flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 353 เขาคืออดีตสามีของเธอ

บทที่ 353 เขาคืออดีตสามีของเธอ

เวินจิ้งหายใจเข้าลึกๆ หยิบกระเป๋าแล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว

กลับทำให้เธอรู้สึกโล่งใจแทน

ทีหลัง ….. จะไม่กลับไปอีก

ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป

ในห้องผู้ป่วย มู่วี่สิงคิดอะไรเกี่ยวกับงานที่ไหนกัน

เมื่อเห็นเกาเชียนจะออกไป เขาหันไปถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เมื่อกี้ฉันรุนแรงไปเหรอ”

เวินจิ้งเพิ่งมองไปที่สายตาของเขา และก็ถูกเขาทำให้ตกใจกลัวร้องไห้ออกมา

แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้าเธอ เขามักจะซ่อนอารมณ์ของเขาเอาไว้เสมอ

เกาเชียนได้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาไม่กล้าพูดออกไปว่าเจ้านายเป็นคนรุนแรง ……มันเป็นคำถามที่สร้างความแตกหัก!

“คุณมู่ คุณไม่ได้รุนแรงครับ” เกาเชียนพูดพลางทำหน้าจริงจัง

“ความจริงเหรอ” มู่วี่สิงหรี่ตาแคบ

“จริง จริงครับ!”

เหงื่อที่อยู่บนใบหน้าของเกาเชียนก็ไหลออกมา……

………..

เมื่อกลับถึงหอพัก หลิงเหยาหันไปมองเวินจิ้งในทันที

“ไม่ค้างคืนเหรอ”

“แน่นอน” เวินจิ้งได้ปรับสภาพอารมณ์แล้ว

“ไม่เหมือนเธอเลยนะ” หลิงเหยามองดูเวินจิ้ง

เวินจิ้งถูกเธอมองมาอย่างไม่สบายตัว…….

“มู่วี่สิงเป็นอะไรเหรอ” หลิงเหยาถาม

“กระดูกหัก”

“หนักมากอ่ะ” หลิงเหยาคิดว่ามู่วี่สิงแกล้งเกิดเรื่อง เพื่อให้เวินจิ้งไปหา

“อืม น่าจะต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสักพักหนึ่ง”

“งั้นเธอก็ต้องไปเยี่ยมเขาทุกวันใช่ไหม”

“ฉัน …..” เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่ไปแล้วล่ะ”

“เธอทิ้งได้เหรอไง”

“มีอะไรจะต้องทิ้งล่ะ เขาก็ไม่ใช่คนของฉัน”

“เขาคือสามีเก่าเธอไงล่ะ”

เวินจิ้ง : ………

“ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว”

“แล้วเมื่อกี้เธอไปทำไม”

“ฉันตามเพื่อนร่วมชั้นของพวกเราไปเยี่ยมคนป่วย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นศาสตราจารย์ของสาขาพวกเรา” เวินจิ้งดูอย่างดูดี

หลิงเหยาส่ายหัวอย่างหมดหนทาง หญิงสาวผู้นี้ปากแข็ง…….

“ใช่ใช่ใช่ เขาเป็นศาสตราจารย์ของเธอ งั้นเธอก็ควรไปดูแลเขา”

“ฉันจะไม่ได้ดูแลเขา!”

“เดี๋ยวอีกไม่กี่วันเธอก็จะกลับไปแน่นอน”

แต่ก็สงสารพี่ชายของเธอ ยากที่จะชอบผู้หญิงคนนี้ได้ ผู้ที่ใจมีใครอื่นอยู่ก่อนแล้ว

หลิงเหยาไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับหลิงอี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะหึงหวงขึ้นมาได้ สามารถจะทำอะไรขึ้นมาก็ทำได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็จะไปถึงหูหลิงอี้เองโดยธรรมชาติ

ความสัมพันธ์ของเขาและมู่วี่สิงไม่ได้คุ้นเคยกัน ทั้งสองตระกูลก็ไม่ได้มีความร่วมมือกัน แต่อยู่ในวงเดียวกัน ก็ยังคงมีข่าวกันอยู่

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ความวุ่นวายของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แม้ว่าคนนอกจะไม่ทราบ แต่จะมีกลุ่มใหญ่บางกลุ่มได้ยินข่าวลือมา

มู่วี่สิงเข้าโรงพยาบาลในครั้งนี้ เกรงว่าเหตุนั้นไม่ธรรมดา

“ช่วยฉันดูเวินจิ้ง” หลิงอี้กำชับน้องสาว

หลิงเหยาได้ส่งสัญลักษณ์แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจกับเขา: ไม่สามารถจริงๆ

หลิงอี้ : ไม่ต้องการลายเซ็นของ Biers แล้ว

หลิงเหยา : ……… เห็นด้วย!

………

วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ห้องทดลองของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปยังคงซ่อมแซมอยู่ การวิจัยและพัฒนายายังคงอยู่ที่ห้องทดลองของมหาวิทยาลัยหลินไห่

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเวินจิ้งถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว

นักศึกษาอีกสองคนนั้นล้วนแต่สามารถเข้าร่วมในการวิจัยและพัฒนาได้ แต่เวินจิ้งยังคงถูกจัดให้ทำบันทึกรายงาน

ยิ่งกว่านั้นเพื่อนร่วมงานหลายคนก็ไม่ให้ความร่วมมือ และเรื่องสำคัญหลายเรื่องก็ไม่ได้มาบอกกันเธอ

ดังนั้นการทำงานของเธอจึงยากที่จะดำเนินต่อ

เธอหวังว่าจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนามากขึ้น

ขณะกำลังเหม่อ รายงานที่อยู่ในมือก็หล่นลงกับพื้น และหล่นไปกระทบบนหลังเท้าของผู้รับผิดชอบ

อีกฝ่ายก็อุทานขึ้น พูดด้วยเสียงโกรธ “เวินจิ้ง เธอทำอะไร!”

“ขอโทษค่ะ” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา

“ฉันเห็นว่าเธอจงใจ ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไปซะ ทีมเราขาดเธอแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไร”

สูดลมหายใจลึก และมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า พลางกัดริมฝีปากอย่างเฉยเมย “ทีมก่อตั้งขึ้นจากการร่วมกันของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปและมหาวิทยาลัยหลินไห่ ในเมื่อฉันเป็นคนที่มหาวิทยาลัยแนะนำมา ก็เลยมาเป็นสมาชิกของทีมนี้ นอกจากฉันทำอะไรผิด มหาวิทยาลัยจะเป็นคนให้ฉันออกจากกลุ่ม ไม่อย่างนั้น ฉันก็มีความจำเป็นต้องมาทุกวันเสาร์”

“ได้ งั้นฉันจะคอยดูว่าเธอจะอยู่ที่นี่ได้นานสักแค่ไหน”

พูดจบ ก็ยื่นขวดสารละลายขวดหนึ่งให้เวินจิ้ง “เอาไปวิเคราะห์และแยกส่วนประกอบ”

ที่นี่ตำแหน่งผู้รับผิดชอบใหญ่ที่สุด ดังนั้นทุกคนต่างจำเป็นต้องฟังคำสั่งของเธอ

“ได้” ใบหน้าเวินจิ้งไม่ได้แสดงอาการใดๆ

แต่ภายในใจลึกๆ ยังคงไม่ได้รับความเป็นธรรม

เมื่อเดินไปด้านข้าง เธอสวมถุงมือ เพื่อนร่วมงานหลานคนที่อยู่รอบๆมองมายังเธอ และพูดจาหักหน้า

“เวินจิ้ง เธอต้องระวังหน่อยนะ อย่าทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”

“ใช่ ต่อให้ฟ้องคุณมู่ ก็คงไม่มีความหมายอะไรแล้ว”

“โธ่ พวกเธอว่าจะเกิดเรื่องอะไรล่ะ ถึงยังไงเขากันคุณมู่ก็ดูจะมีอะไรที่มากกว่านั้น …..”

“เธอคิดว่าจะมีใครจะสามารถไต่ขึ้นไปหาคุณมู่ได้ ก็แค่นักศึกษาคนหนึ่ง คุณมู่คงไม่ชายตามองหรอก กล้าใส่ร้าย Amy พวกเราต้องให้ความเป็นธรรมกับเธอ

“จริงด้วย……”

“……….”

เวินจิ้งทำหูทวนลมกับเสียงรอบข้าง หลังจากเขียนรายงานการวิเคราะห์เสร็จสิ้น เพื่อนร่วมงานที่อยู่ห้องทดลองต่างก็ออกไปกินข้าว เหลือแต่เธอและเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งที่ยังอยู่

เวินจิ้งไม่คุ้นเคยกับเขา แม้ว่าจะทำวิจัยร่วมกันทุกสัปดาห์ แต่ก็จำได้แค่ชื่อเขาเท่านั้น

เวินเหอเดินเข้ามา “ต้องการให้ช่วยอะไรไหม”

เวินจิ้งส่ายหัว “ฉันใกล้จะเสร็จแล้ว”

“ต้องไปกินข้าวไหม เร็วหน่อย”

เวินจิ้งมองดูเวลา แม้ว่าจะหิวแล้ว แต่เธอก็อารมณ์ไม่ดี และก็ไม่รู้สึกอยากกินอะไร

“พวกเขาไม่ค่อยพอใจเธอ ผมคิดว่าคุณน่าจะยากที่จะทำงานอยู่ที่นี่ต่อไป” เวินเหอพูดความจริง

การวิจัยและพัฒนาต้องมีความร่วมมีกัน ตอนนี้เขาและเพื่อนร่วมชั้นอีกคนหนึ่งก็เข้ามาร่วมด้วยแล้ว แต่เวินจิ้งถูกกีดกัน จึงหมดหนทางที่จะได้มีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญนี้ได้

สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เสียเวลามาก

เวินจิ้งก็รู้อยู่แล้ว แต่เธอต้องการจะเรียนต่อที่นี่จริงๆ

เธอไม่เคยอยากจะล้มเลิกกลางคัน

“ถ้าผมจะช่วยล่ะ” เวินจิ้งเงยหน้า สายตาที่แสดงออกถึงสีหน้าที่ดื้อรั้น

เวินเหอหยุดไปครู่หนึ่ง สักพักก็ยิ้มขึ้นทันที “ท่าทางแบบนี้ไม่เลว ถึงแม้ว่าคนของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะไม่ต้องรับคุณ พวกเราต่างก็เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหลินไห่ด้วยกัน พวกเราจะยืนอยู่ข้างคุณแน่นอน”

เวินจิ้งได้ยินแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นไม่น้อย “ขอบคุณนะ”

“ไปกันเถอะ ไปกินข้าวด้วยกัน ผมจะคุยกับคุณเกี่ยวกับความคืบหน้าของการวิจัยและพัฒนา”

เวินจิ้งต้องเขียนรายงาน แต่คนของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้บอกเรื่องอะไรกับเธอเลย เวินเหอรับรู้ถึงความยากลำบากของเธอ

ในตอนบ่ายทั้งสองคนกลับไปยังห้องทดลอง งานของเวินจิ้งที่ได้รับความช่วยเหลือจากเวินเหอ เรื่องทุกอย่างจัดการอย่างราบรื่นไปมากแล้ว

แต่ผู้ที่รับผิดชอบสั่งเธอมากมายเหลือเกิน เธอจึงยุ่งตลอดจนถึงตอนเย็น

จนกระทั่งโทรศัพท์ของหลิงเหยาก็โทรมา

“เธอยังไม่กลับเหรอ”

“ฉันยังยุ่งอยู่เลย” เวินจิ้งขมวดคิ้ว

“ตอนนี้มันเย็นมากแล้วไม่ใช่เหรอ คนอื่นเขาคงเลิกงานกันหมดแล้ว”

“อืม ฉันก็เกือบแล้วล่ะ”

“โอเคโอเค เดี๋ยวฉันไปหาเธอ”

เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ ไม่นานนักโทรศัพท์ของเวินจิ้งก็ดังขึ้น เป็นสายโทรเข้าของมู่วี่สิง

ครู่หนึ่ง เสียงดังอยู่สักพัก เธอจึงกดรับโทรศัพท์

“ไม่อะไรเหรอ”

“ผมจะเปลี่ยนคนคุมทีมวิจัยและพัฒนา” น้ำเสียงของมู่วี่สิงดังมาอย่างหนักแน่น

เวินจิ้งขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง”

“แค่บอกให้คุณรู้”

เกาเชียนได้รายงานกับเขาแล้ว ในเรื่องที่เวินจิ้งถูกเพ่งเล็ง ในส่วนของคนที่อยู่เบื้องหลัง บริษัทไม่เคยที่ปล่อยไว้

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเวินจิ้ง

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset