flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1368 กลไส้ศึก

เหยาจ้าวขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น : “ฉินซี คุณรู้ไหมว่าจ้านเซินนั้นรู้สึกต่อ…..”

เขาเพิ่งจะหลุดปากพูด ก็นึกเสียใจขึ้น

นี่เป็นเรื่องระหว่างฉินซีกับจ้านเซิน เขาไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่ง

“ช่างเถอะ!”

เหยาจ้าวหลับตาอย่างทุกข์ใจ โดยไม่พูดไม่จาใดๆอีก

แต่ต่อมความรู้สึกไวของฉินซีรู้สึกได้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร

เธอก็เคยคิดวิตกอยู่กับปัญหานี้อยู่นานสองนาน

ฉินซีเงยหน้าขึ้นแล้วพูดช้าๆ : “เหยาจ้าว คุณอยากจะบอกเรื่องที่จ้านเซินชอบฉันใช่ไหม”

เธอไม่ใช่คนโง่ เธอย่อมรับรู้ถึงในสิ่งที่จ้านเซินปฏิบัติต่อเธอ มีความแตกต่างไปจากการปฏิบัติต่อผู้อื่น

ถึงแม้ว่าจ้านเซินจะไม่เคยสารภาพกับเธอ แต่ฉินซีก็สามารถเดาออกได้

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฉินซีอมคำพูดไว้ในปาก เธอต้องการอยากพูดอธิบายให้ชัดเจนกับจ้านเซิน แต่เมื่อเห็นใบหน้านั้นของเขา เธอจึงเลือกที่จะไม่พูด

นิสัยของจ้านเซินนั้น ฉินซีย่อมรู้ดีกว่าใคร

เธอกังวลว่าถ้าเธอบอกออกไปว่าในใจตัวเองมีเจ้าของแล้ว จ้านเซินคงจะนำระเบิดไปปาใส่ลู่เซิ่น

จากนั้นก็คงจะขังเธอให้อยู่ในองค์กร และไม่ให้เธอติดต่อกับโลกภายนอกได้อีก

เมื่อนึกถึงภาพนั้น ฉินซีก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังใกล้จะเป็นบ้าแล้ว

เธอจะต้องไม่มีวันกลับไปเป็นแบบนั้นอีก จะต้องไม่อีกแน่นอน

เหยาจ้านึกไม่ถึงว่าฉินซีจะมองขาดได้ถึงเพียงนี้ เขาลืมตาดำขลับกะพริบขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เขาเม้มปาก : “คุณรู้หมดแล้วหรอ”

เหยาจ้าวไม่รู้ว่าฉินซีไปรู้มาจากไหน และรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเรื่องที่จ้านเซินนั้นชอบเธอ คำถามเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก

แต่สิ่งที่เขาอยากรู้ก็คือ เมื่อฉินซีรู้เรื่องนี้แล้ว เธอจะทำอย่างไรต่อไป

“อืม”

ฉินซีพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ

เหยาจ้าวก็ถามต่อขึ้น : “แล้วคุณคิดอย่างไร”

เขาอยากรู้ความคิดของฉินซี จะได้เตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ฉินซีสบตากับสายตาคู่ของเขานั้นที่อยากรู้อยากเห็น: “ฉันต้องการออกไปจากองค์กร”

ต่อหน้าเหยาจ้าว ฉินซีไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังซ่อนเร้นเลยสักนิด

เธอรู้ว่าเหยาจ้าวเป็นฝ่ายของตัวเอง เธอไม่จำเป็นเสแสร้งต่อหน้าเขา

อีกทั้งการบอกแผนการของตัวเองให้กับเหยาจ้าว เหยาจ้าวจะสามารถช่วยเหลือเธออย่างลับๆ

เมื่อเธอหนีออกไปได้แล้ว เธอจะต้องคิดหาวิธีกลับมาช่วยเหยาจ้าวให้ได้

ขณะที่ฉินซีพูดนั้น ดวงตาสีอำพันประกายแสงของความตื่นเต้น ที่แสดงให้เห็นว่าเธอมีความปรารถนาที่จะเจอแสงสว่างที่อยู่ด้านนอกอีกครั้ง

ฉินซีมีความต้องการที่จะออกไปมาก เหยาจ้าวนั้นรู้ดี

เหยาจ้าวมองตรงไปที่เธอ : “แล้วเธอจะทำอย่างไรกับจ้านเซิน”

ตามนิสัยความดื้อรั้นของจ้านเซิน เมื่อเห็นสิ่งที่ถูกใจ จะต้องเอามาเป็นของตัวเองให้ได้ เขาไม่มีวันที่จะยอมปล่อยฉินซีไปแบบง่ายๆ ดังนั้นผลสุดท้ายที่ได้ก็คือความพ่ายแพ้ทั้งสองฝ่าย หรือไม่ก็คนใดคนหนึ่งที่ต้องตาย เหยาจ้าวไม่ต้องการที่จะเห็นภาพแบบนี้

ถ้าหากเป็นไปได้ ฉินซีและเขาก็คงต้องการการจบลงแบบสันติ

เผชิญหน้ากับคำถามของเหยาจ้าว ฉินชีส่ายหน้า : “ฉันไม่รู้ ฉันไม่อยากทำร้ายจ้านเซิน แต่ว่าฉันไม่ได้ชอบเขาจริงๆ ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขาก็คือพี่น้อง และฉันก็ไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ที่องค์กรต่อไป ฉันต้องการออกไปจากที่นี่ ไปใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ทำไมถึงได้ยากเย็นขนาดนี้!”

ขณะที่ฉินซีพูดอยู่นั้น จู่ๆน้ำเสียงของเธอก็โมโหขึ้น

เหยาจ้าวขมวดคิ้ว มองไปทางเธอที่สูญเสียการควบคุมอารมณ์

เขาจึงรีบพูดเพื่อปลอบใจขึ้น : “ฉินซี เธอใจเย็นลงก่อน”

เหยาจ้าวเหลือบมองไปที่ประตู เป็นการส่งสัญญาณว่าให้พูดจาระวัง กำแพงอาจจะมีหู

ฉินซีจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังสูญเสียการควบคุมอารมณ์

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บังคับให้ตัวเองในเย็นลง : “ขอโทษค่ะ…..”

ฉินซีเอ่ยปากพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ แววตาประกายแสงแห่งความอ้างว้าง

เธอก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ว่าเธอนั้นต้องการจากไปจริงๆ

จ้องที่ใบหน้านั้นของฉินซี เหยาจ้าวก็รู้สึกปวดใจ : “ผมจะช่วยคุณเอง แต่สำหรับเรื่องที่จะหนีออกไปได้หรือไม่ หลังจากหนีออกไปแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ก็เป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถที่ควบคุมได้”

สุดท้าย เหยาจ้าวก็ถอนหายใจออกมา และเลือกที่จะอยู่ข้างฉินซี

เพราะเขาก็เหมือนกับฉินซี ที่มีความหวังอยากออกไปจากที่นี่ให้โดยเร็วที่สุด

เพียงแต่ว่าเหยาจ้าวในฐานะที่เป็นแพทย์ทางจิตวิทยา จึงใจเย็นมากกว่าฉินซี

เขาเก็บซ่อนอารมณ์ของตัวเองไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ โดยที่ไม่ให้ผู้ใดพบเห็น เหยาจ้าวควบคุมในจุดนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นจ้านเซินตอนนี้ยังไม่สังเกตเห็น

ครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเหยาจ้าวที่เผยออกมาให้ฉินซีได้รับรู้เอง

ฉินซีก็คงเข้าใจผิดคิดว่าเหยาจ้าวนั้นได้กลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จัก ถูกคนในองค์กรกลืนกินไปแล้ว

“ค่ะ”

ฉินซีพยักหน้าอย่างตื้นตันใจ

ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าก้าวเดินดังมาจากประตูอีกครั้ง

ฉินซีและเหยาจ้าวต่างหุบปากขึ้น กลัวว่าคนรอบข้างจะได้ยิน

จ้านเซินผลักประตูก็เห็นเหยาจ้าวยืนอยู่ด้านหน้าเตียงของฉินซี

เขาขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูดเบาๆ : “หมอเหยา คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

เมื่อเหยาจ้าวได้ยินเสียงของเขา ก็ได้หันมามอง และเห็นด้านหลังของเขาเห็นมีโจวซิงเดินตามมาด้วย

“ผมเพิ่งมาได้ไม่นาน กังวลว่าเมื่อฉินซีตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่มีคนดูแลอยู่ข้างๆ จึงได้แวะเข้ามาดู”

เหยาจ้าวไอ้เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยที่ไม่มีสีหน้าระแวงหรือกังวลแม้แต่น้อย

จ้านเซินพยักหน้า โดยที่ไม่คิดอะไร

เขาเห็นฉินซีที่ตื่นขึ้นมา จึงถามด้วยน้ำเสียงผมโทนต่ำ : “ฉินซี คุณรู้สึกร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

เผชิญหน้ากับความเป็นห่วงเป็นใยของเขา ฉินซีส่ายหัว ยิ้มจางๆแล้วพูดขึ้น : “ไม่มีค่ะ หลังจากที่ได้นอนพักผ่อนแล้ว รู้สึกร่างกายได้ผ่อนคลายลง”

เธอได้ใส่หน้ากากให้ตัวเองขึ้นอีกครั้ง

จ้านเซินที่เห็นสีหน้าของเธอไม่เลวเลยทีเดียว จึงรู้สึกโล่งใจขึ้น

เขาหันไปทางหมอเหยา : “หมอเหยา ต่อไปคุณกับหมอโจวช่วยกันรักษาฉินซีนะ จำไว้ จะต้องทำให้ฉินซีฟื้นตัวให้โดยเร็วที่สุด”

ดูจากภายนอกดูเหมือนจ้านเซินให้โอกาสโจวซิงอีกครั้ง จึงได้มีการใช้เขา

แต่ในความเป็นจริง มีความหมายอื่นซ่อนไว้

เขาก็แค่ต้องการให้หมอเหยาคอยสอดส่องดูโจวซิง เพื่อป้องกันไม่ให้เขาคิดจะทำอะไร

และเป็นการให้เหยาจ้าวได้ตรวจเช็คเหยาจ้าวไปในตัว ถ้าหากเหยาจ้าวมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ก็จะสามารถรายงานให้เขาทราบโดยทันที

เหยาจ้าวย่อมเข้าใจในความหมายของเขา และเขาก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ : “ครับ”

ท่าทางของเขาทำให้ โจวซิงแยกไม่ออกว่าช่วงเวลาไหนดีช่วงเวลาไหนร้าย

โจวซิงเดิมทีมีการเตรียมพร้อมการป้องกันจากเหยาจ้าว เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนของจ้านเซิน

แต่ว่าเมื่อสักครู่ที่เหยาจ้าวดำเนินการสะกดจิตให้ฉินซีนั้น กลับไม่มีการเปิดโปงเขา ด้วยการรายงานเรื่องของลู่เซิ่นให้กับจ้านเซิน เขาทำแบบนี้ทำไม

หรือว่าเป็นเพราะครั้งนี้ฉินซีแสดงได้เนียนจนทำให้เหยาจ้าวไม่เจอพิรุธ

แต่ฝีมือของเหยาจ้าวนั้นดีกว่าตัวเอง

เรื่องที่เขาสามารถเห็นได้ เหยาจ้าวจะไม่เห็นได้อย่างไร

หรือว่าเขาไม่ใช่คนของจ้านเซิน แต่เป็นคนของฉินซี

หรือบางทีเหยาจ้าวมีจุดประสงค์ลึกไปกว่านั้น หรือว่าอยากเล่นกลไส้ศึก

ในหัวสมองของโจวซิงสับสนวุ่นวาย ไม่กล้าที่จะสรุปเรื่องราวโดยที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset