flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 474 ใครก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ทั้งนั้น

บทที่ 474 ใครก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ทั้งนั้น

วินาทีต่อมา มู่เหิงก็ลงกลอนประตู

“เวินจิ้ง วางเข็มลง!” มู่เหิงเดินเข้ามา จะจับข้อมือของเวินจิ้ง

แต่เมื่อเวินจิ้งหดมือกลับ พยาบาลที่อยู่ข้างๆก็แย่งเข็มฉีดยาไป

ซึ่งการเคลื่อนไหวที่ส่งเสียงดังถึงขนาดนี้ก็ปลุกมู่เฉิงให้ตื่นขึ้นมา เมื่อมู่เฉิงลืมตาขึ้น แล้วเห็นว่ามู่เหิงอยู่ที่นี่ สีหน้าก็ขุ่นมัวลงทันที

“กำลังทำอะไรกัน!”

มู่เหิงกลับรีบเอ่ยปากพูดว่า “คุณปู่ครับ เวินจิ้งจะมาฉีดยาให้คุณปู่ แต่ผมเห็นว่าเธอทำตัวลับๆล่อๆ ก็เลยรีบเข้ามาขวางเธอเอาไว้”

เวินจิ้งเบิกตากว้าง เมื่อเห็นว่ามู่เหิงกำลังพูดซี้ซั้วด้วยท่าทางจริงจัง เธอจึงตั้งตัวไม่ทันไปชั่วขณะ

พยาบาลเองก็รีบเอ่ยพูดขึ้นว่า “ฉันคิดว่าในเข็มฉีดยากระบอกนั้นต้องมีอะไรแน่ๆ”

“คุณปู่คะ มู่เหิงเขา……”

ทันทีที่เวินจิ้งเอ่ยปากพูด มู่เหิงก็รีบตัดบทเธอ “ปู่ครับ ปู่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เรื่องนี้ผมจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด ถ้าหากมีคนคิดจะทำร้ายปู่ ผมไม่ปล่อยไปแน่!”

สายตาร้ายๆของมู่เหิงทอดมองไปยังเวินจิ้ง

“มู่เหิง หยุดพูดมั่วได้แล้ว คุณกับพยาบาลต่างถิ่นคนนี้ต่างหากที่คิดจะฉีดยาให้คุณปู่น่ะ!” เวินจิ้งโต้กลับเสียงนิ่ง

“เอาล่ะ เลิกเถียงกันได้ละ ออกไปกันให้หมด” บนใบหน้าของมู่เฉิงยังคงมีความง่วง ตอนนี้ยังไม่อยากไล่ตามหาว่าใครผิดใครถูก

“งั้นคุณปู่พักผ่อนเยอะๆนะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยมใหม่” พูดจบ ก็เดินออกไปเป็นคนแรก

พยาบาลที่มาด้วยกันก็รีบวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว เวินจิ้งขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นว่าคุณปู่หลับไปอีกหน จึงไม่รบกวนอะไรอีก

แต่ว่าการกระทำเมื่อครู่ของมู่เหิง…..มันน่าสงสัยจริงๆ

คิดมาถึงตรงนี้ เวินจิ้งก็รีบโทรหามู่วี่สิง

ในเวลานี้มู่วี่สิงกำลังประชุมผ่านวิดีโอ ดังนั้นผู้บริหารระดับสูงมากกว่าสิบประเทศจึงมองเขาปิดไมโครโฟนเพื่อรับโทรศัพท์

“จิ้งจิ้ง”

“มู่วี่สิง คุณกลับมาหรือยัง?” น้ำเสียงของเวินจิ้งไม่สามารถปกปิดความเครียดเอาไว้ได้เลย

“พรุ่งนี้ถึงจะกลับ”

“พรุ่งนี้เลยเหรอ……” เวินจิ้งร้อนใจเป็นอย่างมาก

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“เมื่อกี้มู่เหิงพาพยาบาลคนหนึ่งมาทำอะไรกับคุณปู่ก็ไม่รู้……”

ถึงมู่เฉิงจะพูดแบบนั้นกับเธอก็ตาม แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวโยงถึงชีวิต เวินจิ้งจึงอดเป็นห่วงไม่ได้

“ผมจะส่งคนไปเฝ้าที่โรงพยาบาล แล้วเดี๋ยวผมกลับไป”

คำพูดของมู่วี่สิงมักจะทำให้จิตใจของเวินจิ้งสงบลงได้อย่างแปลกประหลาด เมื่อได้ยินเสียงของมู่วี่สิง เวินจิ้งก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาในทันที

เธอคิดถึงเขามากๆ

แต่ก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำยังไง

เสียงพูดของมู่วี่สิงราวกับอยู่ในหู

เมื่อวางสายโทรศัพท์ เวินจิ้งก็ตรงไปยังห้องรักษาความปลอดภัย เพื่อที่จะไปดูกล้องวงจรปิดตรงชั้นนี้

อย่างน้อย ก็หาหลักฐานก่อน

แต่สิ่งที่ทำให้เธอผิดหวังก็คือ กล้องวงจรปิดถูกบล็อกเอาไว้ และเจ้าหน้าที่ก็กำลังตรวจสอบหาสาเหตุอยู่

ดูเหมือนว่า มู่เหิงจะทำการเตรียมพร้อมมาอย่างดี

ขณะเดียวกัน ที่เมืองเป่ยเฉิง

เกาเชียนรีบมารายงานให้มู่วี่สิงฟังด้วยความรวดเร็ว “ประธานมู่ กล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาลเกิดปัญหาขัดข้อง ตอนนี้จึงไม่สามารถตรวจสอบหาร่องรอยของมู่เหิงที่โรงพยาบาลได้ครับ”

ได้ยินดังนั้น สีหน้าของมู่วี่สิงก็ยิ่งเย็นยะเยือกมากกว่าเดิม

ตอนนี้เครื่องบินส่วนตัวมารอที่ชั้นดาดฟ้าแล้ว เขาจึงรีบตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“ส่งคนไปจับตามองเขาเอาไว้” เขาออกคำสั่ง

เกาเชียนรับคำ จากนั้นเครื่องบินส่วนตัวก็ค่อยๆทะยานขึ้นฟ้า สองชั่วโมงต่อมา ก็ลงจอดที่สนามบินหนานเฉิง

ท่องฟ้าค่อยๆทอแสงออกมาทีละนิด เวินจิ้งไม่ได้หลับอย่างเพียงพอมาทั้งคืน เมื่อมองดูเวลา ก็ใกล้จะได้เวลาไปที่โรงพยาบาลแล้ว

ไม่รู้ว่าวันนี้มู่วี่สิงจะกลับมากี่โมง…….

เมื่อออกมาจากหอพัก เวินจิ้งก็ก้มดูโทรศัพท์ ไม่ได้สังเกตเห็นรถยี่ห้อคาร์เยนที่จอดอยู่ใกล้ๆเลยสักนิด

จนกระทั่งเดินชนแผงอกที่แสนจะคุ้นเคย

“ขอโทษ…….”

เมื่อช้อนตาขึ้นมอง คำที่กำลังจะพูดจู่ๆก็หยุดชะงักไป

ต่อมาในดวงตาก็ประดับประดาไปด้วยรอยยิ้ม

“คุณกลับมาแล้ว!” พูดจบ ก็กอดมู่วี่สิงเอาไว้แน่น โดยที่ไม่ได้สนเลยว่าที่นี่คือมหาวิทยาลัย

ชายหนุ่มกุมมือเล็กๆของเธอเอาไว้อย่างรักใคร่ จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปครอบครองริมฝีปากสีแดงที่เขาแสนจะคิดถึง

ที่เวินจิ้งไม่รับโทรศัพท์ของเขา มันต้องมีสาเหตุแน่ๆ

เขาให้เวลาเธอ แต่ตอนนี้ เธอก็ยังไม่ได้อธิบายอะไรกับเขา

เมื่อขึ้นมาบนรถ มู่วี่สิงก็ขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามขึ้นมาอย่างจนใจว่า “เมื่อวันจันทร์เกิดอะไรขึ้น? ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผมเลยล่ะ”

ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งก็นิ่งไป

คำที่มู่เฉิงพูดกับเธอ เธอไม่คิดที่จะบอกมู่วี่สิง

“ไม่มีอะไร” เวินจิ้งส่ายหน้า

แต่มู่วี่สิงมองออกว่าเธอกำลังมีอะไรในใจ

จึงจับคางเวินจิ้งเอาไว้ เพื่อให้เธอมองเขา

“จิ้งจิ้ง คุณปู่พูดอะไรกับคุณ”

สายตาของมู่วี่สิงน่ากลัวเกินไปแล้ว เวินจิ้งกัดริมฝีปาก แต่กระนั้นก็ยังไม่ปริปากพูดอะไร

คำพูดเหล่านั้น เธอพูดออกมาไม่ได้จริงๆ แต่พอผ่านไปพักใหญ่ เธอจึงพูดขึ้นมา “คุณปู่ท่านอยากให้คุณรับช่วงต่อบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปน่ะ”

“แล้วนอกจากนี้ล่ะ?”

“ไม่มีแล้ว”

“แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์ผม”

“วันนั้นฉันง่วงน่ะ” เวินจิ้งดันมู่วี่สิงออก

มู่วี่สิงไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะมองออกว่าเวินจิ้งกำลังอึดอัด

เขาไม่รู้จะทำยังไงกับเธอแล้ว

เขาจึงโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด พูดเสียงอบอุ่นว่า “จิ้งจิ้ง ผมอยากให้คุณเชื่อผม พึ่งพาผม”

เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก ยกมือขึ้นจะกอดตอบ แต่สุดท้ายก็วางมือลงเหมือนเดิม

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทั้งสองก็ตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยของมู่เฉิง

หลังจากที่เมื่อวานมู่เหิงมาที่นี่มู่วี่สิงก็ส่งบอดี้การ์ดมาเฝ้าเพิ่ม

เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา มู่เฉิงก็ทำหน้านิ่งเฉย

“ไม่ต้องมาเยี่ยมฉันหรอก ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว” มู่เฉิงโบกมือ

“คุณปู่ครับ ผมมารับปู่ออกจากโรงพยาบาล” แม้ว่าจะมีบอดี้การ์ดเฝ้าดูอยู่ แต่มู่วี่สิงก็ไม่วางใจ

“ฉันไม่ออก” มู่เฉิงแสดงออกอย่างดื้อรั้น

“ถ้าผมเดาไม่ผิด เมื่อวานมู่เหิงคิดจะเล่นงานคุณปู่นะครับ” มู่วี่สิงพูดเสียงหนักทีละคำชัดๆ

เพราะถ้าคุณปู่จากโลกนี้ไป มู่เหิงก็จะสามารถสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปตามธรรมเนียมของตระกูลมู่

“เหลวไหล เมื่อวานเวินจิ้งก็อยู่ที่นี่ ใครคิดจะทำร้ายฉัน ฉันรู้ดีน่า!”

เวินจิ้งยืนอยู่ตรงประตู เมื่อยินคำพูดของมู่เฉิง ก็ราวกับถูกน้ำแข็งสาดใส่ทั้งร่าง

มันเหน็บหนาวมาก

ที่แท้มู่เฉิงก็คิดว่าเป็นเธอ

ใช่สิ มู่เหิงเป็นหลานของเขานี่ เขาก็คงจะสงสัยคนนอก ไม่สงสัยหลานของตัวเองหรอก

เสียแรงที่เมื่อวานเธออุตส่าห์เป็นห่วง สุดท้ายก็เป็นการหาเรื่องให้ตัวเองดีๆนี่เอง

เวินจิ้งแค่นหัวเราะ ค่อยๆหันหลังกลับ

“คุณปู่ ทำไมเวินจิ้งต้องทำร้ายคุณปู่ล่ะครับ” สีหน้าของมู่วี่สิงอึมครึมมากๆ

“ฉันบอกให้เธอไปจากแก เธอก็ต้องอยากจะทำร้ายฉันอยู่แล้วสิ!” มู่เฉิงพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “เมื่อวานคนที่คิดจะลงมือจริงๆคือมู่เหิงต่างหาก”

“แกตรวจสอบเจออะไรหรือยังล่ะ”

“เมื่อวานกล้องวงจรปิดถูกบล็อก ตอนนี้ยังตรวจสอบหาอะไรไม่เจอ”

“เพราะงั้น ใครก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ทั้งนั้นแหละ!”

“ผมเชื่อใจเวินจิ้ง ปู่ครับ ไม่ว่าจะยังไง ปู่ก็ไม่ควรที่จะสงสัยเธอ เมื่อวานเธอก็เป็นคนบอกเรื่องนี้กับผม” มู่วี่สิงอธิบายอย่างใจเย็น

แต่ว่าในเวลานี้ มู่เฉิงก็ยังคงไม่รับฟังอะไรเหมือนอย่างเคย

“วี่สิง แกออกไปเถอะ ปู่เหนื่อยแล้ว” มู่เฉิงโบกมือไล่ ด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะสนทนาอะไรต่อ

มู่วี่สิงเม้มปาก จากนั้นก็กำชับให้คุณปู่พักผ่อนเยอะๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไป

เวินจิ้งไม่ได้อยู่ที่บริเวณทางเดินแล้ว เธอคงได้ยินคำประณามของคุณปู่แล้ว

เขาลงไปยังแผนกศัลยกรรมระบบประสาท เวินจิ้งอยู่ในห้องตรวจ ในตอนที่มู่วี่สิงเดินผ่าน เธอก็เดินเข้าไปยังห้องผู้ป่วยอีกห้อง ราวกับไม่เห็นเขา

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset