flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 569 เร็วเกินไป

บทที่569 เร็วเกินไป

ถ้าหากเลี่ยวหยงเข้าใจในหลักการนี้ ก็คงจะไม่เดินอ้อมไปเช่นนั้น

“คุณหมอมู่ คุณจะต้องช่วยชีวิตลูกสาวของฉันด้วยนะ เงื่อนไขอะไรฉันจะรับปากคุณทั้งนั้น……” เลี่ยวหยงเอ่ยขึ้นมาด้วยอาการสั่นเท่า

ตอนนี้ในใจของเธอไม่มีเรื่องอะไรที่จะสำคัญกว่าชีวิตลูกสาวของเธอแล้ว

สีหน้าของมู่วี่สิงยังคงนิ่งอยู่เช่นนั้น เขาเม้มปาก พลางเอยขึ้น “ผมจะพยายามครับ”

หลังจากที่โจวหย่านถูกย้ายตัวมาอยู่ห้องพักผู้ป่วยธรรมดาแล้วนั้น ไม่นานเธอก็ฟื้นขึ้นมา

มู่วี่สิงและผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองกำลังประชุมกันอยู่ เลี่ยวหยงอยู่เป็นเพื่อนเธอ

“แม่คะ ที่นี่ที่ไหน?” โจวหย่านลืมตา ยังคงมีอาการมึนงงอยู่บ้าง

“โรงพยาบาลหนานเฉิง” เลี่ยวหยงร้องไห้เสียจนหมดเรี่ยวแรง

โจวหย่านขมวดคิ้ว “เมื่อกี้นี้มู่วี่สิง….อยู่ข้างๆหนูรึเปล่าคะ?”

“อืม แม่เองก็ไม่คิดว่าเวลาแบบนี้เขาจะไม่ปฏิเสธที่จะช่วยลูกเหมือนกัน” เลี่ยวหยงเอ่ยขึ้นมาด้วยความซาบซึ้งใจ

“แม่ แต่พี่ไม่ได้บอกเอาไว้แล้วหรอกหรือคะ ว่าเขาจะหาหมอมารักษาหนู? ทำไมแม่ถึงพาหนูมาที่นี่ล่ะ” โจวหย่านพึมพำออกมา

ตอนนี้เธอไม่อยากจะเผชิญหน้ากับมู่วี่สิง ผู้ชายคนนั้นเย็นชาทั้งหน้าตาและหัวใจ

“แม่เห็นว่าพี่ชายเราน่ะก็ไม่เห็นจะมีวิธีไหนแล้วเหมือนกัน ในเมื่อมู่วี่สิงยอมที่จะช่วยลูก ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาเป็นหมอของลูกต่อเถอะนะ”

“เขา….เขายอมหรือคะ?” โจวหย่านหลบตาลง สีหน้าท่าทางที่ดูเหงาหงอยอย่างมืดฟ้ามัวดิน

“แม่จะเอาผลประโยชน์ทางธุรกิจมาขอร้องเขา แม่คิดว่าเขาน่าจะยอม” เลี่ยวหยงหรี่ตาลง

“แม่…..”

“เอาล่ะ ลูกก็พักรักษาแผลอยู่ที่นี่ดีๆแล้วกัน แม่จะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรอกนะ”

ตอนกลางคืน มู่วี่สิงจึงได้ประชุมเสร็จ ดูจากอาการของโจวหย่านตอนนี้แล้วนั้น เธอจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเปิดสมองในทันที แต่เมื่อครึ่งปีก่อนหน้านี้เธอเคยผ่าตัดไปแล้วครั้งนึง ตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่าไรนัก

ตอนนี้ดูแล้ว จะมีเพียงแค่วิธีใช้ยาในการรักษาไปชั่วคราวก่อนเพียงเท่านั้น

สถานการณ์มู่วี่สิงได้คุยกันกับเลี่ยวหยงแล้ว หลังจากที่วิเคราะห์วิธีการที่จะสามารถรักษาได้แต่ละวิธี สุดท้ายก็จะต้องให้ครอบครัวเป็นฝ่ายตัดสินใจอยู่แล้ว

“คุณหมอมู่ ฉันเชื่อคุณ คุณคิดว่าวิธีไหนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาลูกสาวของฉัน คุณก็ใช้วิธีนั้นได้เลย”

“ครับ ตอนนี้โจวหย่านจำเป็นที่จะต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน ผมจะจัดหมอให้คอยดูอาการของเธอนะครับ”

“คุณหมอมู่ ปกติแล้วคุณจะอยู่ที่นี่ใช่ไหม ถ้าหากหย่านหย่านเกิดอะไรขึ้นฉุกเฉิน คุณจะสามารถรับมือได้ตลอดเวลา”

“ตอนนี้ผมไม่ได้หมอหลักของที่นี่แล้วครับ แต่วางใจได้ครับ ที่นี่มีหมอที่มีอำนาจอยู่เข้าเวรด้วยอยู่แล้วครับ” มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น

“นอกจากคุณแล้ว…..ฉันก็ไม่วางใจใครทั้งนั้น”

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเขานั้นหรี่ลงเล็กน้อย “ผู้ป่วยคนไหนที่อยู่กับผม ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษอะไรทั้งนั้นครับ”

ที่เขารีบมาในวันนี้ เป็นเพราะสถานการณ์ของโจวหย่านนั้นตกอยู่ในอันตรายต่อชีวิตของเธอ ในฐานะที่เขาเป็นหมอ เขามีความรับผิดชอบนี้อยู่แล้ว

เพียงแต่ตอนนี้งานหลักของเขาคือการเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยF ไม่สามารถที่จะอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ตลอดเวลา

“คุณหมอมู่ มันอาจจะเร็วเกินไป” เลี่ยวหยงหยิบเอกสารฉบับหนึ่งยื่นออกมาส่งให้เขา

มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเลี่ยวหยง แล้วจึงขมวดคิ้วขึ้น

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ใบหน้าของเลี่ยวหยงก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา “คุณหมอมู่ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากนะที่ดูแลหย่านหย่านของเรา”

มู่วี่สิงพยักหน้ารับอย่างนิ่งๆ หลังจากที่เลี่ยวหยงกลับออกไปแล้วนั้น เขามองเอกสารตรงหน้าอยู่พักหนึ่ง และหลังจากที่เอาใส่เข้ากระเป๋าแล้วนั้น เขาก็เตรียมตัวที่จะไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป

เลี่ยวหยงกลับไปแล้ว ตอนที่มู่วี่สิงเดินผ่านห้องพักผู้ป่วยนี้ เสียงของโจวหย่านก็ดังขึ้นมา เขาจึงเดินเข้าไปดู

“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“มู่วี่สิง ที่คุณเป็นห่วงฉัน เป็นเพราะแม่พูดอะไรกับคุณใช่ไหม?” โจวหย่านมองเขา

เธอรู้เรื่องการต่อสู้กันระหว่างบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกับตระกูลโจว มู่วี่สิงยังยอมที่จะช่วยเธอ เธอเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน

“ครับ ใช่”มู่วี่สิงไม่ได้ปฏิเสธ

“ถ้าอย่างนั้นคุณจะอยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม?”

“ตอนนี้ผมมีธุระครับ พรุ่งนี้ไว้ผมค่อยมาหาคุณนะ”

“แต่คืนนี้ฉันกลัว” โจวหย่านพึมพำออกมา

เธอกลัวมากจริงๆหากจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง

กลิ่นยาฆ่าเชื้อในห้องลอยเต็มปลายจมูกของเธอ แล้วความโดดเดี่ยวที่ห่อหุ้มเธอเอาไว้นี่อีก

“ผมจะให้พยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อนคุณครับ”

“ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน” โจวหย่านพยายามใช้แรงที่มีอยู่คว้าข้อมือของมู่วี่สิงเอาไว้

เนื่องจากความเชื่องช้า ประกอบกับมู่วี่สิงที่ก้าวถอยหลังไปด้วยนั้น ทำให้ โจวหย่านแทบจะหล่นลงจากเตียง มู่วี่สิงจึงรับเธอเอาไว้ได้เสียก่อน

โจวหย่านกอดคอของเขาเอาไว้แล้วพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยที่ไม่ขยับไปไหน

“โจวหย่าน” สายตาที่เย็นชาของมู่วี่สิงปรากฏออกมา

โจวหย่านไม่ปล่อยมือ แล้วเอ่ยขึ้นมา “แม่ฉันให้คุณดูฉัน คุณไม่ได้รับปากแล้วหรอกหรือ?”

“ผมมีชีวิตของผม โจวหย่าน ผมมีแฟนแล้วนะครับ” มู่วี่สิงพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

ในสายตาของเขาเห็นโจวหย่านเป็นเพียงแค่น้องสาวเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะแสร้งทำให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหน แต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ

“แล้วยังไงล่ะคะ ฉันชอบคุณมานานขนาดนั้นแล้ว คุณก็แบ่งความรักอันน้อยนิดมาให้ฉันบ้าง ไม่ได้เลยหรือ? อีกอย่าง ฉันรู้ว่าเวลาของฉันก็มีไม่มากแล้ว ช่วงเวลาสุดท้ายฉันอยากจะให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อน มันยากมากเลยอย่างนั้นหรือ?”

