ในฤดูใบไม้ร่วงสายลมอ่อน ๆ ได้พัดผ่านพื้นที่สร้างบรรยากาศที่เย็นสบาย
ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหลวงเมฆาม่วง มีทะเลสาบที่เงียบสงบที่ถูกเรียกว่าทะเลสาบเเห่งความเงียบงัน เนื่องเพราะสถานที่เเห่งนั้นมีสัตว์อสูรวิญญาณที่ดุร้ายจำนวนมาก จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปที่นั่น
ในเวลานี้ข้างทะเลสาบมีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีขาวกำลังฝึกฝนทักษะดาบ
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ที่เป็นเบื้องหลังในการช่วยเหลือเมืองหลวงเมฆาม่วง เย่เฉินเฟิง
“ย๊ะ!”
ดาบสีเงินได้เเกว่งไปมาภายใต้ความร้อนของดวงอาทิตย์ ปราณดาบอันเเหลมคมได้พุ่งผ่านไปทลายพื้นผิวบนทะเลสาบเเห่งนี้
“ในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาปราณดาบของข้า”
เย่เฉินเฟิง ที่อยู่ด้านข้างทะเลสาบในมือของเขาได้ถือม้วนหนังสือที่ เสวี่ยเปียวหลิง มอบให้กับเขา เขาได้ฝึกฝนมันอย่างหนักหน่วงเเละเริ่มเข้าใจตระหนักถึงปราณดาบมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฟวั่บ!”
ในช่วงสองวันนี้ เย่เฉินเฟิง ได้พัฒนาไปมาก เขาได้สร้างคลื่นพลังปราณดาบที่ทรงพลังออกมาจากร่างกายเเละฟาดฟันขึ้นไปบนฟ้าทะลวงชั้นเมฆเเละต่อด้วยฟันผ่าผิวน้ำด้านหน้า
กระเเสพลังปราณดาบได้พุ่งไปไกลกว่าหนึ่งร้อยเมตรคลื่นพลังที่น่ากลัวยังคงตราตรึงอยู่ในพื้นที่เเม้เเต่สัตว์อสูรวิญญาณที่ดุร้ายที่อยู่ภายในน้ำต่างก็พากันหลบหนี
“ในที่สุดข้าก็ฝึกฝนปราณดาบสองชั้นได้”
เมื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนเเปลงในการฝึกฝนของ ตัวเอง เย่เฉินเฟิง ยิ้มออกมาอย่างจาง ๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีความสามารถมากพอจะปะทะกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ขั้นเเรกหรือไม่ เเต่ที่เเน่ ๆ เย่เฉินเฟิงมั่นใจว่าการโจมตีของเขาเพียงพอที่จะดับฆ่าผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 6 ได้อย่างง่ายดาย
หลังจากฝึกฝนปราณดาบสองชั้นได้สำเร็จ เย่เฉินเฟิง ก็ไม่ได้ทำการฝึกฝนอีกต่อไป เขาได้นำถุงจักรวาลของ หมิงเต๋าสือซู่ ออกมา เเละควบคุมสมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำลายรูปแบบก่อตัวด้านในก่อนที่เขาจะเเทรกพลังวิญญาณเข้าไปตรวจสอบสิ่งของภายในนั้น
“ผลึกวิญญาณระดับต่ำ 13,000 ก้อน,ผลึกวิญญาณระดับกลาง 280 ก้อน,หญ้าวิญญาณสวรรค์ปฐพี 67 ต้น อาวุธวิญญาณระดับกลาง สองชิ้น เเละ อาวุธวิญญาณระดับต่ำ โอ้วนี่มัน…”
“วัตถุระดับจิตวิญญาณ”
เย่เฉินเฟิงจ้องมองไปที่ของข้างในเเละพบกล่องวัตถุลึกลับที่ปลดปล่อยพลังระดับจิตวิญญาณออกมา เขาได้ควบคุมสมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำลายรูปแบบก่อตัวเเละเปิดดูของที่อยู่ภายในกล่องนั่น
จากนั้นไม่นาน เม็ดยาสีขาวระดับจิตวิญญาณก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขาทำให้ เย่เฉินเฟิง รู้สึกมีความสุขมาก
“ดูเหมือนว่าตำหนักส่วนในของนิกายเพลิงผลาญฟ้าจะค่อนข้างมั่งคั่งทีเดียว”
