บทที่ 102 ฝืนเข้มแข็ง
“คุณนายมู่ ตามผมออกมา” มู่วี่สิงจูงมือของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน ทั้งยังให้เจี่ยนอีก็อย่าอยู่ข้างในนั้น ฝุ่นเยอะเกินไป
เกาเชียนพาบอดี้การ์ดสองสามคนตามมาอย่างรวดเร็วเก็บกวาดทุกอย่างภายในบ้าน แต่ก็แทบจะเหลือเพียงแค่บ้านที่ว่างเปล่าหลังหนึ่ง
ทุกอย่าง หายไปหมดแล้ว
“แม่ ไม่เป็นไรค่ะ แม่ยังมีหนู บ้านพวกเราตกแต่งใหม่ได้ ก่อนหน้านี้แม่ไม่ได้พูดถึงอยู่ตลอดหรอคะว่าจะรีโนเวทบ้านใหม่ให้ดีๆ?” เวินจิ้งฝืนเข้มแข็งเอาไว้ ปลอบใจเจี่ยนอี
เจี่ยนอีถอนหายใจออกมา บ้านหลังนี้ ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกินการรับได้ของเธอไปตั้งนานแล้ว
“ลูกรัก แม่ไม่สามารถรักษาบ้านของเราเอาไว้ได้” เจี่ยนอีกอดเวินจิ้งเอาไว้ ความรู้สึกผิดและความปวดใจทำให้เธอไม่สามารถที่จะสงบลงมาได้อยู่นาน
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบางอย่างเยือกเย็น สั่งบอดี้การ์ดให้จัดการสถานที่เกิดเหตุให้เรียบร้อย ทีมตกแต่งพรุ่งนี้ก็จะเข้ามาอย่างเป็นไปตามระเบียบแบบแผน
เพราะว่าเจี่ยนอีไม่มีที่พักอาศัยแล้ว ก็เลยไปที่บ้านตระกูลมู่ชั่วคราว
มองเห็นรถยนต์เคลื่อนที่เข้าไปในเขตคฤหาสน์ที่หรูหราอย่างช้าๆ ในที่สุดสีหน้าของเจี่ยนอีก็ค่อยๆดีขึ้นมา
เธอนึกว่าเวินจิ้งเพียงแค่แต่งงานกับคนมีเงินธรรมดาคนหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงว่า ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาน่ะสิ…
“ลูกแม่ ปกติลูกพักอยู่ที่นี่หรอ?” เจี่ยนอีมองดูสิ่งก่อสร้างตรงหน้าที่ราวกับปราสาทก็ไม่ปานอย่างประหลาดใจ
เจี่ยนอีทั้งชีวิตไม่เคยเห็นคฤหาสน์ที่ใหญ่โตโอ่อ่าแบบนี้มาก่อน
เวินจิ้งยิ้มขึ้นเล็กน้อย ประคองคุณแม่ลงจากรถ ในตอนแรก เธอก็ต้องปรับตัวอยู่นานเช่นเดียวกัน
“แม่ ที่นี่คือบ้านเก่าของตระกูลมู่ อีกหน่อยหนูกับมู่วี่สิงจะไปพักอยู่ที่เรือนหอ ไม่ได้พักอยู่ที่นี่ค่ะ” เวินจิ้งกล่าว“
“ที่นี่ไม่เลวเลยนะ สภาพแวดล้อมดี อากาศดี อีกทั้งยังอยู่ใจกลางเมือง” จนถึงตอนนี้เจี่ยนอีก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
“แม่ครับ ต่อไปถ้าแม่ชอบก็มาพักได้ตลอดเวลา” ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน มู่วี่สิงก็เอ่ยปากขึ้น
“จ้ะ…” เจี่ยนอียิ้มออกมา สภาพจิตใจฟื้นตัวกลับคืนมาไม่น้อย
เข้าประตูมา ก็มีคนรับใช้มาคอยดูแลเจี่ยนอี เธอนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก มองซ้ายมองขวา เห็นมู่วี่สิงขึ้นไปบนชั้นสอง เธอก็ดึงเวินจิ้งเอาไว้ในทันที “ลูกแม่ ลูกแน่ใจนะว่าเขาคือคุณหมอจริงๆ?”
ในความเข้าใจของเจี่ยนอี คนที่สามารถพักอยู่ในที่พักอาศัยที่ใหญ่โตหรูหราแบบนี้ได้ ต่างก็ต้องเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยอย่างแน่นอน
“มู่วี่สิงเป็นคุณหมอจริงๆค่ะ” เวินจิ้งไม่มีความสงสัยต่อสถานะของมู่วี่สิง
ตอนนี้เธอก็ทำงานอยู่ที่ข้างกายของเขา
ที่นี่ คงจะเป็นที่ที่คุณปู่ของมู่วี่สิงมานะบากบั่นซื้อเอาไว้ตอนสมัยหนุ่มๆ ดังนั้น เวินจิ้งก็เลยไม่ได้รู้สึกนอกเหนือความคาดหมาย
“งั้นญาติของเขาล่ะ? พ่อแม่ล่ะ?” เจี่ยนอีเอ่ยถาม
“หนูเคยเห็นเพียงแค่คุณปู่ของมู่วี่สิงค่ะ สำหรับครอบครัวของเขา เขาไม่เคยพูดถึง” เวินจิ้งสารภาพออกมา
“อะไรนะ? ลูกไม่เคยเห็นครอบครัวคนอื่นๆของเขา?” เจี่ยนอีไม่ค่อยพอใจนัก
เธอก็แค่กลัวว่าเวินจิ้งแต่งเข้าไปในตระกูลใหญ่อะไร อีกหน่อยหากมีข้อจำกัดต่างๆกับเธอ เกรงว่าลูกสาวจะใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขได้
เวินจิ้งพยักหน้า สบเข้ากับสายตาที่เป็นห่วงของเจี่ยนอี นิ่งเงียบลงมาในชั่วขณะ
ความเข้าใจที่เธอมีต่อมู่วี่สิง ไม่ได้ลึกซึ้งเลยแม้แต่น้อย
“ลูกแม่ หนูมีชีวิตที่ดีหรือเปล่า?” เจี่ยนอีเอ่ยถามขึ้นอย่างจริงจัง
บ้านหลังนี้หรูหราสุขสบายก็จริง แต่ว่า ก็ใหญ่เกินไป ปกติไม่เจอคน ก็ดูเหงาและร้างมาก
“แม่คะ หนูมีชีวิตที่ดีมาก แม่ไม่ต้องเป็นห่วง” เวินจิ้งเผยรอยยิ้มให้เห็นออกมา
“ลูกลองพูดกับคุณหมอมู่ดู พวกลูกก็แต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว แม่อยากจะเจอกับครอบครัวของเขาหน่อย ไม่อย่างงั้น แม่ไม่วางใจ” เจี่ยนอีสีหน้าบึ้งตึงลงมา
เธอก็แค่กลัวว่าเวินจิ้งแต่งเข้ากับตระกูลที่อนุรักษนิยมอะไร หากต่อไปบังคับให้เธอคลอดลูกชายอยู่ตลอดเวลา งั้นจะทำยังไงดีล่ะ…
“ค่ะ หนูจะลองพูดกับเขาดู แต่ว่าคนของตระกูลมู่ต่างก็ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ต่างประเทศ เกรงว่าก็ต้องใช้เวลานิดหน่อยในการจัดการนะคะ” เวินจิ้งเอ่ย
“ไม่รีบจ้ะ ค่อยเป็นค่อยไป หลักๆก็คือแม่ไม่สบายใจ” เจี่ยนอีตบไปบนหน้าอกของตัวเองเบาๆ ลูกเขยคนนี้มีเงินมากเกินไป เกินความคาดหมายของเธอแล้ว