flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1484 คุมเชิง

บทที่1484 คุมเชิง

จ้านเซินเงยหน้าขึ้นอย่างเฉยเมย แสร้งทำทีเป็นไม่เข้าใจ มองไปที่ฉินซีที่ยังยืนอยู่ที่เดิม “ยังมีธุระอะไรอีกไหม?”

ในดวงตาของเขาฉายแสงที่งงงวย ราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมฉินซียังไม่ขยับเขยื้อน

ในใจฉินซีหมดคำพูดอย่างมาก เธอรู้สึกว่าท่าทางที่อยากจะปกปิดนี้ของจ้านเซิน มันเสแสร้งเกินไปแล้ว

เธอเอ่ยปากพูดอย่างกระสับกระส่าย “จ้านเซิน นายลืมไปแล้วหรอว่าวันนั้นนายพูดว่ายังไง?”

ฉินซีเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา แววตาตกอยู่บนร่างของเขาโดยตรง

ถ้าหากว่าจ้านเซินลืมแล้ว เธอไม่ถือสาที่จะเตือนเขาด้วยตัวเอง

จ้านเซินเอียงศีรษะ “อะไรนะ?”

“ช่วงนี้ภายในองค์กรมีเรื่องมากมาย ฉันอาจจะยุ่งจนลืมไปแล้ว มีเรื่องอะไรสำคัญไหม? ถ้าเกิดไม่ใช่ ก็ปล่อยไปก่อนเถอะ รอฉันจัดการเอกสารเหล่านี้ในมือให้เสร็จค่อยว่ากัน”

หลังพูดคำนี้จบ จ้านเซินก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ดูเอกสารอย่างตั้งอกตั้งใจ

การแสดงออกบนใบหน้าของเขาจดจ่ออยู่กับการงานอย่างสงบนิ่ง แต่ความเป็นจริงในใจกลับปั่นป่วน

สาเหตุที่จ้านเซินพูดแบบนี้ เพียงแค่เพื่อให้ฉินซียอมล่าถอย กลับไปก่อน

แต่ว่า ฉินซีกลับตัดสินใจไว้แล้ว ว่าวันนี้ต้องถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน

ฉินซีเดินไปถึงหน้าโต๊ะทำงานของจ้านเซิน ในตอนที่จ้านเซินคิดว่าฉินซีจะระเบิดตรงนี้ ทะเลาะใหญ่โตกับเขา กลับได้ยินเสียงที่ชัดเจน และสงบนิ่งอย่างมากมาจากเหนือศีรษะของเขา “โอเค เรื่องที่เกี่ยวกับงานสำคัญกว่า ฉันจะรอนายอยู่ตรงนี้ รอนายจัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยคุยกันต่อ”

พูดจบ เธอไม่รอให้จ้านเซินตอบ เดินไปถึงชั้นหนังสือด้านหนึ่ง

ฉินซีสุ่มมือหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่เคยอ่านออกมาจากชั้นหนังสือ ถือมันไว้ นั่งลงบนโซฟา อ่านอย่างมีสมาธิ ราวกับไม่ได้เก็บคำพูดของจ้านเซินมาใส่ใจเลย

ท่าทีแบบนี้ ทำให้จ้านเซินประหลาดใจอย่างมาก

จ้านเซินจ้องมองเธออยู่นาน ในใจมีความรู้สึกหลากหลาย

พูดตามตรง เขาแยกแยะไม่ออกว่าเวลานี้ในใจฉินซีคิดยังไงกันแน่

ฉันซีสัมผัสได้ว่าจ้านเซินเอาแต่จ้องมองตน เธอทำเป็นว่าจ้านเซินไม่ได้อยู่ตรงนี้ ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำไปเงียบๆ

เธอสงบนิ่งมาก ทำเหมือนห้องหนังสือของจ้านเซินเป็นห้องของตัวเอง

จู่ๆฉินซีก็นึกย้อนไปถึงเมื่อก่อน ตอนเด็กๆ เธอเองก็เป็นแบบนี้ เวลาที่จ้านเซินทำงาน เธอก็จะเป็นเด็กดีนั่งอยู่บนโซฟาด้านข้าง รอคอยเงียบๆ

เมื่อก่อนพวกเขาเข้ากันได้ดีแค่ไหน ตอนนี้ข้าวของเหมือนเดิมแต่คนเปลี่ยนไป

ทั้งสองหยั่งเชิงกันอย่างไร้รูปร่าง จนกระทั่งจ้านเซินพ่ายแพ้

“ฉันจัดการเสร็จแล้ว”

จ้านเซินพูดโกหก เอ่ยปากเบาๆ วางเอกสารในมือไว้ด้านหนึ่ง

เขารู้สึกว่าบรรยากาศในตอนนี้แปลกๆ ทำให้เขาไม่ชอบเอามากๆ

หลังจากฉินซีได้ยินคำนี้แล้ว ก็ปิดหนังสือลง “เร็วจัง?”

เธอแสร้งทำทีแปลกใจ จ้องไปที่จ้านเซิน

จ้านเซินพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ “อืม”

“มีธุระอะไรเธอก็พูดมาตามตรงเถอะ”

จ้านเซินพูดต่อ รอคอยคำตอบของฉินซี

ฉินซีเห็นเขาพูดแบบนี้ ก็รู้ว่าความอดทนของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว ดังนั้นจึงพูดตอบ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่ปิดบังแล้ว……”

พูดถึงตรงนี้ จู่ๆฉินซีก็หยุดลง น้ำเสียงชะงัก

ทันใดนั้นหัวใจของจ้านเซินบีบแน่น เขากังวลว่าสิ่งที่ฉินซีพูดออกมา จะไม่ใช่คำที่เขาอยากได้ยิน

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า ฉินซีไม่ใช่คนไร้เหตุผล

ฉินซีจ้องมองเขาตรงๆ ดวงตาสีดำเข้มประกายแสงที่มั่นคง “ฉันอยากออกไปปฏิบัติภารกิจ ฉันไม่อยากอยู่ในองค์กรอย่างคนไร้ประโยชน์”

น้ำเสียงของเธอจริงจังมาก ความหมายในนั้นก็ชัดเจน

จ้านเซินคาดไว้อยู่แล้วว่าเธอจะพูดแบบนั้น การพูดของฉินซีเมื่อกี้ เกือบจะทำให้เขาคิดว่าฉินซีอยากจะพูดว่า เธอชอบลู่เซิ่น อยากที่จะหลบหนีไปกับเขา

คำพูดของฉินซี ทำให้จ้านเซินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกอย่างอธิบายไม่ได้

ความกีดกันในใจเขาเองก็ลดน้อยลง “ฉันไม่ใช่พูดไปแล้วหรอ ว่ารออีกหน่อย? ร่างกายของเธอพึ่งจะฟื้นตัว จำเป็นต้องพักผ่อนให้มาก”

จ้านเซินขมวดคิ้ว ยังไม่ยินยอมที่จะประนีประนอม

ฉินซีลุกขึ้นเดินมาถึงตรงหน้าเขา คุมเชิงกับเขา “นายให้ฉันไปหาเหยาจ้าวทำการตรวจสอบ ฉันก็ทำไปแล้ว บนรายงานแสดงให้เห็นว่า สมรรถภาพร่างกายทั้งหมดของฉันตอนนี้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้ว อีกอย่างทุกรายการล้วนแต่ยอดเยี่ยม ทำไมยังต้องรอ? ฉันรู้สึกว่าเทียบกับคนส่วนใหญ่ในองค์กรแล้ว ฉันมีความสามารถ มีคุณสมบัติที่จะถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจ!”

เธอเอ่ยปากพูดอย่างชอบธรรม ทำให้จ้านเซินพูดไม่ออก

สีหน้าจ้านเซินจมดิ่งลงทันที “ฉัน……”

เขากำลังหาคำพูดแก้ตัว ให้ผ่านฉินซีไปได้อย่างผิวเผิน ก็ได้ยินเธอเอ่ยปากพูดต่อ “จ้านเซิน ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลอะไร ฉันแค่อยากจะถามนายคำถามเดียว หรือว่านายเตรียมที่จะล็อคฉันไว้ข้างกายแบบนี้ไปชั่วชีวิต ซ่อนไว้ในองค์กร ปิดล้อมฉันไว้ในพื้นที่เล็กๆแบบนี้หรอ?”

ฉินซีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ดวงตาสีอำพันเผยออร่าที่มืดมิดไม่ชัดเจน

จ้านเซินสัมผัสได้ถึงความผิดหวังและเศร้าหมองจากน้ำเสียงของเธอ ท่าทางแบบนี้ของฉินซีทำให้ในใจเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง “ไม่ใช่……”

เขาส่ายหน้า พูดอย่างหลบเลี่ยง

จ้านเซินเองก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน

เขาอยากที่จะเก็บฉินซีไว้ข้างกายตัวเองอย่างมาก แต่ว่าเขามักจะรู้สึกหวั่นเกรง ว่าวันหนึ่งฉินซีจะหนีจากตนไป

ก็เพราะมีความคิดที่น่ากลัวแบบนี้ ดังนั้นจ้านเซินถึงได้เปลี่ยนไปเป็นแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้แม้แต่ตัวจ้านเซินเองยังตระหนักได้ว่า ความคิดของเขามีปัญหา แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่าควรแก้ไขยังไง

เขาอยากจะให้เหยาจ้าวช่วยดูให้ตนหน่อย แต่กลับพูดไม่ออก

ฉินซีก้มมองไปที่จ้านเซินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานจากมุมสูง เข้าใกล้อย่างแนบแน่น “งั้นนายพูดสิ ว่านายต้องการยังไง ฉันต้องทำยังไง ถึงจะได้รับความไว้วางใจจากนายอีกครั้ง ขอแค่นายพูดมา ฉันรับปากได้หมด”

เธอวางประโยคนี้ไว้ตรงหน้าจ้านเซิน รอคอยคำตอบของเขา

ฉินซีรู้ดี ว่าในกระดูกจ้านเซินเป็นคนที่หัวโบราณมาก

ชั่วชีวิตนี้เขาปฏิบัติตามกฎขององค์กร ต่อให้ชอบเธอ ก็ไม่เคยแสดงออกมา ได้แต่เลือกใช้ลูกน้อง ความสัมพันธ์ที่จำกัดแบบนี้ ล็อคเขาไว้

ดังนั้น จ้านเซินจะไม่มีทางเสนอ ให้ทั้งสองรักกัน หรือเรื่องแต่งงานกัน

ได้ยินฉินซีพูดแบบนี้ ใบหน้าของจ้านเซินก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ฉินซีจะพูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของเธอจริงใจมาก ทำให้จ้านเซินอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์ออกมาทางใบหน้า

จ้านเซินเม้มริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรอยู่ครู่หนึ่ง

เขาเอ่ยถามตัวเองในใจครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เขาต้องการคืออะไร

แต่ว่า มักจะไม่ได้รับคำตอบ

จู่ๆอารมณ์ของจ้านเซินก็เปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายขึ้นมา

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset