flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 241 อดไม่ได้ที่จะสงสัยเขา

บทที่ 241 อดไม่ได้ที่จะสงสัยเขา

แค่ขยับเท้า ร่างที่สูงยาวของมู่วี่สิงก็กดทับลงมา จนเวินจิ้งไม่สามารถหนีไปไหนได้

“คุณนายมู่ การแต่งงานนี้ ผมพูดแล้วถือเป็นสิ้นสุด” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็บเฉียบ

“คุณ……มู่วี่สิง การแต่งงานเป็นสิ่งที่เท่าเทียมนะ!”

“อืม ผมเห็นด้วย ผมก็ให้เกียรติคุณมาตลอด ไม่ใช่หรือ?”

“คุณช่วยเหลือคนที่ทำร้ายฉันมาตลอด นี่เรียกว่าการให้เกียรติหรือ?” เวินจิ้งเย็นชา

ได้ยินเช่นนั้น มู่วี่สิงก็หรี่ตาลง “เรื่องของฉินเฟย ผมไม่ได้เป็นคนจัดการ”

“ถ้าเช่นนั้นคุณบอกมาสิ ว่าเป็นใคร?” เวินจิ้งมองที่เขา

“คนที่ทำร้ายคุณ ผมจะทำให้เขาต้องได้รับผลกรรมเป็นเท่าทวีคูณ!” เสียงของมู่วี่สิงดูอ่อนลง

แต่เวินจิ้งกลับไม่กล้าเชื่อ ก่อนหน้านี่ที่ฉินเฟยใส่ร้ายว่าผลิตภัณฑ์ยาของบริษัทการผลิตยาเทียนอีเป็นยาปลอม หลักฐานก็มัดแน่น แต่มู่วี่สิงกลับไม่ฟ้องคดีกับหล่อน

ทั้งกรณีติดสินบนครั้งนี้ ฉินเฟยก็มีส่วนเกี่ยวพันอยู่แต่กลับได้รับการผ่อนปรนความผิด อีกทั้งยังถูกเธอมองเห็นรถของมู่วี่สิงเป็นคนรับส่งฉินเฟยออกไปพอดีด้วย

เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยเขา

เธอก็ไม่หวังให้เป็นเขา

“มู่วี่สิง ฉันไม่ต้องการให้คุณช่วยฉัน ความสัมพันธ์ของเรา แต่ไหนก็ไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกันอยู่แล้ว” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา

“คุณสามารถทำเช่นนั้นได้หรือ?” มู่วี่สิงสีหน้าขรึมลง มองเห็นใบหน้าที่แสดงสีหน้าออกมาของเวินจิ้ง

สีหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขามองออกอย่างชัดเจน

เธอจะสามารถทำได้อย่างไร

เห็นได้ชัดว่าเธอต้องควบคุมจิตใจตัวเอง ที่ต้องเผชิญหน้ากับมู่วี่สิง เธอตกอยู่ห้วงของเขาเข้าไปตั้งนานแล้ว

“ฉันทำได้” เวินจิ้งตอบด้วยความโกรธ

ถึงแม้จะทำไม่ได้ ก็ต้องทำได้

หากว่าไม่สามารถหย่ากับเขา แต่อย่างน้อยก็จะต้องตัดความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ไม่ควรปล่อยตัวเองไปมากกว่านี้

“ถ้าหากคุณไม่กลับไปการ์เด้นมู่เจียวาน ผมก็จะอยู่ที่นี่” มู่วี่สิงถอยออกมา เสียงอ่อนลง

“แล้วแต่คุณ” เวินจิ้งไม่แสดงสีหน้าใดๆ พร้อมที่จะเดินออกไป

แต่กลับถูกมู่วี่สิงจับข้อมือไว้ “ทานข้าวก่อนสิแล้วค่อยไป”

“รู้สึกไม่อยากอาหาร!”

“ผมทำซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานที่คุณชอบหน่ะ”

“ฉันไม่อยากทาน”

“คุณไม่ทาน ผมก็ไม่ให้คุณออกไป” มู่วี่สิงล็อคประตูไว้แต่แรกแล้ว

เวินจิ้งจ้องเขาอย่างโมโห กัดฟันแล้วนั่งลง

ฝีมือการปรุงอาหารของมู่วี่สิงทำให้เธอนับถือเสมอ สีกลิ่นรสครบเครื่อง ถึงแม้ว่ากับข้าวจะวางไว้จนเย็นแล้ว แต่ก็ยังคงรสเลิศ

เวินจิ้งทานอย่างช้าๆ และทานไปได้ไม่มากเท่าไหร่

สายตาของมู่วี่สิงที่มองเธอตลอด อารมณ์ที่สับสนลงลึก

“ฉันไปได้แล้วหรือยัง?” เวินจิ้งวางตะเกียบลง

“อืม กลับไปอ่านหนังสือทบทวนดีดีนะ”

กลับถึงห้องตัวเอง เวินจิ้งมองดูหนังสือที่ต้องทบทวน แต่ก็ค่อยๆมีหน้าของมู่วี่สิงปรากฏขึ้นมาในหนังสือของเธอ มองไปที่ไหนก็เห็นแต่เขา

เงาที่เริ่มจากพร่ามัวเปลี่ยนมาชัดเจน แล้วก็เปลี่ยนกลับมาพร่ามัวอีกครั้ง

เวินจิ้งรู้สึกหงุดหงิดจึงเกาที่ผมไปมา แต่เงานนั้นก็ไม่เลือนหายไป

ท้ายสุดก็ต้องเดินออกไปที่ระเบียง ทำให้ตัวเองคิดเรื่องอื่นบ้าง

นึกถึงว่าเขามาอยู่ตรงข้ามห้องตัวเอง ระยะห่างระหว่างเธอก็เข้าใกล้ขึ้นแล้ว

เขาพูดว่า เขาจะทำให้คนที่ทำร้ายเธอต้องได้รับผลกรรมเป็นเท่าทวีคูณ

แต่เรื่องของฉินเฟย กลายเป็นหนามทิ่มแทงในใจของเธอเข้าไปแล้ว

เธอโทรศัพท์หา ซูยีน

“ซูยีน ช่วยฉันตรวจเช็คเรื่องหนึ่งได้ไหม”

ซูยีนเติบโตมาในตระกูลลี่ตั้งแต่เล็กจนโต อีกทั้งอิทธิพลของตระกูลลี่ก็ไปทั่วทุกมุมโลก หากต้องการจะตรวจสอบเรื่องสักเรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“ได้แน่นอน”

“ฉินเฟยช่วงนี้เขาได้พ้นจากความผิดแล้ว คุณสามารถตรวจสอบสาเหตุเรื่องนี้ได้ไหม?”

“ได้ เดี๋ยวฉันจัดการให้ แต่ว่าคงต้องใช้เวลาหน่อยนะ เพราะฉันไม่ใช่นายลี่หนานเฉิงหน่ะ”

“อย่าให้ประธานลี่รู้เรื่องนะ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว

“ฉันเข้าใจ เธอจะไม่ให้มู่วี่สิงตรวจสอบกลับมายังเรา ฉันรู้หรอก” ซูยีนเป็นคนฉลาด

“เธอทะเลาะกับมู่วี่สิงเหรอ?”

“ฉันย้ายออกมาแล้วหล่ะ ช่วงเวลานี้ ฉันไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร” เวินจิ้งขมวดคิ้วเธอ

ยิ่งเชื่อใจคนหนึ่ง พอรู้ว่าถูกเขาหลอก ทำให้ยากจะยอมรับได้

“เธอสงสัยว่ามู่วี่สิงกำลังช่วยฉินเฟยหรือ?”

“ฉันก็อยากจะเชื่อใจเขานะ”

“ฉันจำได้ว่ามู่วี่สิงกับฉินเฟย เป็นสองคนที่ตียังไงก็ไม่โดนเขาหรอก ยิ่งฉินเฟยหญิงเลวคนนั้น พวกเขาจะไปมีความสัมพันธ์อะไรแบบนี้ไปได้?” ซูยีน ตอบเสียงเย็น

“แต่อย่างน้อยหล่อนก็สามารถถูกลดโทษออกมาได้ ก็ไม่ธรรมดาแล้ว”

“เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะช่วยเธอตรวจสอบให้ชัดเจน ตระกูลลี่มีคุณอาคนหนึ่งอยู่ในสำนักงาน พรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมท่านดู รอข่าวจากฉันแล้วกัน”

“ซูยีน ขอบคุณเธอมาก” เวินจิ้งพูดจากใจจริง

แม้เธอจะรู้จักกับซูยีน ไม่นานนัก แต่ความช่วยเหลือของเขา ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งนัก

“โธ่หนานเฉิงกับมู่วี่สิงเป็นพี่น้องกัน เธอก็เป็นคุณนายมู่ ฉันก็ต้องเต็มที่อยู่แล้ว”

“รอข่าวจากฉันนะ”

หลังจากวางโทรศัพท์ไป เวินจิ้งก็ทบทวนหนังสือต่อ ไม่มีเรื่องในใจอะไรเธอก็เริ่มพักผ่อน

ด้านนอกไม่รู้ว่าเริ่มมีฝนโปรยปรายลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มือถือดังขึ้น มีข้อความของฉีเซินเข้ามา

เตือนเธอว่าตอนกลางคืนอาจจะมีพายุฝน จะต้องปิดประตูหน้าต่างให้ดี

เวินจิ้งตอบกลับด้วยรูปแสดงอารมณ์ พร้อมข้อความว่าเพิ่งจะปิดหน้าต่าง เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอยู่ข้างหูเธอ

เธอกลัวเสียงฟ้าร้องตั้งแต่เล็ก จึงรู้สึกเสียวสะดุ้ง

ฝนยิ่งตกที่หนักขึ้น เธอเพิ่งจะปิดประตูที่ระเบียง ด้านนอกมีเสียงฟ้าผ่า เธอได้ยินเสียงกระจกแตกอย่างชัดเจน

หน้าต่างที่ระเบียงตกลงมาแล้ว มีเศษแตกเต็มพื้น

ชั้นที่เธออยู่ต่ำมาก ระเบียงตรงกับห้องรับแขก หากว่าไม่รีบซ่อมแซมหน้าต่างให้ดี จะไม่ปลอดภัยอย่างมาก

อีกทั้งสถานการณ์ตอนนี้ เธอเองก็ไม่กล้านอนเป็นแน่

ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เวินจิ้งกำลังไม่รู้จะทำอย่างไร มองกลับมาเห็นมู่วี่สิง เธอเปิดประตู

เป็นเช่นนั้น เสียงดังเมื่อครู่เขาเองก็ได้ยินเหมือนกัน

“คุณนายมู่ อย่ากลัว” สีหน้าซีดเซียวของเธอทำให้เขาเป็นกังวลอย่างมาก

มู่วี่สิงกอดเธอไว้ บนศีรษะเธออยู่ใต้คางเขา เวินจิ้งได้รับการปลอบใจ

ใจที่กระเจิดกระเจิงของเวินจิ้งเริ่มสงบลง หายใจลึกขึ้น เธอมองขึ้นไป ถึงจะรู้ว่าเราสองคนกอดกันอยู่

แก้มเธอแดงเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”

แต่มู่วี่สิงมองเห็นสภาพภายในห้อง

หน้าต่างที่ระเบียงแตกกระจาย เศษกระจกหล่นไปในห้องรับแขก

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทั้งยังมีพายุฝน ช่างซ่อมก็ไม่สามารถเร่งเข้ามาซ่อมให้ได้ทันที

“คืนนี้ไปนอนห้องผมเถอะ ที่นี่อันตราย” มู่วี่สิงพาเธอไป

เวินจิ้งอยากจะปฏิเสธ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้

เธอมองเห็นสภาพอันเลวร้ายตรงนี้ ได้แต่ขมวดคิ้ว

เธออยู่คนเดียว……ยังไงก็ไม่กล้านอนอยู่ดี

แต่ว่าเป็นมู่วี่สิง……เธอเริ่มลังเล

มองดูอารมณ์ของเวินจิ้งออก สีหน้าของชายหนุ่มเข้มขึ้น “คุณนายมู่ เชื่อใจผม นะ?”

“ฉันนอนที่ห้องรับแขกก็ได้” เวินจิ้งไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ต้องการดูแลตัวเอง

“คุณนอนในห้อง เดี๋ยวผมไปนอนที่ห้องรับแขก” มู่วี่สิงตอบออกไป

เวินจิ้งเดินเขาไปในห้องนอนของเขา พื้นที่เล็กมาก เทียบไม่ได้เลยกับการ์เด้นมู่เจียวาน

อีกทั้งที่นี่ก็ตกแต่งอย่างธรรมดา ห้องก็เก่ามาก มู่วี่สิงจะคุ้นชินที่จะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร……

เวินจิ้งมองเห็นเขากำลังยุ่งอยู่ มีหมอกไอที่ค่อยๆฟุ้งกระจายขึ้นมา

บนโต๊ะชาวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและเอกสารกองหนึ่ง เขาสวมแว่นตาไร้กรอบ เสื้อเชิ้ตสีขาวกับร่างกายอันสมาร์ทของเขา เป็นภาพมุมข้างที่น่าหลงใหลยิ่งนัก

ตอนจัดการเรื่องงาน เขาก็จะมีความตั้งใจอย่างดี

แต่สถานที่ที่แคบเช่นนี้ รูปร่างอันสูงใหญ่ของเขาที่จะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ช่างไม่เหมาะนัก

ดูเวลาแล้วก็ยังไม่ดึกมาก เธอก็ยังนอนไม่หลับ

คิดถึงวันเวลาตอนเราสองคนอยู่ร่วมห้องกัน เวินจิ้งก็รู้สึกขัดแย้งในตัวเองขึ้น

แต่พอเห็นมู่วี่สิง เขาผู้มีเสน่ห์ก็ทำให้เธอใจอ่อน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset