“อ๊ะ…ข้ายังไม่ตายสินะ”
หลังจากผ่านไปอย่างไม่รู้ระยะเวลา เย่เฉินเฟิง ได้ตื่นขึ้นจากอาการหมดสติ
เมื่อเขามองเห็นสภาพเเวดล้อมที่คุ้นเคยเเละดาบหักลึกลับที่อยู่ข้างเขา เย่เฉินเฟิง ก็รู้ได้ในทันทีว่า สมองกลืนกินศักดิ์สิทธิได้ช่วยเหลือชีวิตของเขาไม่งั้นเขาคงถูกฆ่าตายด้วยปราณดาบครั้งที่สามไปเเล้ว
ด้วยการค้นพบนี้ เย่เฉินเฟิง รู้สึกดีใจมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่า สมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ จะท้าทายสวรรค์เพียงนี้ ไม่เพียงเเต่มันช่วยเหลือชีวิตของเขา เเต่กระทั่งหยุดปราณดาบที่ทรงพลังทั้งสามได้อีกด้วย
ปราณดาบคือเจตจำนงของดาบ มันสามารถทำร้ายผู้อื่นได้ มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ปราณดาบยังสามารถช่วยเพิ่มพลังทำลายของดาบได้อีก อาจกกล่าวได้ว่าผู้ที่เข้าถึงเเก่นเเท้ของดาบเเละสร้างปราณดาบขึ้นมาได้พวกเขาย่อมกลายเป็นมือดาบที่เป็นหนึ่งในผู้ที่น่าเเตกตื่นที่สุดในโลก
“ด้วยการรับรู้ในปัจจุบันของข้า ข้าสงสัยว่าข้าจะต้องใช้เวลานานเเค่ไหนถึงจะสามารถเข้าถึงปราณดาบที่อยู่ในสมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์ได้”เย่เฉินเฟิง พึมพัมกับตัวเอง มันเป็นเพราะว่า ปราณดาบที่ถูกกลืนกินโดยสมองศักดิ์สิทธิ์นั้นเขาสามารถนำมันมาใช้เป็นอาวุธโจมตีที่ร้ายเเรงที่สุดได้
หลังจากหมดสติไปสองสามวัน กระเพาะของ เย่เฉินเฟิง ก็ดังกึกก้องไปด้วยความหิว เขาได้รักษาอาการบาดเจ็บที่วิญญาณเเละออกจากลานบ้านเล็ก ๆ ของเขา เพื่อที่ห้องอาหารวิญญาณ
หลังจากกินอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ร้ายเเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็ใช้ผลึกวิญญาณระดับต่ำอีก 130 ก้อน เพื่อซื้ออาหารกักตุนไว้จำนวนมาก เพื่อที่เขาจะได้เตรียมฝึกฝนการใช้ปราณดาบ
“มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ที่นี่”
ทันทีที่ เย่เฉินเฟิง ออกจากห้องอาหารวิญญาณเเละกลับไปที่ลานบ้านของเขาเพื่อเตรียมปินด่านฝึกฝน จู่ ๆ เขาก็สังเกตุเห็นชายหนุ่มร่างสูงเสื้อคลุมยาวสีขาวมาดักรออยู่ที่ด้านนอกสนาม
ร่างของเขาราวกับได้ผสานกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ หากไม่ได้สังเกตุเห็นด้วยตาเปล่ามันก็เเทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจจับการดำรงอยู่ของเขาได้
“เย่เฉินเฟิง ข้ามารอเจ้าอยู่ซักพักเเล้ว”ชายในชุดขาวจ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง เเละ กล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าเป็นคนของตระกูล เสิ่นถู๋?”
เห็นว่าชายในชุดขาวมีลักษณะคล้ายกับ เสิ่นถู๋เสวี่ย เย่เฉินเฟิง ได้กล่าวคาดเดาตัวตนของอีกฝ่าย
“ถูกต้อง ข้ามีชื่อว่า เสิ่นถู๋เฮิง ,เสิ่นถู๋เสวี่ย เเละ เสิ่นถู๋เย่ เป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า”เสิ่นถู๋เฮิง พยักหน้าเเละกล่าวตอบ
“เสิ่นถู๋เฮิง คนที่มีรายชื่อติดอยู่อันดับที่ 10 ของทำเนียบเพลิงผลาญฟ้า?”
เย่เฉินเฟิง เคยได้ยินชื่อของ เสิ่นถู๋เฮิง มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากร่างกายของอีกฝ่าย ดังนั้น เย่เฉินเฟิง จึงกล่าวถามอย่างเย็นชา”ข้าสงสัยว่าเจ้ามีธุระอันใดกับข้า?”
“ข้ามาหาเจ้าในวันนี้ก็เพราะต้องการให้เจ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่ยอดเยี่ยม”ข้าสงสัยว่าเจ้าคิดยังไงเกี่ยวกับน้องสาวของข้า เสิ่นถู๋ปิง”
“เจ้าต้องการให้เธอเเต่งให้ข้างั้นเหรอ?”เย่เฉินเฟิง กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม เเต่เขาไม่ได้มีความประทับใจที่ดีเกี่ยวกับ เสิ่นถู๋ปิง ที่ดื้อรั้นเเละเอาเเต่ใจ
“ไม่ใช่น้องสาวของข้าเเต่งให้เจ้า เเต่เป็นเจ้าที่จะต้องเเต่งเข้าตระกูลเสิ่นถู๋ของข้า”เสิ่นถู๋เฮิง สั่นศีรษะเเละกล่าวพูด
“ข้าขอโทษด้วย เเต่ข้าไม่สนใจน้องสาวของเจ้า ทั้งยังไม่คิดจะเข้าร่วมกับตระกูลเสิ่นถู๋”หลังจากทราบจุดประสงค์ของ เสิ่นถู๋เฮิงเเล้ว เย่เฉินเฟิง ก็ยิ้มออกมาเเละกล่าวปฏิเสธ
“เจ้าเเน่ใจหรือว่าไม่ต้องการคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง นี่เป็นโอกาสเดียวสำหรับเจ้าที่จะเข้าร่วมกับตระกูลเสิ่นถู๋ หากเจ้าพลาด ข้ากลัวว่าเจ้าจะต้องสำนึกเสียใจไปตลอดชีวิต”เสิ่นถู๋เฮิง กล่าวเตือนด้วยเสียงเบา ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาที่น่ากลัว
“เจ้าเสร็จธุระเเล้วหรือไม่ ถ้าเสร็จเเล้ว ก็ถอยไปซะข้าจะกลับเข้าไปข้างใน”
ได้ยินคำเตือนของ เสิ่นถู๋เฮิง เย่เฉินเฟิง ไม่ได้สนใจ เขาได้เดินเข้าไปในลานบ้านของเขา เเละ เปิดใช้งานรูปแบบก่อตัวขึ้น
“เย่เฉินเฟิง ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับเจ้า ก็อย่าได้ตำหนิหาว่าข้าเป็นคนไร้ความปราณี”กลิ่นอายที่ชั่วร้ายได้พุ่งออกมาจากส่วนลึกของดวงตา เสิ่นถู๋เฮิง มันเหมือนกับ สัตว์ร้ายที่ต้องการจะกลืนกินเหยื่อทั้งเป็น
“ดูเหมือนว่าคนที่ติดหนึ่งในรายชื่อ 10 อันดับเเรกบนทำเนียบเพลิงผลาญฟ้านั้นไม่ง่ายเลยที่จะจัดการ”
เย่เฉินเฟิง เริ่มมีความเข้าใจเกี่ยวกับอันดับทำเนียบเพลิงผลาญฟ้า เขารู้สึกว่าตนเองนั้นยังอีกไกลที่จะสร้างชื่อติดอันดับหนึ่งในสิบอันดับเเรกได้
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือเขาจะต้องเข้าใจเเละเรียนรู้ปราณดาบโดยเร็วที่สุด หากสามารถเข้าใจในปราณดาบได้ เขาจะสามารถสร้างการโจมตีที่น่าตกใจออกมา เช่นนั้น ช่องว่างระหว่างเขากับ เสิ่นถู๋เฮิง ก็จะใกล้กันมากขึ้นอีกขั้นนึง
เย่เฉินเฟิง ได้นั่งอยู่ใต้ต้นไม้โบราณเพียงต้นเดียวที่อยู่ในลานบ้านของเขา จากนั้นเขาก็ขจัดความคิดที่กวนใจเเละเริ่มทำความเข้าใจปราณดาบทั้งสามที่อยู่ในสมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์
เเม้ว่าความเข้าใจเเละความสามารถของ เย่เฉินเฟิง จะมาถึงในระดับที่ยอดเยี่ยมหลังจากที่หลอมรวมกับสมองกลืนกินศักดิ์สิทธิ์ เเต่เขาก็ไม่คุ้นเคยเกี่ยวกับปราณดาบมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ปราณดาบมีความลึกลับเเละยากที่จะเข้าใจมัน สิ่งที่เขาสัมผัสได้เป็นเพียงความคลุมเครือของความหมายที่เเท้จริงของปราณดาบเพียงเท่านั้น
เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าใจส่วนสำคัญของมันได้ เย่เฉินเฟิง จึงไม่ได้รีบร้อน
เขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้โบราณโดยไม่เคลื่อนไหวเหมือนกับรูปปั้นหิน ในขณะที่เขาพยายามอย่างหนักที่จะทำความเข้าใจในปราณดาบทั้งสาม
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป เวลาส่วนใหญ่ของ เย่เฉินเฟิง ได้ใช้ไปกับการทำความเข้าใจในปราณดาบ
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เย่เฉินเฟิง ก็เริ่มเข้าใจความหมายที่เเท้จริงของปราณดาบเพียงเล็กน้อย
เเสงคมดาบอ่อน ๆ ได้ปรากฏบนพื้นผิวของร่างกายของเขา จากนั้นเขาก็พุ่งฝ่ามือตัดไปที่ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว
“ปราณดาบนั้นไร้รูปร่างหากสามารถฝึกปราณดาบให้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเองได้เช่นนั้นก็จะสามารถทำความเข้าใจส่วนสำคัญของปราณดาบได้”
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุด เย่เฉินเฟิง ก็สามารถเข้าใจความหมายที่เเท้จริงของปราณดาบ
ในลานบ้านของเขา เย่เฉินเฟิง ได้นั่งไขว่ห้างอยู่ใต้ต้นไม้โบราณโดยไม่ขยับ คลื่นพลังวิญญาณของปราณดาบได้ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายของเขาราวกับว่ามันกำลังจะพวยพุ่งออกมา
ทันใดนั้น เย่เฉินเฟิง ก็หลับตาอยู่ก็เปิดเปลือกตาขึ้น เเสงที่คมชัดได้ยิงออกมาจากดวงตาของเขา
ในเวลาต่อมา เย่เฉินเฟิง ก็ได้เหยียดนิ้วออกมา เเสงสว่างของปราณดาบได้พุ่งออกจากปลายนิ้วของเขาเเละโจมตีออกไปบนอากาศ
เย่เฉินเฟิงได้ใช้นิ้วของเขาสร้างเป็นปราณดาบ ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือความเร็วอาจเรียกได้ว่ามันค่อนข้างสมบูรณ์แบบอย่างมาก พลังเเสงปราณดาบที่ถูกยิงออกมาได้ทำให้มวลอากาศนั้นสั่นไหวเล็กน้อย
“เเม้ว่านี่จะเป็นการใช้ออกโดยปราณดาบ เเต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์”
ลำเเสงปราณดาบที่ เย่เฉินเฟิง ยิงออกไปนั้น มันทรงพลังมาก เเต่มันก็ยังมีความเเตกต่างกับปราณดาบที่เเท้จริง พลังของมันมีเพียงเเค่ครึ่งนึงของพลังที่เเท้จริงเพียงเท่านั้น
เพื่อชดเชยความเเตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เขาจะต้องทำการฝึกฝนให้มากขึ้น
ดังนั้นการโจมตีด้วยปราณดาบที่เขาสามารถใช้ออกได้ตอนนี้ ก็เป็นเพียงเเค่ปราณดาบขั้นย่อยเท่านั้น