flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 696 ผมยังดีกับคุณไม่พอหรือ

บทที่ 696 ผมยังดีกับคุณไม่พอหรือ

เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอแค่รู้สึกว่าซุปปลานี้มีกลิ่นคาวแรง

มู่วี่สิงจ้องมองใบหน้าย่นของเธอ โดยไม่ปริเสียงใดๆ เขาดื่มซุปของมู่ซีแล้ว รสชาติก็อร่อย อร่อยไม่น้อยไปกว่าเชฟที่เชี่ยวชาญด้านอาหารที่บ้านตระกูลมู่ว่าจ้างมา

ที่เธอไม่ยอมเรียกคุณปู่มู่เฉิงเมื่อสักครู่

บางทีเธออาจจะไม่เต็มใจจริงๆ ไม่อยากที่จะอยู่กับเขา ดังนั้นถึงได้มีเหตุผลมากมาย แม้แต่ซุปธรรมดาก็นำมาเป็นเหตุผลสำหรับเธอได้

มู่ซีเบ้ปาก เสียงใสๆคมชัดของเธอที่ตะกุกตะกัก “พี่สะใภ้คะ ฉันรู้ว่าพี่อคติกับฉัน แต่ว่านี่เป็นซุปบำรุงที่คุณปู่ตักเองกับมือ ปกติคุณปู่ท่านเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด แต่ว่าท่านรักคุณจริงๆนะ พี่อย่ามัวแต่ยึดติดกับเรื่องราวในอดีตแบบไม่ปล่อยสิคะ…..”

เวินจิ้งที่อยากจะตอบโต้กลับไปว่าเธอนั้นอคติกับเธอตรงไหนมิทราบ แต่ว่าอาการคลื่นไส้ที่มาเป็นระยะๆของเธอนั้นกลับทวีความรุนแรงขึ้น จนเธอกลั้นไว้ไม่ได้ รีบลุกไปห้องน้ำในทันที

เมื่อสักครู่ไม่ควรทานซุปถ้วยนั้นเลย กลิ่นรสชาตินั้นเธอทนไม่ได้จริงๆ

มู่ซีตะลึงค้างมองดูเวินจิ้งที่จากไป แล้วน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่ก็ไหลออกมา ใบหน้าบอบบางที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่วี่สิง ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ทราบว่าพี่สะใภ้จะรังเกียจฉันได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่อาหารที่ฉันทำให้นั้นเธอก็ทานไม่ลง”

มู่เฉิงทิ้งตะเกียบลงบนโต๊ะทันที รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในฉับพลัน เหลือไว้เพียงการถากถางด้วยความเยือกเย็น “สะใภ้คนนี้ฉันคงจะอยู่ร่วมด้วยไม่ได้จริงๆ สิ่งที่ควรขอโทษก็ได้ขอโทษไปแล้ว ให้เอาอกเอาใจก็ทำไปแล้ว ทั้งชีวิตของปู่แกคนนี้ยังไม่เคยหน้าแตกเช่นนี้มาก่อน เธอไม่อยากจะอาศัยอยู่ที่นี่ อย่างนั้นแกก็พาเธอกลับไปที่การ์เด้นมูเจียวานหรือที่อื่นเถอะ ยังไงซะที่ของแกมันเยอะอยู่แล้วนิ”

มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าที่ดูหม่นหมอง เขายืนขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชา “คุณปู่ครับ เธอแค่งอนผม คุณปู่อย่าได้ถือสาเลยนะครับ”

มู่เฉิงที่กำลังโกรธ “แค่ดื่มซุปถึงกับต้องอ้วกออกมา พวกเรามันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยรึ ถ้าเธอแค่งอนแก ทำไมแกสองคนถึงไม่งอนง้อกันตอนอยู่ในห้องนอนมู่ซีอุตส่าห์ทำนู่นทำนี่ทุกวันเพื่อเอาใจเธอ หรือเธอคิดว่าฉันเคยทำร้ายเธอมาก่อน ดังนั้นต่อไปฉันทำอะไรจะต้องเห็นแก่หน้าเธออย่างนั้นสิ!”

มู่ซีรีบพูดกล่อมขึ้น “คุณปู่อย่าได้โกรธเลยนะคะ พี่สะใภ้ไม่ได้โกรธท่านหรอกค่ะ เป็นเพราะช่วงนี้หนูสนิทกับพี่วี่สิงมากเกินไป เธอคงจะหึง ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ”

วินาทีถัดมาสีหน้ามู่วี่สิงก็ยิ่งเยือกเย็นฉับพลัน “มู่ซี คุณหุบปากซะ”

อารมณ์มู่เฉิงที่ค่อยๆผ่อนคลายลง และพูดขึ้นเบาๆว่า “ถ้าแกจะตามใจเมีย ฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่ว่ามู่วี่สิง ฉันเป็นปู่แก แล้วก็เป็นปู่เธอด้วย อย่างน้อยๆก็ต้องให้ความเคารพกันบ้าง”

ในที่สุด เขาก็ถือไม้เท้าลุกยืนขึ้น “พวกเธอค่อยๆทานละกัน ฉันไม่อยากทานแล้ว”

มู่ซีอยากจะรั้งก็รั้งไว้ไม่อยู่ “พี่วี่สิง พี่รีบไปดูพี่สะใภ้ ฉันจะไปกล่อมคุณปู่”

เธอหยุดชะงักขึ้น แล้วก็พูดอย่างระมัดระวังว่า “ถ้าหากพี่สะใภ้รังเกียจฉันขนาดนี้ ต่อไปฉันจะพยายามไม่โผล่หน้ามาให้เธอเห็นอีก”

มู่วี่สิงที่รู้สึกรำคาญจึงขัดจังหวะเธอขึ้น “เขาไม่ได้มีความคิดที่จะรังเกียจเธอแต่อย่างใด ถ้าเขาไม่ชอบเธอจริงๆ ผมคงไม่ยอมให้คุณอยู่บ้านแบบนี้ได้หรอก”

สองมือของเวินจิ้งจับไว้ข้างอ่างล้างหน้า แม้แต่อาหารเช้าที่ทานเข้าไปก็อ้วกออกมาจนหมด

ทรมานจัง

เธอทำหน้าย่น แล้วล้างทำความสะอาดกลิ่นที่อยู่ภายในปาก

เมื่อเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ในกระจกที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังเธอ ใบหน้าหล่อคมคายแต่เย็นชา แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับก่อนหน้านี้ที่รักและเอาใจเธอ

เธอเช็ดปากตัวเอง ยังมีหยดน้ำที่อยู่ใต้คางอันบอบบางของเธอ “คุณเข้ามาได้ยังไง ฉันไม่เป็นไร….”

“เวินจิ้ง” เขาเรียกชื่อเธอตรงๆ น้ำเสียงดูเย็นชากว่าก่อนหน้านั้น ดูเหมือนกับได้ย้อนกลับไปตอนที่ทั้งสองเพิ่งพบเจอกันใหม่ๆ

“คุณไม่พอใจทำไมคุณถึงไม่มาลงที่ผม”

เธอทำหน้างง สักพักก็เข้าใจความหมายในคำพูดของมู่วี่สิงพร้อมอธิบายขึ้นว่า

“ฉัน…..”

แต่ว่ามู่วี่สิงได้เหยียดขายาวของเขาก้าวเข้ามาขัดจังหวะคำพูดเธอขึ้น “ถ้าหากคุณไม่สามารถที่จะให้อภัยคุณปู่ที่เมื่อก่อนอยากจะฆ่าคุณ อย่างนั้นคุณก็มาลงที่ผมได้เลย ถ้าคุณไม่ชอบมู่ซีผมจะไล่เธอออกไปทันที หรือว่าพวกเราย้ายกลับไปการ์เด้นมูเจียวานก็ได้ คุณจำเป็นต้องสรรหาเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเช่นนี้ด้วยหรือ

เวินจิ้งจึงเปิดปากขึ้น ใช้เวลาสักพักในการควบคุมน้ำเสียงตัวเอง “ฉันก็แค่รู้สึกคลื่นไส้กะทันหันแค่นั้นเอง”

เขาเข้าใกล้ใบหน้าของเธอ มองดวงตาเธออย่างเหน็บแนม “จิ้งจิ้ง พวกเรารู้จักกันเมื่อสี่ปีก่อน ถึงตอนนี้คุณไม่เคยอยากคลื่นไส้กับซุปปลามาก่อน”

“เวินจิ้ง” เขาหัวเราะเบาๆ เป็นการหัวเราะที่แสนเยือกเย็น “คุณก็แค่ไม่ชอบผมเท่านั้นเอง”

ดวงตาเธอเบิกกว้าง แยกออกชัดเจนระหว่างส่วนตาดำกับตาขาว ผ่านไปสักพัก จนในที่สุดเธอก็ยิ้มบางๆ “คุณก็รู้มาโดยตลอดไม่ใช่หรอ ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ชอบคุณแล้ว”

เมื่อเธอพูดจบก็ผลักเขาออกไปอย่างแรง

เธอก็แค่คลื่นไส้เท่านั้นเอง ถึงกับต้องกล่าวหาเธอโดยไม่มีสาเหตุอย่างนี้เลยหรือ

แต่เดินได้เพียงก้าวเดียว เธอก็ถูกมู่วี่สิงดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ทั้งตัวถูกเขากอดรัดไว้อย่างแน่นตึง “จิ้งจิ้ง อย่าพูดแบบนี้อีก”

เธอโอบเอวบางของเธอไว้ แล้วหอมเข้าไปที่แก้มของเธอถี่ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นลง “อย่าโกรธเลยนะ พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ”

เวินจิ้งหัวเราะอย่างเยือกเย็น “เห็นคุณโกรธจัดเพียงนี้ ฉันคงไปขัดจังหวะการทานอาหารของคุณปู่และน้องสาวคุณสินะ ฉันไม่ทานแล้ว”

ทันทีที่สิ้นเสียง เธอก็ถูกรวบเอวแล้วถูกอุ้มขึ้น

มู่วี่สิงได้พาเธอกลับมาวางไว้ที่นั่งเดิมแล้วถึงจะปล่อยมือ ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่หม่นหมอง เขาจ้องมองเธออย่างเคร่งขรึม “จิ้งจิ้ง ต่อหน้าผมคุณจะเอาแต่ใจยังไงก็ได้ แต่ว่าคุณปู่ท่านมีโรคซึมเศร้า คุณอย่าทำตัวไม่น่ารักต่อหน้าท่านจะได้ไหม”

คำว่าจะได้ไหม กี่คำนี้มีความหมายในการวิงวอนในตัวอยู่แล้ว

เวินจิ้งเม้มปาก ก้มหน้าอยู่นานโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

มู่วี่สิงก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ หยิบตะเกียบแล้วคีบอาหารให้เธอ จากนั้นก็ยื่นซุปให้เธอ “ดื่มซุปซะแล้วก็ทานข้าว ตกลงนะ”

หัวใจของเธอกระตุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ “ซุปนี้มันมีกลิ่นคาวจริงๆ คุณจะดุอะไรกันนักหนา”

มู่วี่สิงหยิบช้อนแล้วตักขึ้นมาชิม สดอร่อยมาก ไม่มีกลิ่นคาวจริงๆ

เขามองเธออย่างเงียบๆ และก็ไม่ได้พูดอะไร เวินจิ้งที่กัดปากอยู่ เขาที่แน่ใจว่าซุปนี้รสชาติอร่อย เป็นเธอที่ตั้งใจกล่าวหาว่ามีกลิ่นคาว

เริ่มกำหมัดแน่น ในที่สุดเธอก็หยิบตะเกียบขึ้นแล้วค่อยๆทานข้าว

ฝืนทานไปสองสามคำเธอก็ไม่อยากทานแล้ว รู้สึกว่าในอาหารนั้นมีน้ำมันและเกลือมากเกินไป ทำไมเมื่อก่อนเธอถึงไม่ได้สังเกตเห็นนะ

หรือว่าช่วงนี้รสชาติอาหารที่อยากทานได้เปลี่ยนไป

ทานข้าวไปแค่ครึ่งถ้วย เธอที่ไม่ไม่ได้แตะอาหารแล้วก็วางตะเกียบลง

“จิ้งจิ้ง” มู่วี่สิงที่มองเธออย่างเย็นชา แววตาที่เยือกเย็นทำให้คนเห็นรู้สึกหวาดกลัว “ยังไม่ถึงเวลาสามเดือนเลย คุณก็อดไม่ได้ที่จะแสดงอาการทรมานออกมาแบบนี้เลยหรอ”

เวินจิ้งมองเขาด้วยความงุนงง มู่วี่สิงจับข้อมือของเธออย่างแรง ทันใดนั้นเธอก็หายใจเข้าด้วยความเจ็บปวด

“ผมยังดีกับคุณไม่พอใช่ไหม” อารมณ์โกรธของเขาที่เหมือนเก็บกดมานาน เสียงทุ้มต่ำที่กัดฟันพูดมาทีละคำจากลำคออย่างชัดถ้อยชัดคำ “จิ้งจิ้ง ทำยังไงคุณถึงจะอยู่ข้างๆผมตลอดไป คุณพูดสิ ขอเพียงแค่คุณพูดมาผมจะทำให้ทุกอย่าง!”

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset