flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 640ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว

บทที่ 640ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว

ได้ยินดังนั้น สายตาฝ่ายชายก็มองไปที่ร่างเวินจิ้ง ริมฝีปากเผยอขึ้น

“เป็นผู้หญิงที่ฉลาด”

“เรื่องข่าวสารผมจะจัดการให้ แต่ว่าคุณต้องไปกับผมที่สถานที่แห่งหนึ่ง” เขาเสยคางเธอขึ้นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเชิงออกคำสั่ง

เวินจิ้งที่แอบยิ้มเฝื่อนๆอยู่ในใจ เธอปฏิเสธได้ด้วยหรือ

“ตกลง”

มู่วี่สิงที่ได้ลุกขึ้นยืน ร่างที่สูงยาวชิดเข้ามาใกล้ หน้าตาที่หล่อเหลาได้หยุดอยู่ตรงริมฝีปากเธอที่ห่างเพียงหนึ่งมิลลิเมตร ด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวน

“ผมให้เวลาคุณเตรียมตัวหนึ่งชั่วโมง”

เวินจิ้งพยักหน้า คิดว่าไหนๆคอนโดมู่วี่สิงเธอก็ไม่ได้มีของมากมาย จึงกลับไปที่คฤหาสน์โจวเพื่อเก็บสิ่งของและจัดกระเป๋าเดินทาง บ้านที่ไม่มีคนอาศัยมาพักใหญ่แล้ว เป็นอะไรที่เงียบสงัดเหลือเกิน

โจวเซิ่งอยู่ที่ยุโรปกับโจวเซิน ยังไม่มีวันกลับที่แน่นอน เวินจิ้งยังคงไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา

ก่อนออกเดินทางเวินจิ้งที่เดิมทียังอยากจะไปโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ว่าเวลาไม่ทันแล้ว มู่วี่สิงต้องการให้เธอไปที่คอนโด เวินจิ้งจึงรีบเร่งไปในทันที

ยังมีสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่ต้องจัดเก็บ เธอที่กำลังชาร์จโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเดินทาง หันหลังมาเสียงมู่วี่สิงก็ดังขึ้น “ไม่ต้องพกโทรศัพท์”

เสียงฝีก้าวยิ่งฟังยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฝ่ายชายยื่นมือมาจับสายชาร์จนั้นทิ้งลงไปข้างๆ

ฝ่ามือของเขาปัดแขนเธอ เมื่อผิวสัมผัสกัน เขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นในตัวเธอ

นิ้วมือได้หยุดชะงัก เขาขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูดซ้ำๆว่า “พกไปแค่นี้พอแล้ว”

เวินจิ้งชักมือออกมาอย่างใจเย็น เงยหน้าเล็กน้อยพูดขึ้นว่า “ฉันต้องติดตามข่าวคราวของแม่”

มู่วี่สิงที่ท่าทีไม่เห็นด้วย

เวินจิ้งจึงยิ้มเยาะขึ้นทันควัน “ก็จริงนะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น คุณก็คงจะรู้ทุกอย่าง ถึงอย่างไรก็ไม่มีเรื่องที่คุณไม่รู้อยู่แล้ว”

เธอไม่ได้พูดต่อ ทำการรูดซิปกระเป๋าขึ้น

ในห้องที่เงียบสงบมาก เวินจิ้งที่ไม่อยากจะพูดอะไรแม้แต่สักคำเดียว มู่วี่สิงที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เม้มปาก “พกกล้องถ่ายรูปไปด้วย”

“ไม่พก” เวินจิ้งตอบด้วยความเย็นชา

“คุณชอบถ่ายรูปไม่ใช่หรือ”

เวินจิ้งได้หยุดการเคลื่อนไหวขึ้น เธอไม่คิดว่าการออกไปกับมู่วี่สิงครั้งนี้ เธอนั้นจะยังคงมีอารมณ์ในการถ่ายรูป

“ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว” เธอพูดอย่างเยือกเย็น

มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก แววตาที่ลึกล้ำนั้นดูไม่ออกว่ากำลังโกรธหรือกำลังมีความสุข เขาเพียงแค่หันหน้ามาเล็กน้อย

ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน การจัดเตรียมเสื้อผ้าเป็นอะไรที่ง่ายและสะดวกสบาย พวกเขาพกแค่สิ่งของเท่าที่จำเป็น แล้วมุ่งลงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน เวินจิ้งมองไปรอบๆ เธอจำได้ว่าภาพที่ลงในรายงานข่าววันนี้ สถานที่ที่โดนแอบถ่ายคือสถานที่ตรงนี้

แต่ว่าวันนี้ที่นี่กลับว่างเปล่าเงียบสงัด ดูแล้วไม่มีคน

การกระทำของมู่วี่สิงนั้นรวดเร็วแต่ไหนแต่ไรมา ต่อให้มีนักข่าวอยู่เขานั้นก็คงจัดการไปแล้ว

ผู้ชายที่ถือกระเป๋าเดินทางเดินอยู่ด้านหน้า สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเวินจิ้ง เขาจึงได้ชะลอขึ้น

เวินจิ้งเดินอ้อมมาอีกข้างหนึ่งของรถ ตอนที่จะขึ้นรถนั้นเธอได้ยินเสียงมู่วี่สิงพูดดังขึ้น “กลัวอะไรหรือ”

เวินจิ้งที่มือจับประตูรถไว้ได้ชะงักขึ้น สักพักก็นั่งลงไปในรถอย่างเงียบๆ

เธอกลัวอะไร

อันที่จริงตอนนี้เธอไม่ได้กลัวอะไรเลย เพียงแต่เส้นทางที่เดินในตอนนี้แค่กลับไปไม่ได้แล้ว เธอก็แค่สับสนกับวันข้างหน้าเท่านั้นเอง

มู่วี่สิงขับรถด้วยตัวเอง มุ่งหน้าไปสู่ชานเมือง

เวินจิ้งที่เงียบมาตลอดทาง ไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังจะไปที่แห่งหนใด และมู่วี่สิงก็ไม่ได้บอกรายละเอียดแต่อย่างใด เพียงใส่แว่นกันแดดแล้วขับรถอย่างตั้งใจ

ใช้เวลาในการเดินทางประมาณสามชั่วโมง เวินจิ้งจำได้ไม่ชัดเจนเท่าไร เพียงแค่รู้สึกว่าทางรถวิ่งมานั้นยิ่งวิ่งยิ่งแคบลง ยิ่งวิ่งยิ่งขรุขระ อีกทั้งยังผ่านเนินเขาไปตั้งหลายลูกกว่ารถจะหยุด

เวินจิ้งตามมู่วี่สิงลงจากรถ ยืนอยู่ใต้ซุ้มประตูโบราณที่แปลกตา ลมที่พัดผ่านมาเบาๆในตอนเย็น เป็นความเย็นไม่อาจสัมผัสได้จากในเมือง

มู่วี่สิงที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ เดินตามเส้นทางเดินที่ปูด้วยหินบลูสโตนเพื่อเข้าไปในหมู่บ้านโบราณ

เวินจิ้งที่ไม่ค่อยได้ออกไปท่องเที่ยวสักเท่าไร ยิ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆเช่นนี้แล้วแทบจะนับครั้งได้

ในความทรงจำของเธอ หมู่บ้านเล็กๆแบบนี้มักจะเต็มไปด้วยบรรยากาศในเชิงธุรกิจ มีประตูไม้ที่ทำการตกแต่ง โคมไฟสีแดงที่ห้อยระย้า ทำให้ผู้คนรู้สึกดูคล้ายกันไปหมดและไม่เห็นมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ

แต่ที่นี่ตอนนี้ ทำให้เวินจิ้งกลับรู้สึกว่าที่ไม่เหมือนเดิม

ทางเดินเล็กๆที่ปูด้วยแผ่นหิน มีตะไคร่น้ำปกคลุม ร้านค้าข้างทางที่เปิดอยู่ประปราย ประตูด้ามจับที่ดูจะผุพังเล็กน้อยแล้ว

ที่แห่งนี้ดูเหมือนจะมีพลังเวทย์บางอย่างที่ไม่อาจจะพรรณนาได้ ซึ่งทำให้จิตใจผู้คนสงบนิ่งลงได้ แม้แต่เวลาก็ยังเปลี่ยนเป็นช้าลง

อาศัยอยู่ในประเทศFมาเป็นเวลาสามปีแล้ว เธอไม่เคยทราบเลยว่าในเขตชานเมืองจะมีสถานที่เก่าแก่ดูแปลกตาเช่นนี้

ทั้งสองได้เดินชมรอบๆหมู่บ้าน แล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง

มู่วี่สิงเคาะประตูขึ้น

เมื่อประตูไม้เปิดออกก็ได้ส่งเสียงดังเอี๊ยดขึ้น มียายชราอายุราวหกสีปีได้ยื่นศีรษะออกมามองดูรอบๆด้วยหน้าตาที่สงสัย

จนกระทั่งเมื่อเห็นมู่วี่สิง ถึงปล่อยยิ้มออกมา “เป็นเสี่ยวมู่นี่เอง ยายยังคิดอยู่ว่าปีนี้คุณจะมาหรือไม่มากันแน่…..เร็วๆ เข้ามาเร็วๆ…..”

รอยยิ้มมู่วี่สิงที่อ่อนโยนและมีความสนิทสนม หันข้างเล็กน้อยเพื่อสื่อเชื้อเชิญให้เวินจิ้งเข้าไปก่อน

ยายชราจับมือมู่วี่สิงอย่างสนิทชิดเชื้อ แล้วยิ้มตาหยีพูดขึ้นว่า “สาวน้อยคนนี้…..เป็นแฟนเสี่ยวมู่หรือ”

เมื่อจบประโยค ยายชราก็หันไปมองมู่วี่สิงอีกครั้ง และพูดด้วยความดีใจ “ครั้งก่อนยายได้ย้ำนักย้ำหนาว่าให้พาแฟนสาวมาด้วย ครั้งนี้พามาจริงๆ”

มู่วี่สิงยังคงยิ้มอย่างละมุน ไม่มีการอธิบายชี้แจงใดๆ เพียงแค่พูดขึ้นว่า “ครับ เป็นแฟนสาวผมเองครับ”

ท่าทีเวินจิ้งที่ดูแข็งกร้าวแต่ไหนแต่ไร ไม่เข้าใจว่าทำไมมู่วี่สิงถึงไม่พาหลิงเหยามา ทำไมถึงพาเธอมา

ยายชรายิ่งดูมีความสุขมาก แล้วตะโกนขึ้นด้วยเสียงที่แหบว่า “ตาเอ๊ย แขกมาแล้ว…..”

เวินจิ้งเดินเข้าไปในลานหน้าบ้าน ไม่ช้ายายชราก็ได้ถือน้ำชามาสองแก้ว “ตาแกกำลังจัดห้องอยู่ พวกคุณรอสักครู่นะ อีกสักพักก็ได้ทานอาหารแล้ว”

เมื่อพูดจบยายชราก็ขึ้นไปชั้นบน คงน่าจะไปช่วยคุณตา

ชาสองแก้วที่เย็นแล้ววางอยู่บนโต๊ะ กลิ่นรสชาติจางๆได้โชยมาแตะที่จมูก

มู่วี่สิงยกขึ้นมาจิบแล้วพูดเสียงเบาขึ้น “ที่นี่คือเกสต์เฮาส์เล็กๆที่เป็ดบริการโดยสามีภรรยาตายายคู่เมื่อสักครู่”

เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ที่มู่วี่สิงสามารถหาสถานที่แบบนี้เจอ

เวินจิ้งที่กระหายน้ำมาตลอดทาง จึงดื่มน้ำชาดังเอื๊อกจนหมดแก้ว มู่วี่สิงวางผ้าที่อยู่ในมือลง มองดูเวินจิ้งอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่หาได้ยากจากริมฝีปากของเขา .

ทำให้เวินจิ้งฉงนมึนงง เหมือนทั้งสองกลับไปเมื่อสามปีก่อน

สักพักคู่ตายายก็ลงมา เพื่อช่วยยกกระเป๋าขึ้นไป แน่นอนมู่วี่สิงได้ปฏิเสธไป แล้วยกขึ้นไปด้วยตัวเอง ทิ้งให้เวินจิ้งกับยายชราเดินอยู่ด้านหลัง

เวินจิ้งถามขึ้นอย่างลอยๆ “คุณยายคะ ในห้องนี้มีห้องอาบน้ำไหมคะ”

“ไอ้หยา ยายลืมไปเลย!” ยายชราขอโทษขอโพย “สองสามวันนี้ได้ทำการซ่อมแซมท่อน้ำอยู่ เดี๋ยวยายจะพาหนูไปอาบน้ำที่มุมถนนนะ”

เวลานี้พวกเขาได้ยืนอยู่ตรงบันไดไม้ ได้ยินดังนั้น เท้าเวินจิ้งหยุดชะงัก เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นมู่วี่สิงที่กำลังเหลียวมามองเธอ เหมือนจะได้ยินคำพูดของยายชราเมื่อสักครู่

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset