บทที่ 473 คนคิดไม่ซื่อ
เวินจิ้งเข้าใจในที่สุดว่าทำไมท่าทีของมู่เฉิงที่มีต่อเธอถึงได้เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้
เพราะมู่เฉิงคิดว่า มันเป็นเพราะเธอมู่วี่สิงถึงได้อยากทำงานที่โรงพยาบาล และเลือกที่จะทำอาชีพคุณหมอต่อไป
และมู่วี่สิงจะทำอย่างนี้ต่อไปไม่ได้
เขาต้องทำตามที่มู่เฉิงวางแผนเอาไว้ ต้องมุ่งความคิดทั้งหมดมาที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเพียงอย่างเดียว
เวินจิ้งไม่พูดอะไรอีก ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป ก็คงเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของมู่เฉิงอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย อารมณ์ของเวินจิ้งก็ดิ่งลงเป็นอย่างมาก โทรศัพท์ก็เอาแต่สั่นอยู่ตลอด เพราะมีสายจากมู่วี่สิงโทรเข้ามา เธอจึงเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
หลังจากเสร็จงานทุกอย่างในวันนี้ เธอก็กลับไปยังมหาวิทยาลัย
วันนี้หลิงเหยาก็อยู่ที่หอเหมือนกัน เมื่อเห็นเวินจิ้งกลับมา ก็ว่าจะชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน
แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของเธอ ก็สะดุ้งตกใจ
“เวินจิ้ง แกเป็นไข้เหรอ?” หลิงเหยาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหา
เวินจิ้งส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นอะไร”
“นี่เหรอไม่เป็นอะไร? อย่างกับมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ” หลิงเหยาพูดมุบมิบ
เวินจิ้งยิ้มเจื่อนๆออกมา ช่างเป็นรอยยิ้มที่แข็งทื่อเอามากๆ
“เกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ป่วยกาย งั้นป่วยใจเหรอ?”
เวินจิ้งถอนหายใจออกมา เป็นเวลานานถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “คุณปู่คิดว่าฉันมีอิทธิพลกับมู่วี่สิงมากเกินไป เลยบอกว่าจะกำจัดฉันออกไป…..”
“อะไรนะ?” หลิงเหยานิ่งอึ้ง เธอยังไม่ค่อยเข้าใจที่เวินจิ้งพูดมาเท่าไหร่
“คุณปู่? มู่เฉิงน่ะเหรอ?”
“อืม คุณปู่ท่านไม่อยากให้มู่วี่สิงเป็นคุณหมออีกต่อไปแล้ว ตอนนี้นอกจากมู่วี่สิงจะมีฐานะเป็นประธานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ก็ยังมีฐานะเป็นคุณหมอ คุณปู่คิดว่าเป็นเพราะฉันมู่วี่สิงเลยอยากทำอาชีพคุณหมอต่อ”
“ไม่ใช่มั้ง……” หลิงเหยาขมวดคิ้ว
แต่พอลองคิดดู ก็ดูเหมือนว่า…….
งานที่บริษัทก็มากพอที่จะทำให้เขายุ่งไม่เว้นวันแล้ว ส่วนอาชีพหมอเดิมทีก็ไม่ใช่อาชีพสบายๆ มู่วี่สิงไม่จำเป็นต้องมาตรวจคนไข้เองก็ได้
แต่เขาก็ยังทำแบบนี้ อีกอย่างเวินจิ้งก็มาฝึกงานที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลินไห่พอดีด้วย
“ฉันก็คิดว่างั้น ไม่ใช่หรอก” เธอพูดกับหลิงเหยา และก็พูดกับตัวเองด้วย
“คุณไม่ได้ทำอะไรแกใช่ไหม?” หลิงเหยาถามขึ้นมาอย่างเครียดๆ
“ไม่รู้สิ แต่ดูจากความหมายที่พูดมาแล้ว ก็คงอยากให้ฉันไปจากมู่วี่สิง ไม่ให้ฉันไปรบกวนเขาอีกล่ะมั้ง” เวินจิ้งถอนหายใจออกมาอีกครั้ง อึดอัดชะมัด
“แต่มู่วี่สิงเป็นคนเลือกเองนะ ต่อให้จะเป็นเพราะแก มันก็ไม่ผิดอะไรนี่ คุณปู่นี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย” หลิงเหยาพูดขึ้น
เวินจิ้งไม่ได้พูดอะไรอีก ในหัวตอนนี้มันสับสนวุ่นวายไปหมด อยากไปหามู่วี่สิง แต่ก็ไม่อยากเจอเขา
เปลือกตาหนักอึ้งลงทุกที จนไม่นานเธอก็หลับไป
โทรศัพท์ของเวินจิ้งส่งเสียงอยู่ตลอด จนหลิงเหยาต้องขมวดคิ้ว เมื่อมองหน้าจอก็เห็นว่าเป็นมู่วี่สิงที่โทรมา ทั้งยังโทรมาเป็นสิบๆสายfh;p
แต่ว่าเวินจิ้งหลับไปแล้ว…….