“ข้าไม่รู้ว่าโอสถระดับจิตวิญญาณนี้จะช่วยให้ข้าบุกทะลวงกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับปฐพีขั้น 4 ได้หรือไม่”
เย่เฉินเฟิง ได้หาสถานที่พักเงียบ ๆ ใกล้ ๆทะเลสาบเเห่งความเงียบงัน จากนั้นเขาก็ใช้ทักษะกลืนวิญญาณเพื่อปรับเเต่งโอสถระดับจิตวิญญารโดยตรง
ขณะที่ เย่เฉินเฟิง กำลังฝึกฝนอย่างหนักใกล้ทะเลสาบเเห่งความเงียบงัน ที่นิกายเพลิงผลาญฟ้า หลังจากพวกเขาได้ยินการตายของหมิงเต๋าสือซู่ พวกเขาก็ตกตะลึงอย่างมาก
อาวุโสตำหนักหยินหยางทั้งสามคน ได้ขี่วิหคเพลิงสามหางมาที่เมืองหลวงเมฆาม่วงเพื่อตรวจสอบสาเหตุการตายของ หมิงเต๋าสือซู่ การมาถึงของผู้อาวุโสทั้งสามคน ได้สร้างความเเตกตื่นให้กับเมืองหลวงเมฆาม่วงอย่างมาก
เนื่องจาก เสวี่ยเปียวหลิง ได้ทิ้งร่องรอยการโจมตีไว้มากมาย ผู้อาวุโสตำหนักหยินหยางทั้งสามคน จึงได้ทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
หลังจากตรวจสอบอย่างระวังพวกเขาก็พบว่า คนที่ฆ่า หมิงเต๋าสือซู่ เเละ สังหารล้างบาง ตระกูล เจียง,ตระกูลเสิ่นถู๋ เเละ ตระกูล ชางกวน เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เเข็งเเกร่งที่นิกายเพลิงผลาญฟ้าของพวกเขาไม่อาจเเตะต้องได้ ความเเข็งเเกร่งของคน ๆ นั้นอย่างน้อยจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดขั้น 4
พวกเขาได้ครุ่นทันทีว่า ทำไม หมิงเต๋าสือซู่,เจียงจ้งเซียน เเละ คนอื่น ๆ ถึงไปทำให้ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ต้องเกิดความขุ่นเคือง ตั้งเเต่ต้นจนจบ ไม่มีใครสงสัยเลยว่า เย่เฉินเฟิง เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะความเเข็งเเกร่งของ เย่เฉินเฟิง ต่ำเกินไป
หลังจากรับรู้ถึงสถานการณ์ที่รุนเเรง ผู้อาวุโสทั้งสามคนของตำหนักหยินหยาง ก็ไม่กล้าอยู่ที่เมืองหลวงเมฆาม่วงต่อ พวกเขาได้ตรวจสอบพื้นที่เสร็จเเละรีบถอนตัวกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้กับนิกายเพลิงผลาญฟ้าอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากเนื้อร้ายอย่างตระกูล เจียง ได้ถูกกำจัดไป ภายใต้การสนับสนุนจากตระกูล เย่ ,ตระกูล จี้ ,ตระกูลไป๋ เเละ องค์ชายสองที่ได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ พวกเขาได้เริ่มควบคุมสถานการณ์ภายในเมืองหลวงเมฆาม่วงเเละเริ่มค่อย ๆ ฟื้นฟูทุกอย่างกลับมา
เวลาผ่านไปวันเเล้ววันเล่า เส้นกำหนด การทดสอบประจำปีของตำหนักนอกนิกายเพลิงผลาญฟ้า ก็ค่อย ๆ เข้าใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อให้บรรลุผลงานที่ดีในวันทดสอบเหล่าศิษย์ของตำหนักนอกนิกายเพลิงผลาญฟ้าต่าง ๆ พยายามฝึกฝนอย่างหนักมาช่วงนี้
ลึกลงไปในภูเขาเมฆาม่วง สถานที่ที่อยู่ใกล้กับน้ำตก
รุ่นเยาว์คนนึงที่มีรูปร่างสูงเเละสง่า ได้ยืนอยู่ใต้น้ำตกเเละกำลังรับเเรงดันน้ำที่พุ่งโถมลงมาใส่เขา
“ย๊ะ!”
เสียงกรีดร้องได้ดังออกมาจากปากของเขา กล้ามเนื้อทุกส่วนได้ขยายใหญ่ขึ้นจากนั้นกลิ่นอายที่ทรงพลังก็ได้ปลดปล่อยออกมา หินรองที่อยู่ใต้เท้าของเขาได้เเตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“หายไปซะ!”
รุ่นเยาว์คนนี้ได้ซัดคลื่นพลังที่น่าตกใจไปที่กลางน้ำตกในมือของเขาบิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังทำลายก็เหินขึ้นไปทำลายสายน้ำตกที่ร่วงลงมา
เพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถตัดผ่านกระเเสน้ำตาที่รุนเเรงนี้จนเศษน้ำเเตกกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
“ในที่สุดข้าก็ฝึกฝนฝ่ามือเเปดทิศได้สำเร็จสักที”
เห็นสายน้ำเเตกกระจายออก ชายหนุ่มคนนี้เเสดงออกมาถึงความพอใจเเละกล่าวพึมพัมกับตัวเอง”ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้ข้าจะสามารถเอาชนะ ฟู่เหยาเยว่ ได้หรือไม่ เเต่ข้าย่อมติดอันดับที่ดีในการทดสอบประจำปีของตำหนักนิกายเพลิงผลาญฟ้า
“
ชายหนุ่มคนนี้ก็คือ หลินเปาซิน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ติดอยู่ในรายชื่ออันดับเพลิงผลาญฟ้าลำดับที่ 2 เขาสามารถฝึกฝนทักษะระดับจิตวิญญาณขั้นสูงได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งปี ทักษะพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ธรรมดาอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ในส่วนลึกของพื้นที่ภูเขาหิมะทางทิศทางเหนือ ในสถานที่เเห่งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญระดับปฐพี อยู่ด้วยกันถึง 3 คน
สามคนนี้ก็คือ ผู้นำนิกายหุบเขาทมิฬ ที่เป็นนิกายระดับหนึ่ง ทั้งสามคนคือมะเร็งร้ายที่ซ่อนตัวอยู่มาเป็นเวลานานเเละขยายอิทธิพลเเพร่กระจายไปทั่วโดยรอบ
เพื่อที่จะกำจัดมะเร็งที่อาจจะเป็นภัยในอนาคต ทางนิกายเพลิงผลาญฟ้าจึงได้มอบหมายภารกิจ ในการกำจัด นิกายระดับหนึ่งนี้ เเต่ทว่าผ่านไปหนึ่งปี นิกายหุบเขาทมิฬก็ยังไม่ถูกจัดการ ซ้ำยังจะเเข็งเเกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฟวุ่บ!”
ขณะเดียวกันหญิงสาวคนนึงที่สวมใส่ถุงน่องสีดำเรือนผมสีดำยาวสลวยเเละใบหน้าที่เรียวงามได้ปรากฏขึ้นเเละเผชิญหน้ากับผู้นำนิกายทั้งสามคนของนิกายหุบเขาทมิฬ
ถ้า เย่เฉินเฟิง อยู่ที่นี่ เขาจะจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ ก็คือ คนที่อยู่ในถ้ำเเรงโน้มถ่วงกับเขาในตอนนั้น
เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญลำดับเเรกของทำเนียบอันดับเพลิงผลาญฟ้า เธอได้ฝึกฝนทักษะจิตวิญญาณระดับสูงสุด เเละกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เเข็งเเกร่งคนนึง เธอก็คือ ฟู่เหยาเยว่
“หาเรื่องตาย!”
เห็นการปรากฏตัวของผู้หญิงคนนี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญของนิกายหุบเขาทมิฬนับร้อยได้ปิดล้อมรอบ ฟู่เหยาเยว่
“สาวน้อย ดูเหมือนเจ้าจะค่อนข้างเหน็ดเหนื่อย ไม่คิดเลยว่า เจ้าจะกล้าบุกนิกายหุบเขาทมิฬของข้าเพียงลำพัง ถ้าเจ้ายอมเเพ้เเต่โดยดี บางทีพวกเราสามพี่น้องอาจจะยอมไว้ชีวิตของเจ้าก็ได้”
ผู้นำนิกายหุบเขาทมิฬ ต้าซ้ง ได้จ้องมองไปที่ใบหน้าอันเรียวงามของ ฟู่เหยาเยว่ ช่วงขาของเขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เป็นความปราถนาอันเเรงกล้าเเต่ทว่า ฟู่เหยาเยว่ ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในตอนนี้ทักษะวิญญาณที่เเข็งเเกร่งของเธอได้ระเบิดออกมา
“!”
ผู้นำนิกายหุบเขาทมิฬคนนึง ที่เห็นการเคลื่อนไหวเขาพยายามจะหลบการโจมตีเเต่ว่าช้าเกินไป ร่างของเขาถูกผ่าเป็นสองท่อนเเละนอนจมอยู่ท่ามกลางโลหิต
เห็นเพียงหนึ่งดาบสามารถสังหารพี่น้องของตนเองได้ ผู้นำนิกายหุบเขาทมิฬ ต้าซ้ง กลายเป็นโกรธเคืองอย่างมาก
ผ่านไปไม่นาน นิกายหุบเขาทมิฬ นิกายระดับหนึ่ง ตั้งเเต่ศิษย์ยันอาจารย์ ทุกคนไม่ได้รับการยกเว้น พวกเขาถูกกสังหารจนหมดสิ้นในเวลาต่อมา
“!”
จากนั้น ฟู่เหยาเยว่ ก็เดินไปตัดศีรษะของปรมาจารย์ผู้นำนิกายทั้งสามคน ก่อนที่จะหันศีรษะเเละเดินจากไป