บทที่ 729 เขาชอบเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต
มู่วี่สิงทั้งไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเอามาก ๆ ถ้าฟังให้ละเอียดจะได้ยินความเจ็บปวดปะปนอยู่ในน้ำเสียง
เธอเงยหน้าขึ้น “ก่อนที่ฉันจะไปก็พิมพ์และเซ็นหนังสือหย่าเรียบร้อยแล้ว พวกเราหย่ากันตั้งแต่สามปีก่อน มู่วี่สิง เป็นคุณที่ใช้พยายามรักษาชีวิตแต่งงานของพวกเรามาตลอด”
มู่วี่สิงหรี่ตา แววตาถูกฉาบทับไปด้วยความเย็นชาอย่างรวดเร็ว “เวินจิ้ง ผู้ชายคนนั้นของเธอไร้ประโยชน์ เขาไม่ใช่คู่มือของฉัน อย่าคิดว่าจะแย่งผู้หญิงของฉันไปได้”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เขากำลังพูดอะไร
เท่าที่เธอจำได้ ผู้ชายคนนี้เหมือนจะหึงหยูจิ่งห้วน แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะมองหยูจิ่งห้วนเป็นคู่แข่งความรักจริง ๆ
เขาเพียงแค่ไม่ชอบผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ ตัวเธอ
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “คุณไหมว่าตัวเองประสบอุบัติเหตุได้ยังไง”
นัยน์ตาดำของมู่วี่สิงจ้องมองเธอ ใบหน้าหล่อเหลาตึงเครียด “ฉันประสบอุบัติเหตุเพราะไล่ตามเธอที่หนีตามผู้ชายคนนั้นไป”
เธอขมวดคิ้วแน่น พูดเสียงเรียบ “ฉันหนีไปทำไม”
ใบหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสีหน้ายังคงดูอ่อนแรง แต่ความเย็นชาที่ฉายชัดในแววตากลับไม่ลดลง “เพราะว่าเธอไม่รู้ว่าใครคือคนที่รักเธอมากที่สุด เธอยังคงไม่แน่ใจว่าจะเลือกเขาหรือว่าฉัน”
เขาแค่แกล้งเธอหรือว่าเขาความจำเสื่อมจริง ๆ
เธอยกนิ้วขึ้นมา “หนึ่งบวกหนึ่งเป็นเท่าไหร่”
“เวินจิ้ง ชื่อของเธอถูกเขียนลงบนทะเบียนสมรสของฉัน! เรื่องนี้ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนไป! ฉันเอกก็ไม่ต้องการให้เปลี่ยน พวกเราจะหย่ากันไม่ได้!”
เวินจิ้งมองใบหน้าหล่อเหลาของเขา พูดเสียงเรียบ “ฉันบอกว่าแล้วว่าที่จริงพวกเราหย่ากันแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นคุณใช้กลอุบายทำให้การหย่าร้างของเราไม่ความสำเร็จ ในสายตาของฉันการแต่งงานครั้งนี้จบลงตั้งนานแล้ว ฉันชอบหยูจิ่งห้วน ฉันชอบเพียงเขามาตลอด”
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง อีกทั้งความทรงจำก็ยังสับสน
ลี่หนานเฉิงบอกว่าเขาจำเธอได้แค่คนเดียว เธอค้นพบแล้วว่าเหมือนเขาจะจำเธอได้แค่คนเดียวเท่านั้น
ดูเหมือนว่าเขาจะจำอดีตของพวกเราไม่ได้แล้ว
พวกเราหย่ากันตั้งนานแล้ว
ดังนั้นเธอเลยอยากจะหนีเขาไปโดยไม่คิดใส่ใจ
เธอทำเพื่อผู้ชายที่ชื่อหยูจิ่งห้วน
ลมหายใจขาดห้วง เขามองใบหน้าเล็ก ๆ นั้นอย่างเย็นชา “ฉันไม่สนใจว่าพวกเธอจะรักกันจริง ๆ หรือเปล่า เธอเป็นภรรยาของฉัน เป็นภรรยาของฉันคนเดียว!”
สีหน้าของเธอล่องลอย
ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงของเขาก็ยิ่งเพิ่มความหนักหน่วง “หลังจากนี้ก็เช่นกัน”
เวินจิ้งไม่สนใจเขา เธอออกจากห้องพักฟื้นไปที่ห้องทำงานแพทย์
คุณหมอคุ้นเคยกับมู่วี่สิงดี เขาทำงานที่โรงพยาบาลหนานเฉิงมาตลอด
เขาวางประวัติการรักษาที่กำลังอ่านอยู่ลง ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณนายมู่ มาถามผมว่าเขาจำไม่ได้จริง ๆ หรือว่าแกล้งโกหกคุณว่าความจำเสื่อมใช่ไหม”
เวินจิ้งนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ถ้าหากเขาไม่ได้กำลังโกหกฉัน”
เธอชะงัก ขมวดคิ้ว “อุบัติเหตุทางรถยนต์กระทบกระเทือนสมองของเขาหรือเล่า”
คนเป็นหมอหยิบผล CT สแกนสมองส่งให้เธอ อธิบายด้วยเสียงเรียบ ๆ “ไม่ เขาเพียงแค่สติเลอะเลือนเพราะว่าเสียเลือดมาก ประสบอุบัติเหตุแล้วยังรอดชีวิตกลับมาได้ก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว ในเมื่อเขารู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะเป็นอันตรายน้อยที่สุด ย่อมต้องปกป้องส่วนหัวก่อนเป็นอันดับแรก”
เขายื่นมือไปชี้ “หัวของเขาเหมือนจะบาดเจ็บแค่ภายนอก แม้จะดูรุนแรง แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากมายอะไร”
คุณหมอพูดสรุปด้วยเสียงเรียบ “ทุกคนคิดว่าเขาสูญเสียความทรงจำเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่”
เวินจิ้งไม่เข้าใจ “ในเมื่อไม่ใช่ แล้วทำไมของถึงได้ลืมอะไรไปมากมายขนาดนั้น”
เธอถามอย่างสงสัย “หรือว่าเขาหลอกฉัน”
แต่เท่าที่เธอรู้จักมู่วี่สิงมา เขาไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้
คนเป็นหมอเงยหน้ามองเธอ “รอยมีดบนร่างกายเขาเธอเป็นคนลงมือใช่ไหม ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนั้น ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอสองคน ความรู้สึกของพวกเธอคนนอกก็ไม่มีสิทธิ์จะไปพูดอะไร คุณหมอมู่ลืมเรื่องต่าง ๆ ไปมากมาย พวกเธอสามารถที่จะเริ่มต้นใหม่ และสามารถที่จะจบมันได้เช่นกัน”
เธอออกมาจากห้องทำงานแพทย์ ก็เห็นลี่หนานเฉิงพุ่งเข้ามาหาเธอด้วยความโมโห
เวินจิ้งยืนนิ่ง รอให้เขาเดินเข้ามา
เขาหอบหายใจ เห็นได้ชัดว่าค้นหาไปแล้วรอบหนึ่ง เห็นห้องทำงานที่อยู่ไม่ไกล ก็ถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ “เธอไปถามเรื่องอาการบาดเจ็บของมู่วี่สิงมาอย่างนั้นเหรอ”
ก็นับว่าเธอยังมีคุณธรรมอยู่สักหน่อย
เวินจิ้งไม่ตอบ “ตามหาฉันมีอะไร”
ลี่หนานเฉิงยืดตัวตรงทันที “เขาย้ายไปอยู่ห้องพิเศษแล้ว ตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาลเธอก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนเขา”
เวินจิ้งนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตา “ฉันหย่ากับเขาแล้ว”
“หย่าอะไรกัน! เขายังไม่เซ็นชื่อเธอก็ยังคงเป็นภรรยาของเขา นี่เป็นเรื่องที่จริงแท้และแน่นอน ใครก็เปลี่ยนมันไม่ได้! แล้วก็เก็บความคิดของเธอที่มีต่อไอ้หน้าขาวคนนั้นเอาไว้ด้วย”
เวินจิ้งไม่พูดอะไรต่ออีก เพียงกลับไปที่ห้องพักฟื้นของมู่วี่สิงอย่างเงียบ ๆ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็มองเห็นแววตาไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่ม
ทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา ความแข็งกระด้างและน่าอึดอัดปรากฏในแววตาขึ้นทันที
ห้องพิเศษมีพื้นที่กว้างขวาง เวินจิ้งกวาดตามองเห็นเตียงเดี่ยวที่วางอยู่ข้าง ๆ เตียงผู้ป่วย ชุดเครื่องนอนใหม่ถูกปูไว้อย่างเรียบร้อย
พอเห็นเธอเดินเข้ามา มู่วี่สิงก็พูดว่า “เลยเวลาอาหารเที่ยงไปแล้ว เธอไปไหนมา”
น้ำเสียงเหมือนเธอทำให้เขาต้องหิ้วท้องรออย่างไรอย่างนั้น ราวกับว่าเรื่องนี้มากจนเกินทน
เวินจิ้งพูดเสียงเรียบ “ฉันไปถามหมอเรื่องสถานการณ์ของคุณ”
เธอมองตาเขา “ฉันอยากรู้ว่าคุณความจำเสื่อมจริง ๆ หรือกำลังโกหกฉันอยู่กันแน่”
มู่วี่สิงหรี่ตา ไม่สบอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก “เธอสงสัยว่าฉันกำลังโกหกเธออย่างนั้นเหรอ”
“ใช่” เวินจิ้งพยักหน้า “คุณลืมเรื่องที่คุณทำไว้กับฉันไปจนหมด หลังจากนั้นก็พูดว่าฉันเป็นภรรยาของคุณอย่างหน้าด้าน ๆ ดังนั้นฉันก็เลยสงสัยว่าคุณตั้งใจทำ”
แววตาของชายหนุ่มสั่นไหว เขาทำเรื่องผิดบาปต่อเธอไว้มากมายขนาดถึงเพียงนั้นเชียวเหรอ
เวินจิ้งมองใบหน้าที่ค่อย ๆ ดำคล้ำของเขา หลังจากนั้นก็ถามออกมาเย็น ๆ ว่า “เธอว่าฉันทำอะไรเธอ”
เขาทำอะไรลงไป ถึงได้ทำให้เธอหนีไปกับผู้ชายคนอื่น เขาบาดเจ็บหนักขนาดนี้เธอยังไม่มีทีท่าจะสนใจ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ฉันชอบเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต ฉันทำอะไรที่เกินไปกับเธออย่างนั้นเหรอ”
คำพูดข้างริมฝีปากของเวินจิ้งถูกเขาสกัดกั้นให้กลับเข้าไป
เขาชอบเธอมาตั้งแต่เล็กจนโตอย่างนั้นเหรอ
ในความทรงจำของเขา การรับรู้ของเขาเป็นอย่างนี้เหรอ
แต่ตอนเด็ก ๆ พวกเราไม่เคยพบกัน…เขาจะชอบเธอได้ยังไง
มู่วี่สิงเห็นเธอไม่พูด ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงขาวซีดปรากฏความดีใจขึ้นมาทันที “เธอเข้าใจแล้วใช่ไหม อยู่กับฉัน…”
เวินจิ้งตัดคำพูดเขาอย่างไม่ใส่ใจ เธอกะพริบตา “ฉันเข้าอยู่นานแล้ว เป็นคุณที่ชอบฉันมาตลอด จากนั้นไล่ตามฉันไปทั่วโลก เดาว่าชาติก่อนฉันไม่ทันระวังไปขุดหลุมบรรพบุรุษคุณเข้า เลยถูกคุณพัวพันอยู่แบบนี้”