เเละ คนอื่น ๆ
เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตนของเขา เย่เฉินเฟิง จึงไม่ได้เเสดงตัว หลังจาก ช่วย เย่ฉิงซวน เเละคนอื่น ๆ เสร็จเเล้ว เสวี่ยเปียวหลิง ก็ออกจากพระราชวังที่วุ่นวายไปที่จุดนัดพบของ เย่เฉินเฟิง จี้ฉิงเสวี่ย เเละ ไป๋ซือหยา ที่รออยู่ข้างนอกเมืองหลวงเมฆาม่วง
“พี่สาวเปียวหลิง ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือข้า ไม่งั้นข้าคงจะต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์มากมายในคืนนี้”เย่เฉินเฟิง กล่าวขอบคุณจากหัวใจ
“เย่เฉินเฟิง เส้นทางการบ่มเพาะพลังของเจ้าเต็มไปด้วยคลื่นมรสุม บางครั้งเจ้าก็ต้องฆ่าผู้คนจำนวนมาก เพื่อขัดเกลาจิตใจของเจ้าให้เเข็งเเกร่ง”
“สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะต้องไปกระตุ้นคนของนิกายเพลิงผลาญฟ้าอย่างเเน่นอนทางที่ดีเจ้ากลับไปที่เทือกเขาไร้ตัวตนกลับข้าเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะตามมาภายหลังดีกว่า”เสวี่ยเปียวหลิง กล่าวพูด
“เทือกเขาไร้ตัวตน นิกายระดับ 6 ของทวีปดวลวิญญาณ!”
เย่เฉินเฟิง มีความเข้าใจเกี่ยวกับนิกายสำคัญในทวีปดวลวิญญาณ เเละหนึ่งในนิกายที่ทรงพลังเหล่านั้นก็คือเทือกเขาไร้ตัวตน ที่นั่นเป็นเเหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญที่เเข็งเเกร่งจำนวนมาก
“ด้วยพรสวรรค์ทางมรรคายุทธ์ของเจ้า หลังจากเจ้าเข้าสู่เทือกเขาไร้ตัวตนไม่นานข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมกลายเป็นศิษย์ภายใน ด้วยทรัพยากรของที่นั่นการฝึกฝนพลังยุทธ์ของเจ้าย่อมรวดเร็วกว่านิกายเพลิงผลาญฟ้าอย่างมาก”หลังจากได้เห็นทักษะพรสวรรค์โดยกำเนิดของ เย่เฉินเฟิง เสวี่ยเปียวหลิง ก็รู้สึกชื่นชอบเขา
“หากข้ามีโอกาสข้าจะไปที่เทือกเขาไร้ตัวตนอย่างเเน่นอน เเต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”เป็นเพราะ เย่เฉินเฟิง เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่อาณาจักรวิญญาณเเท้จริง ที่กำลังจะเปิดออกเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวปฏิเสธ เสวี่ยเปียวหลิง อย่างนุ่มนวล
“งั้นเหรอ,เอาเถอะเช่นนั้นเจ้าก็ดูเเลตัวเองดี ๆ ด้วย ทางที่ดี เจ้าไม่ควรทำให้พวกคนจากนิกายเพลิงผลาญฟ้าสงสัยในช่วงเวลานี้ นี่เป็นเครื่องราง ที่ข้าจะมอบให้เจ้า มันสามารถทำให้เจ้าต้านทานการโจมตีจากผู้ใช้จิตอสูรระดับสูงสุดได้”เสวี่ยเปียวหลิง ไม่ได้บังคับ เย่เฉินเฟิง กลับกันเธอกลับมอบเครื่องรางอันมีค่าให้กับเขา
“เฉินเฟิง ข้าขอโทษด้วยเป็นเพราะข้าเจ้าถึงต้องเดินบนเส้นทางที่อันตรายแบบนี้”จี้ฉิงเสวี่ย กล่าวพูดบอก เย่เฉินเฟิง
“เรื่องมันเเล้วก็ให้มันเเล้วต่อกันไป เจ้าเเละซือหยา ต้องหมั่นฝึกฝนเเละเชื่อฟังพี่สาวเปียวหลิง ไว้ข้ามีโอกาสข้าจะไปที่เทือกเขาไร้ตัวตนเพื่อพบเจ้า”เย่เฉินเฟิง ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“เฉินเฟิง ข้า เเละ ฉิงเสวี่ย จะรอเจ้าที่เทือกเขาไร้ตัวตน เจ้าจะต้องมาให้ได้นะ”ไป๋ซือหยา จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละพยายามเก็บระงับความรู้สึกทั้งหมดของเธอเอาไว้
“ข้าจะไปที่นั่นเเน่นอนข้าสัญญา”เย่เฉินเฟิง กล่าวพยักหน้าให้คำมั่นสัญญา
“อืม,รุ่งสางใกล้จะมาเเล้วพวกเราต้องไปกันเเล้ว เจ้าเองก็เถอะ หมั่นฝึกฝนให้ดีเพื่อทั้งสองคนนี้ด้วย เเละก็อย่าทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังล่ะ”
หลังจากนั้น เสวี่ยเปียวหลิง ก็ควบเเน่นปีกพลังวิญญาณสีเเดงของเธอออกมาก่อนที่จะใช้พลังวิญญาณครอบคลุมร่างของ จี้ฉิงเสวี่ย เเละ ไป๋ซือหยา พุ่งหายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน