บทที่ 121 สิงโตที่อ้าปากกว้าง
ณ โรงแรม W
ผู้ช่วยผู้อำนวยการเคาะประตู และเดินเข้าไปภายในห้อง “คุณฉือ เราได้รับเงินลงทุนก้อนหนึ่งมาแล้วครับ”
เขานำสัญญาฉบับนั้นส่งให้กับฉืออี้เหิง บนสัญญานั้นมีลายเซ็นของเสี้ยงหงอยู่
เขาปฏิเสธไปตั้งแต่เริ่มแรกแล้วไม่ใช่หรือ
“บริษัทนี้มาได้อย่างไร” ฉืออี้เหิงขมวดคิ้ว
“ตัวแทนทางกฎหมายคือเสี้ยงหง แต่ผมตรวจสอบจนถึงปัจจุบันและพบว่าผู้ที่ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดคือมู่วี่สิง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉืออี้เหิงก็พลันยิ้มขึ้นมา “ปากอย่างใจอย่าง ในเมื่อทนไม่ได้ที่จะให้ฉันจับตัวเวินจิ้ง แต่สุดท้ายแล้ว ก็กลับไม่ยอมประนีประนอม”
“ติดต่อมู่วี่สิงให้ฉัน ฉันต้องการพบกับเขา”
เวลาบ่าย ณ ห้องอาหารภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง
รถยนต์ของมู่วี่สิงเคลื่อนมาจอดที่ทางเข้าของโรงแรม ชายคนหนึ่งสวมเสื้อสีขาวและกางเกงสีดำเดินเข้ามาด้วยท่าทีสง่างาม ฉืออี้เหิงหรี่ตาของเขา และยิ้มขึ้นมาที่มุมปากเล็กน้อย
“ในที่สุด ก็ได้พบคุณมู่เสียทีนะครับ”
“ในเมื่อคุณได้รับเงินก้อนนั้นแล้ว คุณฉือเองก็กรุณาปล่อยภรรยาของผมด้วยครับ” มู่วี่สิงนั่งลง ดวงตาของเขาเฉียบคมและไม่แยแส
“หึหึ คุณมู่ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง นอกจากนั้น ในเมื่อคุณมู่ยอมลงทุนกับเราแล้ว มันคงจะเป็นการดีกว่าหากคุณจะศึกษาแผนการลงทุนนี้ต่อ ปัจจุบันนี้ 50 ล้านหยวนก็ดูจะชักหน้าไม่ถึงหลังเท่าไรนะครับ”
มู่วี่สิงเหลือบตาลงมอง แต่กลับไม่ได้หยิบแผนการลงทุนนั้นขึ้นมา น้ำเสียงของเขาเอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็น “จากการประเมินของบริษัทเย่าเคอ ผมได้มอบเงินจำนวน 50 ล้านหยวน ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมากให้แล้ว ทำไมคุณฉือถึงยังอยากเป็นสิงโตที่อ้าปากกว้าง (โลภมาก) อีกล่ะครับ”
นึกไม่ถึงว่ามู่วี่สิงจะตอบโต้เขากลับมาเช่นนี้ ฉืออี้เหิงรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้เขากำลังข่มขู่มู่วี่สิงอยู่อย่างชัดเจน!
“ถ้าคุณมู่ไม่เห็นด้วยกับการลงทุนระยะยาว พวกเราก็คงไม่จำเป็นต้องเจรจาอะไรกันอีกต่อไป!” เมื่อเขาพูดจบ ฉืออี้เหิงก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมพร้อมที่จะเดินจากไป
เขาเดินจากไปด้วยความเชื่องช้า เพื่อรอให้มู่วี่สิงยอมประนีประนอมและตกลงลงทุนกับพวกเขา แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น!
เกาเชียนรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และโน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของมู่วี่สิง “คุณมู่ครับ ที่อยู่ภรรยาของคุณที่เราเพิ่งยืนยันเมื่อสักครู่นี้ เป็นที่อยู่ปลอมครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงกำแก้วไวน์เอาไว้แน่น สายตาของเขาแผ่ซ่านความมุ่งร้ายออกมา เขาทำให้ไวน์แดงกระฉอกเล็กน้อย สีแดงเข้มของไวน์ไหลรินราวกับเลือด
“ติดตามฉืออี้เหิงไป และจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด”
เขตชุมชนบริเวณถนนอันหนิง
หม้อไฟที่เพิ่งห่อกลับมาจากร้านอาหารวางอยู่บนโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ข้างหน้า และตอนนี้ก็มันกำลังถูกอุ่นให้ร้อนอยู่
เวลากินข้าวคือช่วงเวลาที่เธอจะได้รับอิสระเป็นการชั่วคราว แต่มันก็เป็นอิสระที่มาพร้อมกับการจำกัดขอบเขต
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าชุดหนึ่งก็ดังขึ้นมา เมื่อเวินจิ้งเงยหน้าขึ้น เธอก็มองเห็นฉืออี้เหิง
“รอผมอยู่เหรอ” ฉืออี้เหิงนั่งลงตรงหน้าของเธอ
“ฝันไปเถอะ” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
“ผมเองก็นึกว่าผมกำลังฝันอยู่ นึกไม่ถึงว่าผมจะยังได้มานั่งกินหม้อไฟกับคุณแบบนี้” สีหน้าของฉืออี้เหิงปรากฏให้เห็นรอยยิ้ม
ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาสองคนได้รับประทานหม้อไฟด้วยกัน ก็ผ่านมาได้สามปีแล้ว
เวินจิ้งก้มศีรษะลง ใบหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์ออกมาแต่อย่างใด
ฉืออี้เหิงยังคงจำรสชาติที่เธอชื่นชอบได้ อาหารที่เขาเตรียมไว้ในช่วงไม่กี่วันนี้ จึงเป็นอาหารที่เธอชอบกินทั้งหมด
แต่ถ้าหากว่าเขาไม่ขู่เธอแล้ว เธอก็จะไม่ยอมกินแม้แต่นิดเดียว
“วันนี้ ผมไปพบกับมู่วี่สิงมา” ฉืออี้เหิงเอ่ยปาก
ครั้งนี้ สีหน้าของเวินจิ้งถึงจะปรากฏความรู้สึกเล็กน้อยบางอย่างขึ้นมา สายตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความกังวล
สีหน้าเช่นนี้ของหญิงสาว ทำให้ฉืออี้เหิงรู้สึกโกรธขึ้นมา “ทำไม กังวลงั้นเหรอ”
“ใช่” เวินจิ้งพยักหน้าอย่างใจเย็น
เธอไม่ได้คาดหวังมู่วี่สิง เพราะไม่ว่าเธอจะสัญญาอะไรกับฉืออี้เหิง ฉืออี้เหิงก็สามารถทิ้งเธอไปเพื่ออำนาจได้ ซึ่งนั่นก็มากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความโลภที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของเขา
ฉืออี้เหิงพลันยิ้มอย่างเย็นชา “คุณเป็นห่วงเขา แต่เขากลับไม่เป็นห่วงคุณ”
เวินจิ้งเม้มปาก และไม่พูดอะไรออกมา
“ผิดหวังสินะ ดูเหมือนว่าภายในหัวใจของเขา คุณจะไม่ได้สำคัญมากเท่าไร”
“ไม่ใช่ธุระของคุณ” เวินจิ้งพูดด้วยความโกรธจัด
“ทำไมต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ล่ะ เวินจิ้ง ยังไงผมก็ชอบคุณในอดีตมากกว่านะ” ฉืออี้เหิงขมวดคิ้ว
เวินจิ้งในอดีตนั้น จะไม่มีทางพูดกับเขาแบบนี้เป็นอันขาด
เวินจิ้งหายใจเข้าลึก ๆ เธอไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่กลับถูกฉืออี้เหิงยั่วจนทำให้เธอต้องระเบิดอารมณ์ออกมา!