บทที่ 28 ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
“ปล่อย” มู่วี่สิงสั่ง ชั่วครู่นั้นเวินจิ้งไม่กล้าแข็งข้อ
เธอนั่งลงอย่างอับอาย รู้สึกอึดอัด
อารมณ์แบบนี้มาแบบพิลึกพิลั่น
“เรื่องทำอาหารต่อไปก็ยกให้เป็นหน้าที่ของคนรับใช้เถอะ คุณคือคุณนายมู่ ไม่จพเป้นต้องทำงานนักแบบนี้” มู่วี่สิงบอกเสียงหนัก
เวินจิ้งย่นคิ้ว คิดจะค้านมือถือของมู่วี่สิงก็ดังขึ้นมา ราวกับว่ามีเรื่องเร่ง ว่าคิ้วประณีตขมวดเป็นปม
รับสายเสร็จมู่วี่สิงก็ไม่ได้กินอาหารต่อ เขาหมุนตัวขึ้นชั้นสองไป
ไม่นานมู่วี่สิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าลงมา พอเห็นว่าเวินจิ้งกำลังเก็บของอยู่เขาก็เดินมาดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดอย่างสนิทสนม
“ผมต้องไปโรงพยาบาล คืนนี้ไม่แน่ว่าจะกลับ คุณพักให้ดีเถอะ เรื่องพวกนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรับใช้ไป เข้าใจมั้ย?”
เวินจิ้งหยุดไปครู่หนึ่งแต่ก็ยอมพยักหน้าอย่างว่าง่าย รอจนเขาออกไปแล้วก็กลับมาอีกครั้งถึงได้พบว่ามู่วี่สิงได้กินอาหารหมดแล้ว
เธอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เวลานี้อยู่ ๆด้านนอกก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ไม่นานเท่าไหร่สายฝนก็เทลงมาห่าใหญ่
เวินจิ้งถือร่มออกไป แต่มู่วี่สิงก็ขึ้นรถไปแล้ว
โรงพยาบาลเหรินหมิง
มู่วี่สิงผลักประตูห้องผู้ป่วย เย่กวนกวนก็ดึงเข็มฉีดยาออกมาแล้ววิ่งเข้ามากอดเขาเสียแน่น
“คุณหมอมู่คะ ฟ้าร้องด้วยล่ะ ฉันกลัวจังเลย” เธอร้องไห้เสียงเบา
ก้นสายของมู่วี่สิงฉายแววไม่พอใจ เขาดันเธอออกมาแล้วบอกอย่างจริงจัง “ตอนนี้คุณไม่ใช่เด็กแล้ว”
“แต่ว่าฉันกลัวนี่นา! ฉันเพิ่งผ่าตัดไป จะได้รับผลกระทบรึเปล่า?”
“คุณไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ขึ้นไป นอนเสีย” มู่วี่สิงสั่งเสียงเย็น บอกกับพยาบาลให้ใช้เข็มฉีดยาเล่มใหม่กับเย่กวนกวน
ทว่าสายตาของเธอกลับมองมามู่วี่สิงอยู่ตลอดเวลา
“คุณหนูเย่คะ คุณหยุดขยับได้แล้ว ไม่อย่างนั้นปากเผลอจะเป็นหนองนะคะ” พยาบาลอดเอ่ยปากเตือนขึ้นมาไม่ได้
เพราะฐานะของเย่กวนกวนเปรียบเสทอนทองพันชั่ง ทุกคนย่อมต้องดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี
แต่คุณหนูคนนี้ดันก่อแต่เรื่อง
“คุณหมอมู่ คืนนี้คุณจะอยู่เป็นเพื่อนฉันใช่มั้ย?” เย่กวนกวนกลับมองมู่วี่สิงอย่างเฝ้าคอย
ใบหน้าของมู่วี่สิงนิ่ง เขาดูประวัติผู้ป่วยของเย่กวนกวนแล้วก็ย่นคิ้ว
“วันนี้ผมต้องเข้าเวร” เขาบอกอย่างเย็นชา
ความจริงคือเขาไม่ต้องเข้าเวรมาตั้งแต่ไรมา แต่เพราะเย่กวนกวน ผู้อำนวยการจึงต้องทำแบบนี้
“คุณหมอมู่ ฉันกลัวจริงๆนะคะ คุณก็รู้ว่าฉันกลัวเสียงฟ้าร้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ฉันกลัวว่าจะผ่านคืนนี้ไปไม่ได้…” เย่กวนกวนเอ่ยปากอย่างน่าสงสาร
“อย่าพูดจาเลอะเทอะ เย่กวนกวน ความอดทนของผมมีจำกัด”
“งั้นคุณก็อย่าไปสิ ฉันรับรองว่าจะไม่พูดจาเหลวไหล!” เย่กวนกวนให้คำสัญญา
“ผมอยู่ที่ห้องทำงานข้างๆนี่ มีอะไรก็กดกริ่งเรียก”
“ไม่ได้ คุณห้ามไป คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่!” เย่กวนกวนโวยวาย ต้องการให้มู่วี่สิงอยู่ต่อ
มู่วี่สิงไม่ฟัง ลากเท้ายาวๆเดินออกประตูไป
เพียงแต่เพิ่งเข้ามาในห้องทำงาน เย่กวนกวนก็นั่งรถเข็นตามเข้ามา มีพยาบาลช่วยถือขวดน้ำเกลืออยู่ข้างๆ
“คุณหมอมู่ ไม่มีคุณอยู่ใกล้ๆแล้วฉันอยู่ไม่ได้จริงๆนะคะ” เย่กวนกวนทำท่าทางคล้ายจะร้องไห้
“ผมเห็นว่าตอนนี้คุณเองก็แจ่มใสดี ฟื้นฟูได้ไม่เลว สัปดาห์หน้าคุณก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วกัน” มู่วี่สิงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
เย่กวนกวนโมโห เธอวางแผนจะอยู่ที่โรงพยาบาลสักครึ่งเดือนขึ้นไป จะออกจากที่นี่เร็วขนาดนั้นได้ยังไง
ถ้าออกจากโรงพยาบาล…ก็จะไม่ได้เห็นมู่วี่สิงน่ะสิ
แล้วก็มีแต่เวลานี้เท่านั้นที่เธอจะได้ใกล้ชิดเขา
“ฉันไม่เห็นด้วย พ่อฉันก็ย่อมไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ผ.อ ก็ต้องไม่เห็นด้วย” เย่กวนกวนค้านเสียงแข็ง
มู่วี่สิงนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่สนใจเธอ กลับมาให้ความสนใจกับประวัติผู้ป่วย
เย่กวนกวนไม่เปิดปากอีก ทำเพียงมองมู่วี่สิงอย่างเงียบๆ เพียงแต่ในไม่ช้าเธอก็รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงแล้วก็หมดสติไปต่อหน้ามู่วี่สิง
พยาบาลรีบเขามา มู่วี่สิงย่นคิ้ว ตรวจดูอาการแทรกซ้อนที่ตามมาหลังจากใช้ยาดวงตาก็แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
มีคนแอบเปลี่ยนเทียบยาของเขา