หลิงเหยารู้สึกขนหัวลุกเป็นระยะๆ ถ้ายึดตามนิสัยของมู่วี่สิง อีกสักหน่อยคงขึ้นมาตามเวินจิ้งแน่ๆ
เธอจึงกดรับโทรศัพท์
“มู่วี่สิง ฉันเองหลิงเหยา”
“จิ้งจิ้งล่ะ?”
“หลับไปแล้ว”
มู่วี่สิง “………”
“เมื่อกี้เธอเพิ่งไปเจอกับคุณปู่ของคุณมา อารมณ์เลยดาวน์ๆน่ะ คุณรอให้เธอดีขึ้นอีกสักหน่อยนะ ไม่ต้องห่วง เธอไม่เป็นอะไรหรอก”
หลังจากพูดจบ หลิงเหยาก็กดวางสาย
จนกระทั่งถึงตอนดึก เวินจิ้งถึงได้ค่อยๆสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
แต่ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา คำพูดที่มู่เฉิงพูดกับเธอก็สะท้อนกลับเข้ามาในความคิดของเธอทั้งหมด
ฉันจะไม่ให้คุณอยู่ข้างๆเขาอีก
มู่เฉิงคิดอยากจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?
เวินจิ้งสงบลงแล้ว และการที่เธอและมู่วี่สิงคบหากัน มันก็เป็นเรื่องของคนสองคน มู่เฉิงไม่สามารถสอดมือเข้ามาแทรกได้
แต่ว่า ถ้อยคำของมู่เฉิงน่ะ มันทำให้เธอรู้สึกไม่ดีไปแล้ว
“เวินจิ้ง ฉันซื้ออาหารมาเผื่อแกด้วย คงหิวแล้วสิท่า?” เมื่อเห็นว่าเวินจิ้งตื่นขึ้นมาแล้ว หลิงเหยาก็ชะโงกหน้ามาถาม
“ขอบใจนะ” เวินจิ้งกุมหัว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน
ตอนที่กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงของหลิงเหยาก็ดังขึ้นมาว่า “เมื่อกี้มู่วี่สิงโทรมาหาแกด้วยล่ะ ฉันก็เลยรับสายแล้วบอกว่าแกนอนพักอยู่ เขาก็เลยไม่ได้โทรมาอีก”
“อืม”
“เวินจิ้ง แล้วตอนนี้แกคิดจะทำยังไง?” หลิงเหยาเอ่ยถามขึ้นมา
สีหน้าของเวินจิ้งแย่มาก หลิงเหยาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
เหมือนเรื่องของมู่วี่สิงจะสามารถทำให้เธอวิญญาณหลุดได้อย่างไรอย่างนั้นแหละ
“ไม่รู้สิ แต่ฉันจะเคารพความคิดของมู่วี่สิง ถ้าเขาอยากเป็นหมอ ฉันก็จะไม่โน้มน้าวให้เขากลับไปสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป” เวินจิ้งพูดเสียงหนัก
“ถ้ามู่วี่สิงไม่สืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ก็คงมีแค่มู่เหิงแล้วล่ะที่ต้องสืบทอด แต่ว่ามู่เหิงไม่มีความสามารถอะไรเลยนะ ถ้าบริษัทตกไปอยู่ในมือของเขาไม่ช้าก็เร็วก็ต้องจบเห่แน่ๆ” เรื่องนี้ถือเป็นที่ทราบกันดีในกลุ่มก๊วน
“แต่มู่วี่สิงก็คงลำบากใจจริงๆ” หลิงเหยารู้สึกปลงๆ
ในกลุ่มของพวกเขา มีแค่ไม่กี่คนที่ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้ ถึงจะพูดกันว่ามีเงินมีอำนาจ แต่จริงๆแล้วชีวิตของตัวเองกลับถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรก
แต่เธอโชคดีหน่อยที่มีพี่ชายคอยถือหางให้ จึงสามารถยืนหยัดทำตามความฝันของตัวเองได้
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอเข้าใจถึงความลำบากใจของมู่วี่สิงแล้ว และสิ่งที่เธอแน่ใจมีอยู่อย่างเดียวคือ เธอไม่อยากไปจากเขา และไม่สามารถไปจากเขาได้
ไม่กี่วันต่อมา เวินจิ้งไม่ได้เจอกับมู่วี่สิงเลย เขาบอกเธอแค่ว่าเขาต้องไปทำงานนอกสถานที่ เวลากลับยังไม่มีกำหนดแน่ชัด
เวินจิ้งมีเข้าเวรดึกที่โรงพยาบาล ตอนที่กลับมาหลังจากกินข้าวเสร็จ ก็เจอมู่เหิงอยู่ตรงทางเข้า
เขามาเยี่ยมมู่เฉิงเหรอ?
เวินจิ้งไม่คิดอะไรมาก จึงกลับไปยังแผนกของตัวเอง แต่พอนึกถึงเรื่องที่มู่เหิงมาเยี่ยมคุณปู่ ก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา จากนั้นจึงตามไปดู
ในตอนที่มู่เหิงมา มู่เฉิงหลับไปแล้ว
มู่เหิงกำหมัดอยู่หน้าห้อง ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานโดยไม่ยอมก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างในสักที
นานพอสมควร ถึงได้ต่อสายโทรศัพท์หาใครบางคน จากนั้นไม่นาน พยาบาลคนหนึ่งก็ถือเข็มฉีดยาเดินเข้ามา
เวินจิ้งสวมหน้ากากอนามัยยืนมองอยู่ไกลๆ พร้อมทั้งขมวดคิ้วสงสัย เครื่องแต่งกายของพยาบาลคนนี้ ไม่เหมือนของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลินไห่เลย
เธอจึงรีบไปยังเคาน์เตอร์พยาบาล “คืนนี้คุณมู่เฉิงต้องฉีดยาไหมคะ?”
พยาบาลเปิดดูประวัติคนไข้ จากนั้นก็พูดว่า “คุณมู่เฉิงไม่ต้องฉีดยาแล้วนะคะ”
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเวินจิ้งก็ขาวซีด จากนั้นก็รีบวิ่งกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยของมู่เฉิง
พยาบาลคนนั้นหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา เตรียมที่จะฉีดเข้าบริเวณข้อพับของมู่เฉิง เห็นแบบนั้นเวินจิ้งก็รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้อย่างลนลาน
มู่เหิงที่อยู่ในห้องเหมือนกันมองมาที่เธออย่างเครียดเขม็ง
“วันนี้คนไข้ฉีดยาไปแล้วนะคะ แล้วนี่จะฉีดยาอะไรให้คนไข้อีกคะ?” ในขณะที่พูด เวินจิ้งก็ยื่นมือออกไปแย่งเอาเข็มฉีดยามา
พยาบาลไม่คาดคิดถึงการกระทำของเวินจิ้ง จึงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้พูดขึ้นมาว่า “ฉันมาฉีดยาตามที่คุณหมอสั่งเอาไว้ แล้วคุณเป็นใคร?”
“ฉันเป็นแพทย์ฝึกหัดของโรงพยาบาลนี้ แล้วคุณล่ะใช่หรือเปล่า?” เวินจิ้งมองเครื่องแบบแต่งกายของพยาบาลตรงหน้าที่แม้แต่ป้ายชื่อก็ไม่มี จึงคาดเดาว่าคงไม่ใช่บุคลากรของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลินไห่แน่
“ฉันเป็นพยาบาลที่นี่!”
เวินจิ้งแสยะยิ้ม “รอการยืนยันก็แล้วกัน!”
พูดจบ ก็ถือเข็มฉีดยาเดินออกไป เพื่อที่จะไปตรวจสอบว่าในเข็มฉีดยามีส่วนประกอบอะไรบ้าง
แต่มู่เหิงกลับปิดประตูเอาไว้อย่างรวดเร็ว “เวินจิ้ง คุณหมายความว่ายังไง! พยาบาลกำลังจะฉีดยาให้ปู่ผมนะ แล้วคุณมาชี้นิ้วสั่งการอะไรอยู่ตรงนี้!”
“ฉันก็แค่ระแวงว่าจะมีคนคิดไม่ซื่อน่ะ ถ้ายาในเข็มนี้ไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวฉันเอามาคืน”
และในตอนนี้ เวินจิ้งก็มั่นใจว่าในเข็มฉีดยากระบอกนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
“คุณว่าใครคิดไม่ซื่อ! ที่นี่โรงพยาบาลนะ ไม่ใช่สถานที่ที่จะเที่ยวก่อกวนใครก็ได้!” มู่เหิงตีหน้านิ่ง ด้วยท่าทางที่ดูเคร่งครัดมาก
ไม่ต้องมองก็รู้ว่ามู่เหิงเป็นคนยังไง เธอเข้าใจดีเลยล่ะ!