ขณะที่พูดไปนั้น โจวหย่านก็อดที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่ได้

เธอรู้สถานการณ์ของตัวเองดี ถึงแม้ว่าได้รับการผ่าตัด อัตราในการที่จะประสบความสำเร็จก็มีไม่มากนัก

ถ้าหากใช้ยารักษาต่อไป ก็ไม่ใช่เป็นเพียงแค่แขวนชีวิตเอาไว้แบบนั้นหรอกหรือ

แต่เธอไม่ยอมหรอก

เธอยังไม่ได้คนที่ตัวเองชอบมาอยู่ในมือเลย ชีวิตของเธอก็จะต้องสิ้นสุดลงแล้ว

ทุกครั้งที่เธอสูญเสียความมั่นใจ เพียงแค่มู่วี่สิงปรากฏตัวขึ้นมา โลกของเธอก็จะสว่างขึ้น

ได้ยินดังนั้นแล้ว มู่วี่สิงจึงชะงักไป แล้วมองไปยังโจวหย่าน

แววตาของเธอนั้นไม่ได้มีความเศร้าใดๆปรากฏอยู่เลย มีแต่เพียงแค่ความคาดหวังที่รุนแรงนั่นเพียงเท่านั้น

เขาเม้มปาก แล้วผลักตัวเธอออก

“โจวหย่าน ผมไม่เหลือความรักที่จะสามารถแบ่งให้คุณได้หรอกครับ ความรักทั้งหมดที่ผมมี ผมให้เวินจิ้งไปหมดแล้ว”

สิ้นเสียงคำพูดที่เย็นชาของมู่วี่สิงนี้ ขาของเขาก็ไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นอีก

น้ำตาที่ร้อนผ่าวไหลออกมาโจวหย่านมองตามเบื้องหลังที่แสนเย็นชาของมู่วี่สิงอย่างไม่กระพริบตา จนเขาหายออกไปจากสายตาของเธอ

ทำไมเขาถึง…ถึงได้ใจร้ายแบบนี้……

มาถึงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ส้งวี่ได้รับแจ้งให้กลับมา พอดีที่วันนี้เลิกงานเร็ว แต่กลับไม่คิดว่าจะถูกมู่วี่สิงจับได้

“วี่สิง ถ้านายไม่ปล่อยฉันกลับไปอีก น้องสาวนายจะต้องมาหาเรื่องนายแน่ๆ” ส้งวี่ย้ายออกมาจากมู่ซือซือแล้ว หวังว่าจะทำให้มู่วี่สิงประทับใจได้

เนื่องจากว่าช่วงนี้เขาทำงานล่วงเวลาทุกวัน เวลาที่จะไปอยู่เป็นเพื่อนมู่ซือซือนั้นก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

“เธอมีงานหนัก ไม่มีเวลามาหาเรื่องฉันหรอก” มู่วี่สิงยกริมฝีปากบางขึ้น

ช่วงนี้มู่ซือซือเพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย ยุ่งเสียจนเกือบจะลืมพี่ชายอย่างเขาไปเสียแล้ว

“นี่คือข้อมูลการนำเข้ายาล็อตใหม่ของตระกูลโจวที่เลี่ยวหยงให้ฉันมาเมื่อกี้นี้ นายไปแย่งสิทธิทางการตลาดนี้มาให้ได้” มู่วี่สิงออกคำสั่ง

“เลี่ยวหยง? คุณนายโจวคนนั้นน่ะหรือ? ทำไมเธอถึงเอามาให้นาย?”ส้งวี่เอ่ยถามอย่างสงสัย

นี่ก็ไม่ใช่เท่ากับว่าเป็นการช่วยบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปโจมตีตระกูลโจวหรอกหรือ……

“โจงเซิ่งออกนอกลู่นอกทางมาตลอด นายคิดว่าเธอจะนั่งอยู่เฉยๆได้อย่างนั้นรึไง?” ริมฝีปากบางของมู่วี่สิงยกยิ้มเย็นชาขึ้น

ตอนนี้เลี่ยวหยงมีความเกลียดชังอยู่ภายในใจ และอยากที่จะจัดการตระกูลโจวอยู่เช่นกัน

“จุ๊ๆๆ เลี่ยวหยงทำแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกไล่ออกจากตระกูลโจวหรือ?”

“เลี่ยวหยงสามารถแต่งงานเข้าไปในตระกูลโจวได้เธอมีทุนเดิมของตัวเองอยู่แล้ว โจงเซิ่งไม่ยอมหย่าให้ง่ายๆหรอก แต่ฉันคิดว่าตระกูลโจวกลัวว่าจะมีการขัดแย้งกันภายในมากกว่า”มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเลือดเย็น

การขัดแย้งกันเองภายในตระกูลโจว คนที่นั่งรอรับผลประโยชน์โดยไม่ต้องสงสัยเลยก็คือบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปนั่นเอง

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset