บทที่ 260 ตัดสินใจแล้วว่าภรรยามู่จะเป็นเธอเท่านั้น
“เรื่องนี้ คุณมู่เป็นคนตัดสินใจ ภรรยามู่ ยังไงคุณก็เป็นคนในครอบครัว ไม่เป็นไรหรอก” ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลพูดติดตลก
แต่เวินจิ้งไม่อยากทำแบบนี้…
อย่างนั้นก็ถือว่ามู่วี่สิงให้เส้นสายกับเธอ?
เส้นสายนี้กว้างมาก
กลับถึงห้องทำงานชั้นสูงสุด เวินจิ้งยังคงรู้สึกหดหู่ใจมาก เกาเชียนเดินมาก็ไม่ทันสังเกต
“ภรร…เลขาเวิน?”
เกาเชียนยังไม่ชินกับการเรียกเวินจิ้งในโอกาสต่างๆ…
มาทำงานคือเลขาเวิน เลิกงานคือภรรยามู่
คุณมู่ตลกจริงๆ!
“ผู้ช่วยเกา” เวินจิ้งสติกลับมา
“เดี๋ยวจะมีการประชุมระดับสูง คุณเข้าไปดูการเตรียมการของประธานมู่”
เวินจิ้งพยักหน้า เดินเข้าไปห้องทำงาน
นึกถึงเรื่องที่เพิ่งรู้จากแผนกบุคคล เวินจิ้งมองมู่วี่สิงอย่างเงียบๆ
“ทำไมฉันถึงกลายมาเป็นพนักงานประจำ?”
เมื่อได้ยินที่พูด มู่วี่สิงเงยขึ้นมอง “ไม่พอใจเหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันเพิ่งมาที่นี่ได้สักพัก การรักษานี้ดีเกินหรือเปล่า?”
“ใช่เหรอ? ฉันไม่รู้สึก”
เวินจิ้ง: …
เธอจำเป็นต้องพยายามทำงานถึงจะดี ไม่งั้นในใจจะรู้สึกว่าไม่เหมาะจริงๆ…
“มู่วี่สิง คุณเพิ่มงานให้ฉันได้ไหม”
ได้ยินที่พูด ผู้ชายขมวดคิ้ว “เธออยากได้เงินเดือนเพิ่ม?”
เวินจิ้งรีบโบกมือ เงินเดือนของเธอนี้สูงกว่าของเกาเชียนแล้ว เพิ่มอีกไม่ได้แล้ว…
แม้ว่า เงินเยอะจะไม่ใช่เรื่องไม่ดี
แต่มู่วี่สิงลำเอียงเกินไป
“ไม่ต้องเพิ่มเงินเดือน เพิ่มน้องไก่ก็พอแล้ว!” เวินจิ้งหัวเราะ
มู่วี่สิงหรี่สายตา กวักมือเรียกเธอ “มานี่”
เวินจิ้งยืนอยู่ห่างจากเขาหนึ่งเมตร ระยะนี้ทำให้เขาไม่พอใจ
“หืม?” เวินจิ้งงุนงง
เธอยืนอยู่ไม่ขยับ
สีหน้าของมู่วี่สิงเคร่งขรึม “มานี่”
เฮ้อ
เวินจิ้งเดินไป มู่วี่สิงคว้าเธอไว้ในอ้อมแขน
เวินจิ้งตกใจจนเบิกตากว้าง
เกาเชียนก็อยู่ข้างนอก! เข้ามาได้ทุกเมื่อ!
ความตึงเครียดของเธออยู่ในสายตา มู่วี่สิงยกริมฝีปากบางขึ้น “กลัวแล้วเหรอ?”
“มู่วี่สิง ที่นี่เป็นห้องทำงาน…” เวินจิ้งขมวดคิ้ว อยากผลักเขาออกตลอด
“อย่าขยับ ฉันแค่อยากกอดเธอ”
เขาไม่ทำอะไรอยู่แล้ว
ปกติเวินจิ้งปิดไฟก็เขินอายอยู่แล้ว อยู่ที่นี่ ก็ยิ่งเกินความอดทนของเธอ
“ต้องไปประชุมแล้ว” เวินจิ้งเตือนเขา
และขณะนี้ เกาเชียนที่อยู่ข้างนอกก็เคาะประตูแล้ว
สีหน้าของเวินจิ้งแปลี่ยน ใช้กำลังผลักมู่วี่สิงออก แต่ฝ่ามือของเขายังจับที่หน้าอกของเธอ
แก้มของเวินจิ้งแดงก่ำ จ้องมู่วี่สิง
ทำไมเขายิ่งอยู่ยิ่งเกินไป…
“อึ้งอยู่ทำไม เลขาเวิน?”
มู่วี่สิงจัดการความเรียบร้อยและลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าเวินจิ้งหน้าแดง รอยยิ้มปรากกฏมุมปาก
เวินจิ้ง: …
…
วันหยุด
รถขับเข้าไปปราสาทตระกูลหลินที่ซ่อนอยู่ในภูเขาอย่างช้าๆ
เวินจิ้งกังวลตลอดทาง มือถูกมู่วี่สิงกุมไว้ และเหงื่อออกตลอดเวลา
หากคุณปู่ไม่ชอบมู่วี่สิง…
ทันใดนั้นคางก็ถูกบีบ เวินจิ้งเลี่ยงสายตาของมู่วี่สิงไม่ได้ “ฉันยังไม่กังวล แล้วเธอกังวลอะไร หืม?”
“นิสัยของคุณปู่ไม่ค่อยดี” เวินจิ้งพูด
“ไม่ว่ายังไง ความจริงในการแต่งงานของเรา ไม่มีวันเปลี่ยน”
เข้ามาในปราสาท หลินเจิ้งไม่ได้อยู่ห้องรับแขก พ่อบ้านขึ้นมาต้อนรับ เมื่อเห็นมู่วี่สิง อดขมวดคิ้วไม่ได้
“คุณเวิน คุณท่านยังพักผ่อนอยู่ในห้อง เขาให้คุณขึ้นไปคนเดียว” เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านไม่สนใจมู่วี่สิง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “เขาเป็นสามีของฉัน คุณปู่ยกเว้นแน่นอน”
“คุณเวิน คุณขึ้นไปคนเดียวก่อนดีกว่า” พ่อบ้านพูดอย่างแข็งขัน
“ฉันรอเธออยู่ที่นี่ เด็กดี” มู่วี่สิงไม่ได้โกรธ
เวินจิ้งพยักหน้า ขึ้นไปบนห้อง ได้ยินเสียงหายใจจากที่ไกลๆ
เธอรับเปิดประตูออก เห็นคุณปู่ต้องการหยิบยา เธอรีบไปช่วยเขาหยิบยาเทอกมา
“คุณปู่” สายตาของเธอเผยความเป็นห่วง
เมื่อเห็นหลานสาว หลินเจิ้งก็ยิ้ม
กินยาแล้วอาการดีขึ้นเยอะ
“หลานสาวเด็กดีของฉันมาแล้ว”
“คุณปู่ คุณเต็มใจที่จะเจอมู่วี่สิงไหม?”
หลินเจิ้งสีหน้าเงียบสงบ เวินจิ้งคิดว่าจะเห็นเขาโกรธ
“เมื่อมาแล้ว ก็ให้เขาขึ้นมาเถอะ แต่ว่าเธอเป็นหลานรักของฉัน เธอจะแต่งกับใคร ปู่ก็ไม่ไว้ใจ”
เวินจิ้งยิ้ม “คุณปู่ เขาดีกับหนูมาตลอด”
“อย่างนั้นปู่ก็จะต้องเห็นเองกับตา”
ไม่นาน พ่อบ้านก็เคาะประตู มู่วี่สิงผลักประตูเข้ามา
“คุณท่านหลิน” มู่วี่สิงทักทายอย่างมีมารยาท
เวินจิ้งพยุงคุณปู่ขึ้นมานั่ง
หลินเจิ้งมองผู้ชายตรงหน้า พูดเสียงเบา “ฉันรู้ว่านานกับหลานสาวของฉันแต่งงานสายฟ้าเลย นายชอบเธอจากใจ?”
เวินจิ้งอึ้ง มองไปที่มู่วี่สิงอย่างไม่รู้ตัว
เธอรู้ ว่ามู่วี่สิงไม่มีทางชอบเธอ
แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับหลินเจิ้ง
เธอรู้สึกตึงเครียดอย่างไม่รู้ตัว
สีหน้าของมู่วี่สิงดูนิ่งๆ ลดสายตาลง เขามองหลินเจิ้ง “ผมกับเวินจิ้งตกหลุมรักครั้งแรกที่เจอ กะทันหันไม่ใช่เพราะใจร้อน แต่ ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าภรรยามู่จะเป็นเธอเท่านั้น
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ หัวใจเต้นรัว คำพูดของมู่วี่สิงสำหรับเวินจิ้งแล้ว ไม่ใช่ความประหลาดใจเพียงเล็กน้อย
แม้จะรู้ ที่เขาพูดแบบนี้เพราะคนที่เผชิญหน้าอยู่คือคุณปู่
แต่ว่า เธอต้องการเขื่อ
“หลานสาวคนนี้ของฉันอาศัยอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด ตอนนี้เธอคือคนของตระกูลหลิน ตัวตนไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เมื่อนายชอบเธอ ทำไมตอนแรกไม่จัดงานแต่ง?” หลินเจิ้งทำหน้าเยือกเย็น
“คุณปู่ เพราะหนูไม่อยากจัดงานแต่ง” เวินจิ้งเอ่ยปาก
อันที่จริงเรื่องนี้ไม่เคยมีใครพูดถึง เธอกับมู่วี่สิงเดิมทีก็ไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ งานแตง่ไม่ได้มีความหมายอยู่แล้ว
“ตอนนี้เธออยู่ข้างกายของปู่ ปู่จะทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นธรรมได้อย่างไร ปู่จะทำให้ทุกคนได้รู้ เธอเป็นลูกของตระกูลหลิน ต่อไปหากผู้ชายคนนี้กล้าทำอะไรไม่ดีกับเธอ คนของตระกูลหลินไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่นอน!” หลินเจิ้งส่งเสียง
“คุณปู่วางใจ ผมไม่มีทางทำให้เวินจิ้งผิดหวัง” มู่วี่สิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“คุณปู่ เราแต่งงานกันก็นานแล้ว งานแต่งก็ไม่จำเป็น” เวินจิ้งเข้าใจความคิดของคุณปู่ ความจริง ทำไมเธอถึงจะไม่อยากล่ะ
เพียงแต่ ตอนนี้แบบนี้ก็เพียงพอแล้ว
“เวินจิ้ง เมื่อเป็นความปรารถนาของคุณปู่ เราทำให้เขาได้สมปรารถนา หืม?” มู่วี่สิงจับมือเล็กของเธอไว้ น่ำเสียงอ่อนโยน
เวินจิ้งสบตากับเขา ค่อนข้างใจเต้น
แต่ว่า ได้เหรอ?
หลินเจิ้งรีบสั่งให้พ่อบ้านเข้ามา “ติดต่อบริษัทจัดงานแต่งทันที หลานสาวหลานเขยของฉันจะจัดงานแต่ง!”
เวินจิ้งยังคงอยู่ในอาการตกใจ ตลอดจนออกจากปราสาท เธอถึงจะเขื่อว่าทุกอย่างล้วนเป็นความจริง
น้ำเสียงอ่อนโยนของมู่วี่สิงดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ “ภรรยามู่ ชุดแต่งงานของเธอฉันสั่งไว้นานแล้ว ฉันรอวันนี้มานาน”
เวินจิ้งเงียบ สั่งไว้นานแล้ว?
เธอคิดว่าตลอด ว่าระหว่างเธอกับมู่วี่สิง ไม่มีทางจัดงานแต่ง
“เป็นไปได้ยังไง มู่วี่สิง คุณจริงจังเหรอ?” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ
“คำพูดของฉัน เมื่อครู่ได้พูดชัดเจนแล้ว? หืม?” มู่วี่สิงลูบหัวของเธอ
เวินจิ้งจับแขนของเขา และสับสน ทำไมมู่วี่สิงถึงสั่งชุดแต่งงานไว้นานแล้ว…
เป็นเพราะเพื่อให้ภรรยามู่หรือเปล่า
ดังนั้น คงไม่ได้สั่งไว้ให้สำหรับเธอ