Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 34 การพัฒนาเหมือง (3)

บทที่ 34 การพัฒนาเหมือง (3)
ณ ห้องทำงานของอัศวินแห่งรากันต์ที่อยู่ทางตะวันตกของคฤหาสน์
อาคารหลายหลังตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ขนาดใหญ่ และอาคารที่ใหญ่ที่สุดคืออาคารหลักที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการจัดเก็บและบำรุงรักษากิกันท์
“ท่านพ่อบ้าน.. ท่านมีธุระอะไรกับที่นี่กัน?”
ในขณะที่ฮานส์กำลังเข้าใกล้กิกันท์ อัศวินที่เฝ้าทางเข้าก็ถามเขา
ฮานส์เคยเป็นคนขับกิกันท์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของตระกูลรากันต์ และต่อมามันก็ได้รับการดูแลจากอัศวินและกองกำลังทหารแทน
“ข้ามีหลายสิ่งที่ต้องทำน่ะ แล้วการซ่อมกิกันท์ล่ะ”
“มันเป็นไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณเงินทุนที่นายน้อยมอบให้กับท่านมิวท์เมื่อวันก่อน”
มิวท์ได้นำเงินบางส่วนที่ลุคมอบให้กับเขา ไปใช้กับการสร้างหอคอยเวทมนตร์และจัดซื้อชิ้นส่วนและวัสดุที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมกิกันท์
หอคอยเวทมนตร์นั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างแน่นอน แต่เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เขาคิดว่าการฟื้นฟูกิกันท์และพลังรบนั้นสำคัญกว่า
การซ่อมแซมในครั้งนี้ได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของกิกันท์ทั้งสามที่อยู่ในสภาพที่แย่มากได้เป็นอย่างดี และกิกันท์เศษเหล็กที่ขึ้นสนิมอยู่ในโกดังก็ถูกนำมาสร้างใหม่เช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ขวัญกำลังใจของอัศวินเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้มีกิกันท์เพียงสามตัวที่สามารถใช้ได้ซึ่งทำให้อัศวินน้อยคนนักที่จะสามารถเป็นคนขับกิกันท์
แต่ตอนนี้เมื่อสามารถนำกิกันท์ที่ได้รับการฟื้นฟูกลับมาใช้งานได้แล้ว พวกเขาทุกคนก็เริ่มที่จะหลงไหลไปกับการฝึกกิกันท์
ในตอนแรกฮานส์ซึ่งรู้สึกไม่ค่อยพอใจสำหรับการตัดสินใจของลุคที่ต้องการจะลงทุนในเวทมนตร์ แต่เมื่อได้เห็นถึงขวัญกำลังใจของอัศวินเขาก็ตระหนักได้ว่าความคิดของเขานั้นยังเป็นอะไรที่แคบอยู่มาก
“ข้านึกว่าท่านมาที่นี่เพื่อพบนายน้อยซะอีก”
“อะไรนะ? นายน้อยมาที่นี่อย่างนั้นหรอ”
“ท่านไม่รู้เหรอ? เมื่อเช้าเขาพึ่งมาเรียนเรื่องวิศวกรรมเวทมนตร์จากท่านมิวท์ที่นี่ และเขาก็ยังมาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องกิกันท์อีกด้วย”
ฮานส์ที่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน รีบเดินเข้าไปข้างใน
หัวใจของเขาเต้นระรัวเมื่อคิดถึงนายน้อยที่ควบคุมกิกันท์อีกครั้ง
โชคดีที่ลุคเพียงแค่กำลังคุยกับมิวท์เกี่ยวกับกิกันท์เท่านั้น
“เซอร์มิวท์ วงเวทย์นี้ทำงานอย่างไรกัน”
“โอ้ มันมีวงเวทย์ทั้งหมดสามแบบในนั้น อันแรกคือวงเวทย์ต้านแรงโน้มถ่วงที่ช่วยในการกระโดดและวิ่ง ส่วนอันที่สองคือวงเวทย์ปรับสมดุลที่ช่วยยึดจุดศูนย์ถ่วงของกิกันท์ และวงเวทย์อันสุดท้ายคือวงเวทย์ทุติยภูมิซึ่งช่วยในการรวมวงเวทย์ทั้งสองอันแรกไว้ด้วยกัน…”
มิวท์กำลังอธิบายทุกอย่างที่เขารู้โดยละเอียด
บางสิ่งที่เขาพูดนั้นก้าวหน้ากว่าความรู้ที่ลุครู้ในอดีตไปมาก และยังมีทฤษฎีวงเวทย์ที่เขาเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
“ตามที่คาดไว้เวทมนตร์ในยุคนี้ได้พัฒนาไปสู่ขั้นที่ซับซ้อนและมีหลากหลายซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับในอดีต”
เมื่อฟังมิวท์พูดเสร็จ ลุคก็เริ่มคิดกับตัวเอง
เขารู้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปและดีขึ้น แต่เมื่อเขาฟังต่อไปเขาก็ตระหนักว่าเขายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้
ตัวอย่างเช่นในสมัยก่อนมือของโกเลมนั้นสามารถทำได้แค่จับและยกสิ่งของเท่านั้น รูปแบบมือของพวกมันยังไม่มีความคล้ายหรือเหมือนกับมือของมนุษย์
แต่มือของกิกันท์นั้นมีรูปร่างเหมือนกับมือของมนุษย์ พวกมันสามารถจับดาบและสามารถจะทำในสิ่งที่ละเอียดอ่อนได้มากขึ้น
ดังนั้นคนขับกิกันทั้เก่งๆจึงสามารถหยิบแก้วไวน์ด้วยมือของกิกันท์ได้อย่างง่ายดาย
และด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับเวทมนตร์โกเลมลุคสามารถเรียนรู้วิศวกรรมเวทมนตร์ได้โดยไม่ยาก
“แกนกลางซับซ้อนกว่าที่คิดแหะ”
“แน่นอน เพราะว่ามีการใช้วงเวทย์ของพ่อมดอย่างน้อย 20 ถึง 50 วง รวมกันเพื่อความปลอดภัยและยังมีอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อป้องกันไม่ให้มานาหมดลงอีก”
“ถ้าอย่างนั้น จอมเวทเหล็กไหลก็ต้องจำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเลยหรอ
“ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นก็ได้ ท่านแค่ต้องใช้พ่อมดขั้น 7 และความรู้ในการออกแบบและสร้างกิกันท์  เพราะฉะนั้นก่อนหน้านั้นทุกคนจึงต้องเคยทำงานกับกิกันท์ที่อยู่ในสภาพแยกออกจากกัน”
“แล้วอย่างพวกเราละ ในดินแดนที่มีจอมเวทเหล็กไหลเพียงคนเดียวและแถมยังไม่ถึงขั้น 7 ด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็แค่ต้องซื้อมาเปลี่ยน แม้ข้อเสียของมันคือการที่มีค่าใช้จ่ายในราคาแพง แต่ข้อดีของมันก็คือช่วยลดระยะเวลาในการซ่อมบำรุง”
นี่คือเหตุผลที่หอคอยเวทมนตร์ไม่ได้สร้างกิกันท์เพียงอย่างเดียวแต่ยังผลิตและขายชิ้นส่วนอะไหร่ซึ่งสามารถทำกำไรให้พวกเขาได้เป็นอย่างมาก
“ถ้าเราไม่สามารถสร้างหรือซ่อมแซมชิ้นส่วนได้แบบนี้ งั้นแบบนี้เราก็จะไม่ขึ้นอยู่กับหอคอยเวทมนตร์หรอ?”
“แน่นอนว่ามันมีปัญหาเช่นนี้อยู่ แต่ท่านก็อย่าพึ่งหลงลืมพลังของชนชั้นสูง พวกเขายังสามารถผลิตสินค้าและอะไหร่แบบเดียวกันได้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้เองไปยึดติดกัยหอคอยเวทมนตร์เพียงแห่งเดียว”
หากระบบถูกทำให้เชื่อถือได้ มันก็คงจะเป็นพ่อมดแม่มดที่จะปกครองโลกปัจจุบันไม่ใช่ขุนนาง
อย่างไรก็ตามหอคอยเวทมนตร์จะไม่เปิดเผยชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพสูงและวงเวทย์ของเครื่องยนต์หลักเพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของพวกเขา
“พ่อมดชอบซ่อนของตลอดเวลา มันเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปเลย”
ลุคต้องการที่จะมีอำนาจมากๆเพื่อทำการแก้แค้นของเขาให้สำเร็จ
เช่นเดียวกับกองทัพโกเลมในอดีต ตอนนี้เขาต้องการที่จะครอบครองกองทัพกิกันท์ที่ทรงพลัง
ในการทำจะเช่นนั้น แทนที่จะซื้อกิกันท์จากหอคอยเวทมนตร์ เขาต้องการจะหาวิธีที่ถูกกว่าในการสร้างมัน เพราะมันจะเป็นการดีกว่าเมื่อคิดถึงอนาคตในระยะยาว
แม้พวกเขาอาจจะด้อยกว่ากิกันท์คลาสนักรบซึ่งถูกผลิตขึ้นในหอคอยเวทมนตร์ก็ตาม
“ถ้ามิวท์ยังอยู่ในขั้นที่ 5 งั้นมันก็หมายความว่าข้าต้องเข้าร่วมหอคอยเวทมนตร์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างนั้นหรอ หรือข้าจะลองลักพาตัวพ่อมดอาวุโสมาดี”
ด้วยทักษะปัจจุบันของลุค เขาสามารถที่จะลักพาตัวพ่อมดขั้น 7 ได้อย่างแน่นอน
เพราะจอมเวทเหล็กไหลนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นพวกที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้
ขณะที่ลุคกำลังดูเป็นกังวล ฮานส์ก็เข้าไปหาเขาแล้วพูดว่า
“นายน้อยท่านทำอะไรกันหรอ? เรียนวิศวกรรมเวทมนตร์…เอ่อ!”
ขณะที่เขากำลังพูด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
ฮานส์นั้นมีสายตาที่ไม่ค่อยดีเนื่องจากอาการสายตายาวที่เกิดขึ้นตามวัย แต่เมื่อเขามองเข้าไปใกล้ๆเขาก็เห็นลุคและมิวท์กำลังถอดชิ้นส่วนของกิกันท์ออกมาและดึงชิ้นส่วนทั้งหมดออกจากด้านใน
“นายน้อยตอนนี้พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่กัน”
ลุคมองย้อนกลับไปแล้วตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ข้าแค่สงสัยว่าข้างในกิกันท์มันหน้าตาเป็นอย่างไร”
“ท่านเลยทำกับมันเป็นแบบนี้เหรอ”
ในบางครั้งคนขับกิกันท์บางคนก็สงสัยเกี่ยวกับโครงสร้างและประสิทธิภาพของสิ่งที่พวกเขากำลังขับ แต่ระดับความเข้าใจของลุคบังอยุ่ในระดับต่ำ
การแยกชิ้นส่วนและการประกอบกิกันท์โดยที่ไม่มีความรู้เกียวกับเรื่องเวทมนตร์ มันก็เหมือนกับการทำลายกิกันท์ดีๆนี่เอง
“แม้ว่าท่านจะต้องการ แต่นี่มัน…”
“หึ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเครื่องจักร เราก็ต้องมองเข้าไปข้างในและดูมันให้ดีสิ”
“อ๊ะ…”
ฮานส์รู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องที่บ้าๆบอๆเอามากๆ
เขาคิดว่าลอร์ดหนุ่มกำลังรื้อกิกันท์เหมือนกับเด็กเอาแต่ใจ
“ตอนนี้ท่านแตกต่างไปมากแล้วจริงๆ”
อาจเป็นเพราะเขาได้เห็นความตายอย่างใกล้ชิด
ย้อนกลับไปตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เรียบง่าย แต่ในตอนนี้เขากลับเป็นเหมือนคนที่มองโลกยาวออกไป
“มันอาจจะเป็นแบบนั้น… แล้วเป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้ท่านเห็นรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว ท่านคิดว่าท่านเข้าใจมันมากขึ้นรึยัง”
“ไม่ มันไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิด”
“ใช่ อย่าหักโหมมากไปละ แค่เพียงเพราะเวทมนตร์กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และทักษะที่ลึกซึ้งมากมาย มันไม่ได้หมายความว่าท่านจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขา”
แม้จะรู้ถึงความตั้งใจของนายน้อย แต่ฮานส์ก็ยังคงต้องการให้ลุคได้รับการยกย่องว่าเป็นทายาทของอัศวิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาพูดเช่นนั้น
แต่ขณะนั้นเอง มิวท์ก็ได้พูดขึ้นมา
“ถึงกระนั้นนายน้อยก็สามารถเรียนรู้ทฤษฎีและความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ได้อย่างรวดเร็ว เขามีค่ามากกว่าคนที่ท่านคิดจะให้เป็นมาก”
ขณะที่มิวท์กำลังชมลุค เขาก็มองกลับไปยังจุดๆหนึ่งด้วยสายตาที่เย็นชา
มันมีจอมเวทเหล็กสามคน ทอดด์,กอร์ดอนและฮัมฟรี้ที่เคยถูกลุคใช้งานพวกเขาเหมือนกันตัวหมากบนมือ กำลังยืนอยู่
หลังจากถูกทำร้ายร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจมาระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาก็เริ่มทำงานอย่างหนักจนมั่นใจที่จะกล่าวได้ว่าพวกเขามีค่าพอ
“แต่ข้าสงสัยว่าเมื่อไหร่กันที่นายน้อยเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์?”
ลุคเริ่มใจสั่นหลังจากได้ยินคำถามของมิวท์และรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“ข้าเพิ่งเรียนรู้มัน…ด้วยตัวเอง…”
“เรียนด้วยตัวเอง? ท่านเคยบอกกับข้าว่าท่านเกลียดเวทมนตร์ในตอนที่ข้าจะสอนท่านนี่นา”
“ฮ่าฮ่าฮ่ารู้ไหม…ในตอนที่ข้าเกือบตาย จู่ๆข้าก็อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกิกันท์และเวทมนตร์น่ะ”
ในการแก้ตัวสีข้างถลอกของลุค มิวท์ก็ดูเหมือนว่าจะหลงเชื่อกับคำตอบของเขา
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็ได้กลายเป็นสาวกที่ดุร้ายของลุค
“เจ้ายังต้องสอนข้าอีกมากมายในอนาคต”
“ข้าจะบอกท่านทุกอย่างที่ท่านอยากรู้”
“ฮ่าฮ่าขอบคุณ”
ฮานส์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินทั้งสองคุยกัน
เขารู้สึกเหมือนกับว่านายน้อยของเขาอยากเป็นพ่อมดมากกว่าอัศวิน
ในฐานะผู้พิทักษ์ของนานยน้อยและตัวแทนของรากันต์ เขาต้องการให้ลุคได้กลายเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยม
“อย่างน้อยข้าก็ยังดีใจที่เขาไม่กลัวกิกันท์”
มันมีอัศวินมากมายที่มักจะหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้กิกันท์หลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่
แต่ลุคก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในช่วงนั้นเลย
นั่นก็เพราะเขายังคงเข้าใกล้กิกันท์และเฝ้าสังเกตพวกมันแม้ว่าเขาจะพึ่งเกิดอุบัติเหตุก็ตาม
“ระวังอย่าให้วงเวทย์นั่นเสียหาย…. อื้อ! อย่าสัมผัสศิลาเวทมนตร์สิ! หากการไหลของมานาที่ผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อยมันก็จะเปลี่ยนคลื่นมานาไปได้โดยสิ้นเชิง!”
“ไม่ต้องกังวล ข้ารู้เรื่องนั้นหรอก”
ลุคพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับกิกันท์แทนที่จะกลัว
“ข้าหวังว่าท่านจะไม่หักโหมจนเกินไป”
เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นนายน้อยของเขามีความพยายามและความทะเยอทะยานที่จะเหนือบรรพบุรุษของเขา
แต่ฮานส์ก็กลัวว่าความทะเยอทะยานของเขาจะทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง เขาจึงเดินจากไปโดยหวังว่าลุคจะระมัดระวังตัว…

Emperor of Steel

Emperor of Steel

กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด “ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!” ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset