บทที่ 249 ใครให้เธอชอบเขาหล่ะ
“คู่หมั้นที่รักของผม”
ทางออกของสวนคฤหาสน์ยังมีระยะห่างออกไปอีกช่วงหนึ่ง หลิงอี้เดินเข้ามา
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ตกใจที่เห็นเขา “คุณคะ ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันไม่ใช่ซูยีน”
หลิงอี้กลับไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ แต่กลับพูดว่า “คุณแม่ของผมมาถึงแล้ว คุณหนูซู คุณควรจะไปพบท่านกับผมหน่อยนะ”
เวินจิ้งมองขึ้นไปอย่างโมโห “คุณได้โปรดอย่าล่วงเกินฉันอีก ฉันไม่รู้จักคุณค่ะ”
“ถ้าคุณไม่ร่วมแสดงกับผม คืนนี้คุณก็ไปไหนไม่ได้” หลิงอี้ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้น แขนอันยาวของเขาโอบเข้าที่เอวอันเรียวบางของเวินจิ้ง
เธอถูกเขาโอบเข้าไปในอ้อมอก
เวินจิ้งตัวสั่น ใช้แรงผลักเขาออกไป
หลิงอี้ไม่ยอมปล่อยมือ
“หลิงอี้ คุณปล่อยฉันนะ!” เวินจิ้งโมโหแล้ว
หลิงอี้งุ้มริมฝีปากอันบางของเขา กลิ่นกายอันหอมละมุนของเธอ ทำให้เขาไม่อาจปล่อยมือได้
“ในเมื่อรู้จักชื่อของผม ยังมาบอกว่าไม่ใช่คู่หมั้นของผมอีกหรือ?” หลิงอี้ หรี่ตาขึ้น
เวินจิ้งเม้มปาก เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมหลิงอี้ถึงได้คิดว่าเธอคือคู่หมั้นของเขามาตลอด
“คุณก็ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราก็ต้องแต่งงานกัน เรื่องจริงเรื่องนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้” หลิงอี้ตอบอย่างเสียงเข้ม
เวินจิ้งสีหน้าครุ่นคิด เธอรู้แค่ว่า ตระกูลลี่ ไม่เห็นด้วยให้ซูยีนและลี่หนานเฉิงเคียงคู่กัน
ดังนั้นเพื่อเป็นการแยกเขาสองคนออกจากกัน ถึงได้จัดสรรคู่หมายที่จะให้มาแต่งงานกับซูยีน
“ในเมื่อพวกเราไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็สู้ว่าร่วมมือกันดีกว่า?” หลิงอี้เสนอแนะ
เกาเชียนอยู่ด้านข้างรู้สึกกังวลใจ หากว่าคุณนายไปเกี่ยวพันอะไรกับหลิงอี้อีก bossจะต้องโมโหมากเป็นแน่
“คุณผู้ชายท่านนี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่!” เวินจิ้งผลักเขาออก
หลิงอี้ผู้เป็นชายหนุ่มรูปงามแต่ไหนมา ก็มีผู้หญิงอยากจะใกล้ชิดเขาไม่น้อย เขาเคยชินกับการที่คนอื่นจะเป็นฝ่ายเข้าไปกอดเขา แต่กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งปฏิเสธถึงสามครั้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกของเขาที่รู้สึกเช่นนี้
บนในหน้าของเธอแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้สนใจเขาเลย
เขาขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
แต่ก็อยากให้ผู้หญิงคนนี้ฟังเขาพูด
“ผมแค่ไม่อยากให้คุณแม่ของผมผิดหวัง ซูยีน ถ้าคุณสามารถปฏิเสธการแต่งงานนี้ได้ ตอนนี้ก็คงไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ใช่หรือ?” หลิงอี้กล่าว
ก็จริง ซูยีนก็ถูกบังคับมา
ไม่มีใครสามารถถอยหลังได้
เพียงแต่ว่า เธอนั้นไม่ใช่ซูยีน!
ข้างกายของนายหลิงนั้นก็ไม่ขาดสตรี เหตุใดต้องมาติดในบ่วงการแต่งงานเช่นนี้ด้วย การแต่งงานนี้ ซูยีนเธอไม่รับปากเป็นแน่ นายหลิง เปลี่ยนใจไปเสียเถิด”
เธอพูดจบ ก็รีบเดินออกไปจากสวนคฤหาสน์แห่งนี้
หลิงอี้มองไปที่ด้านหลังของเธอ นิสัยที่หยิ่งทะนงของเขาที่จะไม่ไปตามหญิงคนหนึ่ง
แต่ว่า เธอทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ช่างไม่เหมือนกับซูยีนคนที่เขาได้ยินมา
……
ในรถ มู่วี่สิงกุมมือไว้ อารมณ์โกรธของเขาแผ่กระจายออกไป
“คุณจะช่วยซูยีน ก็ให้สิ้นสุดแค่นี้”
“ฉันก็ไม่ได้จะทำอะไร” เวินจิ้งรู้ว่า มู่วี่สิงจะต้องเห็นเธอกับหลิงอี้ใกล้ชิดกันแล้ว
“ซูยีนกับประธานลี่ออกไปแล้วใช่ไหม?” เธอถาม
“อืม พวกเขากลับไปเมืองหนานเฉิง”
“คนของตระกูลลี่ทำไมไม่มีใครอยู่?” เวินจิ้งถามอย่างสงสัย
ในเมื่อคืนนี้ซูยีนต้องมีการดูตัว คนของตระกูลลี่น่าจะต้องเข้ามาเฝ้ามอง
แต่ทั้งหมดกลับราบรื่นเกินไป
“เมืองหนานเฉิงได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว คนของตระกูลลี่ยังไม่ถึง แต่ก็ถ่วงเวลาได้ไม่นานหรอก” มู่วี่สิงตอบเสียงเรียบ
เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างกังวล
“เรื่องของพวกเขา คุณอย่าเข้าไปเกี่ยวพันมากเกินไป หืม?” มู่วี่สิงโอบเข้าที่ตัวเธอ
เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับซูยีนไม่เลว เพียงแต่ไม่อยากให้เธอต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องในตระกูลลี่
ท่านนายลี่เป็นคนโหดเหี้ยม หากรู้ว่าเวินจิ้งเข้าไปเกี่ยวด้วย ก็จะไม่ไว้หน้าเขาแน่
“การอยู่ในตระกูลลี่ มีหลายเรื่องที่ไม่เป็นอิสระ คุณนายมู่ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่เป็นอย่างที่คุณคิด ที่ว่าจะมีตอนจบดีเสมอไป” มู่วี่สิงกล่าว
ใจของเธอมักจะคิดแต่ด้านเดียว แต่เล็กเธอไม่ได้เติบโตในตระกูลใหญ่ ก็ไม่รู้หรอกว่าจริงแล้วมันน่ากลัวเช่นไร
เวินจิ้งมองที่เขา ดูเหมือนว่าจะเข้าใจความหมายของคำพูดที่มู่วี่สิงกล่าว
เธอไม่รู้สถานการณ์ของตระกูลลี่จริงๆ อีกทั้งเมื่อครู่ที่ได้สัมผัสกับ หลิงอี้ ดูเหมือนว่าเขาเป็นผู้ชายที่ซับซ้อนอันตรายคนหนึ่ง
เธอก็ไม่อยากจะเกี่ยวพันอะไรกับเขาอีกแล้ว
วันถัดมาทั้งสองคนกลับไปเมืองหนานเฉิง เนื่องจากมู่วี่สิงมีธุระด่วนจึงจำเป็นต้องเข้าไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก่อน
เวินจิ้งต้องการจะกลับการ์เด้นมู่เจียวาน แต่ก็ดึงดันต่อเขาไม่ได้ จึงถูกเขาพาไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปด้วย
“ฉันจะโบกรถกลับไปเอง” เวินจิ้งหน้าตึง
“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน นะ?” เสียงของมู่วี่สิงอ่อนโยน
เวินจิ้งมองดูเขา สับสนลังเล
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นลง
“คุณนายมู่ อย่าตีรวนนะ” สีหน้าของเขาเข้มขึ้น
เวินจิ้งเม้มปาก “ฉันไม่ได้ตีรวน”
เธอมองที่เขา “ฉันรู้สึกเหนื่อย”
“บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมีห้องพักผ่อน”
พูดจบ ไม่รอให้เวินจิ้งต่อต้าน เขาก็พาเธอไปที่ห้องทำงาน
ภายในห้องทำงานของประธานกรรมการใหญ่ มีห้องนอนที่มีพื้นที่ไม่เล็กห้องหนึ่ง อีกทั้งภายในห้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างครบครัน
จริงแล้วเธอก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร เพียงแต่ว่าอยากจะรักษาระยะห่างกับมู่วี่สิง
ไม่อยากจะนอนสักนิด เวินจิ้งคุยโทรศัพท์กับซูยีน เมื่อรู้ว่าตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว ก็รู้สึกวางใจ
ทันใดนั้นด้านนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เวินจิ้งขมวดคิ้ว
มู่วี่สิงเดินเข้ามา ในมือของเขาถือเอกสารอยู่จำนวนหนึ่ง
“อีกสักครู่ช่วยผมทำบันทึกการประชุม นะ?”
“ฉันบอกแล้วว่า ฉันเหนื่อย” เวินจิ้งส่ายหัว
กลับถูกมู่วี่สิงช้อนใบหน้าเธอเข้ามา “ถ้าคุณไม่ช่วยผม ผมคงจะยุ่งมากจนข้ามคืนเลยนะ”
เวินจิ้ง:……
เธอมองดูมู่วี่สิง นึกถึงว่าเพราะเธอต้องไปประเทศC มู่วี่สิงก็ไปเป็นเพื่อนเธอตลอด ทำให้ใจอ่อนลง
ใครให้เธอชอบเขาหล่ะ
“ค่ะ”
ชายหนุ่มงุ้มริมฝีปากขึ้น ช้อนด้านหลังศีรษะของเธอไว้และประทับจูบอันลึกซึ้งลงไป เวินจิ้งไม่ทันตั้งตัวจึงถอยหลัง แต่กลับถูกเขากดลงแนบแน่นขึ้น
“คนบ้า” เธอด่าด้วยความโมโห
“บ้าก็เฉพาะกับคุณคนเดียวนะ” มู่วี่สิงยิ้มลึกขึ้น
เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนี้มองดูคำพูดคมคาย แต่บางทีคำพูดที่พูดออกมากลับมีความหมายต่างไป
แต่ก็เป็นการแซวหยอกเธอ
ที่มาประชุมด้วยคือ เสี้ยงหง ช่วงนี้บริษัทการผลิตยาเทียนอีร่วมมือกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป สาเหตุหลักก็เพื่อร่วมกันสืบสาเหตุการเสียชีวิตของฉือซิน
ถึงแม้ว่าบริษัทการผลิตยาเทียนอีจะออกคำให้การว่าสาเหตุการเสียชีวิตของฉือซินไม่เกี่ยวข้องอะไรกับยาของบริษัทการผลิตยาเทียนอี แต่ทางตำรวจก็ต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่เฉพาะทางเข้าร่วมการตรวจสอบ บริษัทการผลิตยาเทียนอีจึงขอเสนอเข้าร่วมด้วย
ตอนนี้ทางเสี้ยงหงสืบได้เงื่อนงำบางอย่าง แต่ว่าเรื่องราวซับซ้อน ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น
เวินจิ้งทำการบันทึกข้อมูลประเด็นหลักที่สำคัญไว้ ก้าวแรกสงสัยว่าฉือซินจะทานยาที่มีพิษเข้าไป
หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นแล้ว เสี้ยงหงพาผู้บริหารระดังสูงของบริษัทการผลิตยาเทียนอีกลับไป ในห้องทำงานจึงเหลือเพียงแค่เวินจิ้งและมู่วี่สิง
นานแล้วที่เธอไม่ได้เข้าร่วมประชุมที่เข้มข้นเช่นนี้ เธอจึงรู้สึกอ่อนเพลีย
อีกทั้ง เรื่องเกี่ยวกับฉือซิน เธอก็คิดไม่ถึงว่ามู่วี่สิงจะรับมาตรวจสอบเอง
“มู่วี่สิง ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้?”
“หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับคุณ ผมก็จะสืบให้ชัดเจน” มู่วี่สิงจับมือเธอ
ก่อนหน้านี้ที่ฉืออี้เหิงคอยใส่ร้ายเวินจิ้งมาหลายครั้ง เขาก็ไม่อยากให้เธอถูกสงสัยไปตลอด
เรื่องนี้หากไม่สืบให้ชัดเจน เวินจิ้งก็จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไป
ในใจเวินจิ้งกำลังโอนเอนเล็กน้อย พอเรียกสติกลับมาได้ หน้าของมู่วี่สิงก็เข้าใกล้เธอมากขึ้น
เธอพลักเขาออกโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่าครั้งนี้ เธอถูกเขากดลงบนโต๊ะทำงาน ไม่มีหนทางหลบหนี