flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1553 จูบ

ถังย่าตกตะลึง พร้อมขมวดคิ้ว:“ เธอพูดให้ชัดเจนนะ อะไรที่เรียกว่ามีแนวโน้มจะทำร้ายผู้อื่น”

รูปลักษณ์ของถังย่าทำให้คนยากที่จะลืม ดังนั้นพยาบาลจำเธอได้ชัดเจน ตั้งแต่ผู้ป่วยห้อง8192มาก็เป็นเธอที่เคยอยู่ข้างๆตลอดเวลา พยาบาลเหล่านั้นลับหลังแล้วยังเคยพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผู้ป่วย ต่างก็ลงความเห็นกันว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นคู่รักกัน ดังนั้นถึงแม่ว่าถังย่าจะถามลงรายละเอียด เธอก็ไม่ได้ปิดบัง เพียงแต่ลังเลแค่ครู่หนึ่ง จึงได้พูดความจริงออกมาว่า:“ ประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ผู้ป่วยอาละวาดขั้นรุนแรง ทำร้ายรปภ.ของโรงพยาบาลเราไปหลายคน แม้แต่อารักขาที่คุณพามาด้วยก็ถูกเขาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน สุดท้ายคุณหมอเลยต้องฉีดยาระงับประสาท เขาถึงสงบสติลงได้ คุณหมอกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก จึงส่งเขาไปที่ห้องคนไข้พิเศษ ใช้ยาระงับประสาทควบคุมเขาไว้”

ถังย่าฟังคำพูดของพยาบาลแล้วกลับขมวดคิ้วหนักขึ้น:“ ยาระงับประสาท?ปริมาณยาระงับประสาทที่พวกคุณฉีดคือเท่าไร?”

พยาบาลชะงัก เสียงเบาดั่งเสียงยุงและแมลงวัน :“ ……ปริมาณสามเท่า”

สีหน้าของถังย่าเคร่งขรึม

เธอรู้ว่า จ้านเซินได้รับการฝึกพิเศษต่อการต่อต้านยา ยาระงับประสาทที่ใช้ได้กับคนธรรมดาทั่วไปสำหรับเขาแล้ว น่าจะใช้ไม่ได้ผล

แต่เธอก็นึกไม่ถึงว่าทางโรงพยาบาลจะใช้ยาในปริมาณสามเท่าในคราวเดียวกัน

เธอกัดฟันพูดแบบไม่ค่อยเต็มใจว่า:“พาฉันไปพบเขา เดี๋ยวนี้”

อาจจะเป็นเพราะสีหน้าของเธอแย่เกินไป พยาบาลพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว ไม่ได้เอ่ยปากอะไรอีก แล้วพาเธอเดินไปที่ลิฟต์

ถ้าใช้ยาระงับประสาทเกินขนาด……ถ้าอาการหนักอาจจะทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิตได้

บางทีอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศในลิฟต์เงียบเกินไป พยาบาลอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น:“คุณถังไม่ต้องกังวลเกินไปนะคะ พวกเราฉีดตามปริมาณที่คุณหมอบอกค่ะ ไม่ได้สุ่มทำมั่วๆ”

แต่ยังพูดยังไม่ทันจบประโยค เธอเหลือไปเห็นสีหน้าถังย่า จึงเงียบปากโดยอัตโนมัติ

แม้ว่าถังย่าจะรู้ว่าคุณหมอประเมินตามลักษณะอาการของจ้านเซินแล้วถึงกล้าฉีด แต่ไม่ให้เธอกังวล เธอยากที่จะทำได้

เสียงของลิฟต์ที่ดังขึ้นทำลายความเงียบลง พยาบาลเองก็เกือบจะทนความกดดันจากถังย่าไม่ไหว เดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เลี้ยวสองสามรอบด้วยความถนัดในเส้นทาง แล้วเอื้อมมือออกไป:“ก็คือที่นี่ค่ะ”

ถังย่าอยู่ข้างหลังเธอไม่กี่ก้าว ก็เห็นการ์ดที่คุ้นเคยยืนอยู่หน้าประตูแบบระยะไกลๆ

แต่ไม่มีจูจื้อซิน

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ ณ ตอนนี้จ้านเซินส่งผลต่ออารมณ์ความคิดทั้งหมดของเธอ เธอไม่มีเวลาว่างที่จะไปคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับจูจื้อซิน ดังนั้นเธอจึงพักเรื่องนี้เอาไว้ชั่วคราว แล้วกลับมาโฟกัสที่ตัวจ้านเซินอีกครั้ง เธอเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าห้องคนไข้ ไม่มีคำทักทายใดๆกับการ์ดทั้งสองเลย เธอยื่นมือออกไปเปิดประตู

พยาบาลไม่ได้เอื้อมมือห้ามเธอ ปล่อยให้เธอเดินเข้าไปเอง

ในห้องผู้ป่วยเงียบกว่าข้างนอกมาก ได้ยินแค่เพียงเสียงหึ่งๆเบาๆของเครื่องมือที่กำลังทำงานอยู่เท่านั้น

ถังย่าลดเสียงฝีเท้าลงโดยไม่รู้ตัว แล้วค่อยๆเดินไปหัวเตียงคนไข้

แต่ก่อนเมื่อตอนที่จ้านเซินยังมีสติอยู่ เธอจะหยุดเว้นระยะห่างต่อหน้าจ้านเซินหนึ่งเมตรเสมอ

ไม่ว่าจ้านเซินเป็นผู้นำที่น่าเกรงขามขององค์กร หรือเพราะถังย่ามีเรื่องไม่ดีปิดบังในใจ ยังไงเธอก็จะไม่เข้าใกล้เขาจนเกินไป แต่อาจจะเป็นเพราะตอนนี้จ้านเซินนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ทำให้ถังย่าเหมือนจะโดนมนต์สะกด เธอเดินใกล้เข้าไปทีละก้าวๆจนยืนอยู่ข้างเตียง จึงได้หยุดเดิน

เธอลดสายตาลงแล้วจ้องมองไปที่จ้านเซิน

เธอไม่เคยเห็นจ้านเซินเวลานอนหลับเลย ในทางตรงกันข้าม มีช่วงเวลาหนึ่ง เธอต้องรับผิดชอบตารางงานของจ้านเซิน เธอต้องปลุกเขาตื่นนอนแทบจะทุกวัน

แต่ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

ตอนนั้นเธอรู้ว่าถึงยังไงจ้านเซินจะตื่นขึ้นมาตอนไหนก็ได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะหลับตาอยู่ ถังย่าบังคับตัวเองไม่ให้มองมากจนเกินไป เธอยืนอยู่ข้างๆอย่างมีระเบียบวินัย

คำพูดของพยาบาลคนนั้นดังก้องอยู่ข้างหูถังย่า

“คุณวางใจได้ แม้ว่าการฉีดยาระงับประสาทเป็นปริมาณมากถึงสามเท่า จะทำให้คุณจ้านเข้าสู่โหมดที่หลับลึกมากๆในตอนนี้ แต่ความสามารถในกระบวนการการเผาผลาญของคุณจ้านดีกว่าที่พวกเราเคยเจอมาในรอบหลายปี รอส่วนผสมของยาระงับประสาทถูกเผาผลาญแล้ว เขาก็จะตื่นขึ้นมาได้ตามปกติ” ณ เวลานั้นถังย่าให้ความสนใจแค่คำพูดครึ่งหลังของพยาบาล แต่ในเวลานี้ไม่รู้ทำไม จู่ๆสมองก็เต็มไปด้วยคำพูดในครึ่งประโยคแรก

“โหมดที่หลับลึกมากๆ”

ถังย่าพึมพำด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ เธอโน้มตัวลงไปอย่างช้าๆ ค่อยๆยื่นมือออกมา จินตนาการตามโครงร่างกระดูกคิ้วของจ้านเซิน

เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่ออกมาจากความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ณ ตอนนี้เธอกลับรู้สึกศรัทธาขึ้นมา

กระดูกคิ้วของจ้านเซินสูงมาก ดังนั้นหน้าตาจึงดูเฉียบแหลม บวกกับรูปร่างสูงใหญ่และดูเย็นชา ดังนั้นตอนที่เขาฟื้นอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่จะได้พูดอะไร แค่เพียงยืนอยู่ข้างๆ ทุกคนก็ต่างก็รู้สึกห่างเหิน

แต่เขาที่กำลังหลับตาอยู่ตอนนี้ นอนอยู่บนเตียงคนไข้อย่างสงบ

ถึงแม้ว่าจะฉีดยาระงับประสาท บางทีเขาอาจจะยังหลับไม่สนิท จ้านเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย ลักษณะอย่างนี้คนแปลกหน้ามองแวบเดียวก็จะรู้ว่าบุคคลคนนี้ไม่ควรที่จะมีเรื่องด้วย

แต่ถังย่ากลับติดกับดักความเป็นตัวของเขา

ปลายนิ้วของเธอสไลด์บนผิวของจ้านเซินไปมาอย่างกล้าๆกลัว

ถ้าหากจ้านเซินลืมตาขึ้นมาในตอนนี้ บางที่เขาอาจจะประหลาดใจกับแววตาที่ลึกซึ้งของถังย่า

“ทำไมนะ……”

เธอพึมพำ ไม่รู้ว่ากำลังถามจ้านเซินที่หลับใหลอยู่ หรือว่าถามตัวเอง

ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ

ทำไมถึงต้องเป็นเขานะ

ทั้งๆที่รู้ว่าหัวใจของเขามีไว้ให้คนอื่นตลอดไป ไม่วันที่จะมีที่ว่างสำหรับตัวเอง แต่อย่างไรก็ไม่มีวิธีโน้มน้าวใจให้ยอมแพ้ได้

ไม่กล้าเอ่ยปาก ไม่กล้าอธิบาย กลัวว่าถ้าเขารู้แล้วจะถูกผลักไส ถึงขั้นกลัวว่าเขาจะเกลียดตัวเอง จึงได้เพียงแต่เก็บรักไว้ในใจอย่างไร้ซึ่งความหวัง เปรียบเสมือนการรักษาน้ำในอุ้งมือกลางทะเลทราย

บนใบหน้าของถังย่ามีความเศร้าปะปนอยู่ในความรู้สึกอันลึกซึ้ง รอยยิ้มที่มุมปากของเธอดูขมขื่นอย่างเห็นได้ชัด

นี่คือสิ่งที่ไม่มีวันจะได้มาครอบครอง แต่กลับไม่ยอมปล่อยผู้ชายไป……

บางทีการที่จ้านเซินหลับใหลชั่วคราวเหมือนเป็นการให้กำลังใจเธอ หรือบางทีความรักที่สิ้นหวังในหัวใจทำให้เธออาลัยตายอยาก เธอไม่รู้ว่าจู่ๆเอาความกล้าหาญมาจากไหน เธอดึงมือกลับมา แล้วหันหลังกลับ ไม่ให้เวลาตัวเองในการลังเลอะไรอีกต่อไป เธอค่อยๆ เอนตัวลงไปอย่างช้าๆ

เธอไม่กล้าหาญพอที่จะจูบไปที่ริมฝีปากของจ้านเซิน ริมฝีปากของเธอค่อยๆขยับมาตรงกลางระหว่างคิ้วของจ้านเซิน

หรือบางที เธอก็แค่เพียงอยากให้รอยหยักระหว่างคิ้วของจ้านเซินเรียบขึ้น

……นี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเธอที่จะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับจ้านเซิน

ถังย่าไม่ได้หลับตา เธอไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะได้มีโอกาสมองจ้านเซินในระยะห่างอย่างนี้อีกมั๊ย ดังนั้นเธอไม่ยอมปล่อยผ่านแม้แต่วินาทีเดียว

จนกระทั่งตอนที่ริมฝีปากของเธอกำลังจะสัมผัสตรงกลางระหว่างคิ้วของจ้านเซิน

ถังย่ารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังปัดคางของเธอเบาๆ

มันนุ่มๆ เหมือนแปรงเล็กๆสองอัน

นี่คือ……

ถังย่าสะดุ้งตกใจไปทั้งตัว

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset