บทที่ 738 ผมอยากกินแต่อาหารที่คุณทำ
มู่วี่สิงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายเธอ ตั้งใจถูไถเส้นผมของเธอ “ผมเห็นคุณซื้ออาหารมาเยอะแยะ ผมตั้งใจทำงานขยันขันแข็งน่าจะให้ค่าตอบแทนหน่อย ผมอยากกินแต่อาหารที่คุณทำ”
เขายังทำงานบ้านทั้งที่บาดเจ็บ…เขาไม่ใส่ใจเรื่องที่ตัวเองกำลังพักฟื้น
กลิ่นเฉพาะตัวของเขาปกคลุมลมหายใจของเธอ กลิ่นที่คุ้นเคยไม่จางหายไปจากจมูกของเธอ ในที่สุดเธอก็ใจอ่อน “โอเค ฉันจะถือว่าเป็นค่าแรงของคุณก็ได้”
ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าหอมเธอฟอดหนึ่ง “น่ารักจัง”
เวินจิ้งถอดเสื้อคลุมแล้วคาดผ้ากันเปื้อนเข้าครัวไปเตรียมอาหารกลางวัน มู่วี่สิงเอนหลังบนโซฟาไม่ช้าก็หลับตาลง
แม้ว่าจะไม่ใช่งานหนักอะไร แต่บาดแผลเจ็บหนักยังไม่หายดี เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก
เวินจิ้งผัดกับข้าวง่ายๆ สามอย่าง และต้มน้ำแกงอีกชามหนึ่ง กับข้าวทุกอย่างเป็นอาหารอ่อนเหมาะกับคนป่วย
เมื่อเธอถอดผ้ากันเปื้อนแล้วยกอาหารมาที่โต๊ะ ถึงเห็นว่าชายหนุ่มที่เอนหลังบนโซฟาหลับไปแล้ว เธอยืนข้างๆ มองเขาเนิ่นนาน
คิ้วโก่งตาเป็นประกาย หล่อเหลาแต่เย็นชา โครงหน้าเด็ดเดี่ยว ด้วยความเย็นชาที่เป็นธรรมชาติของเขา แม้ว่าจะเป็นขณะที่หลับอยู่ ก็ยังแผ่ความรู้สึกเย็นชาที่น่ากลัวออกมา
แต่เวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าเธอ เขากลับเปลี่ยนเป็นคนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก
เธอยื่นมือไปสะกิดใบหน้าของเขา “กินข้าวก่อนแล้วค่อยนอน ลุกเถอะค่ะ”
เธอมองออกว่าเขาเหนื่อยมากจริงๆ ถ้าไม่ได้กินมื้อเช้ากินมื้อกลางวันก็ยังไม่สายไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เมื่อไรถึงจะหายดี
“มู่วี่สิงคุณตื่นเถอะ…
“จิ้งจิ้ง” เสียงพึมพำต่ำๆ ออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่ม เขาขมวดคิ้ว ราวกับกำลังฝันร้าย “จิ้งจิ้ง…ผมไม่ได้ตั้งใจ…”
“จิ้งจิ้ง…อย่าไปจากผม…อย่าไปกับเขา…”
เธอเม้มริมฝีปาก กลิ่นอายหอมอ่อนๆ ค่อยๆ เข้าใกล้จมูกของชายหนุ่ม เสียงยังคงแผ่วเบา “มู่วี่สิง คุณตื่นมากินข้าวเถอะ”
ทันใดนั้นมู่วี่สิงลืมตา เวินจิ้งเห็นเงาของตัวเองในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน เขาหรี่ตา เธอยังไม่ทันดึงสติกลับมา เขาก็จูบเธอ “ตื่นมาได้เห็นหน้าคุณ ดีจริงๆ”
ริมฝีปากบางถูไถริมฝีปากของเธอ เสียงถอนหายใจดังเบาๆ ออกมาจากริมฝีปาก
เวินจิ้งยืนขึ้น “ตื่นแล้วก็กินข้าวเถอะ”
มู่วี่สิงมองตามหลังเธอ ดวงตาสีเข้มอ้างว้าง มีความกลัดกลุ้มเจือปน แต่ที่มากกว่านั้นกลับเป็นความรู้สึกที่มีความสุข เธอไม่ชอบเขาสักนิดจริงๆ หรือ
แต่ตอนที่เขาจูบเธอ…ปฏิกิริยาของเธอเป็นธรรมชาติ
และทุกครั้งที่ลิ้มรสริมฝีปากของเธอ ก็เหมือนกับเคยจูบมาหลายต่อหลายครั้ง
ถึงแม้เธอจะไม่พูดกับเขาสักคำ ชายหนุ่มยังอยู่ต่อถึงช่วงค่ำ และยังหน้าด้านหน้าทนกินมื้อค่ำแล้วถึงจะออกจากอพาร์ทเมนท์ของเธอ หลังจากเวินจิ้งอาบน้ำเสร็จจะเข้านอนถึงได้เห็นบัตรเอทีเอ็มที่หัวเตียง
เธอกะพริบตา หยิบมันแล้วโยนเข้าไปในตู้
เช้าวันรุ่งขึ้น เวินจิ้งออกไปร้านกาแฟแต่เช้า
หยีเป่ยโจวเมื่อเห็นเธอก็ตาเป็นประกายทันที รีบเดินตรงมาหาเธอ ดวงตาเหมือนดวงดาวสุกสกาวปิดบังความยินดีและตื่นเต้นไม่มิด “ผมนึกว่าคุณจะไม่มาอีกแล้ว”
เวินจิ้งยิ้มบางๆ “ฉันบอกแล้วว่าจะมาเรียนชงกาแฟ จะไม่มาได้ยังไงคะ”
เธอเอียงศีรษะ ยิ้มตาหยีถามเขา “ฉันทำงานก่อนค่อยเรียน หรือเรียนก่อนค่อยทำงานดีคะ”
เธอสวมเสื้อถักไหมพรมคอวีสีขาว และสวมทับด้วยเสื้อสเวตเตอร์สีเหลืองอ่อน ใบหน้าสะอาดบริสุทธิ์ รอยยิ้มเหมือนดวงจันทร์เสี้ยว สาดส่องพลังรอบด้าน รู้สึกอบอุ่น และยังมีความสงบสุขุม ไม่ถึงกับชวนให้ตะลึงงัน แต่มองแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก
“ตามสะดวกเลยครับ” หยีเป่ยโจว มองเธอ
เวินจิ้งครุ่นคิด ก่อนที่จะตัดสินใจในที่สุด “ตอนบ่ายคนจะมากหน่อย อย่างนั้นตอนเช้าฉันเรียนชงกาแฟ ตอนบ่ายค่อยช่วยคุณเสิร์ฟ”
หยีเป่ยโจวเห็นด้วยทุกประการ
เธอไม่ได้รักการชงกาแฟจริงจัง เพียงแต่เวลาที่รู้สึกว่างเปล่าต้องการหาอะไรบางอย่างทำเพื่อเติมเต็ม
มีโรงพยาบาลติดต่อมาให้เธอไปทำงาน แต่เธอเข้าใจความคิดของมู่วี่สิงดี ถ้าเธอไปทำงานที่โรงพยาบาล เขาก็จะแทรกแซงให้เธอย้ายไปทำงานโรงพยาบาลของเขา เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลี่ยงที่จะต้องเจอหน้าเขา
เช่นนั้น สู้ทำเรื่องอื่นที่ไม่เคยลองทำมาก่อนดีกว่า ถือเป็นการผ่อนคลายด้วย
เธอไม่แม้แต่จะพกโทรศัพท์มือถือออกจากบ้านมาด้วย
ช่วงเช้ามู่วี่สิงต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล โทรไปหาเวินจิ้งก็ไม่มีคนรับสาย หงุดหงิดจนต้องใช้ให้เกาเชียนไปตามหาเธอทันที แต่เกาเชียนยังไม่ทันออกไปก็ถูกเขาเรียกไว้เสียก่อน
โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ อพาร์ทเมนท์ก็ไม่อยู่ คิดถึงวันนั้นที่เธอบอกว่าจะไปเรียนชงกาแฟ กำลังคิดจะโทรศัพท์ไปถามที่อยู่ อีกฝ่ายยังไม่ทันรับเขาก็วางสายแล้ว
เวินจิ้งเคยพูดว่า ไม่ชอบให้เขาใช้อำนาจ
เขาจะต้องหาร้านกาแฟทีละร้านอย่างนั้นหรือ
“โต๊ะ 3 ทางโน้นครับ”
เวินจิ้งรับถาดกาแฟมา ยิ้มบางๆ “ได้ค่ะ ฉันจะเอาไปเสิร์ฟเดี๋ยวนี้”
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง เชิญค่ะ” เธอวางกาแฟเอสเพรสโซสองถ้วยตรงหน้าทั้งสองคน พูดอย่างมีมารยาท
ยังไม่ทันหดมือกลับ มือของผู้ชายก็ยื่นมาแล้ว จับข้อมือของเธอแน่น และยังลูบหลังมือของเธอ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ออกแรงดึงมือกลับ
แต่ทว่า ไม่สำเร็จ
“คุณชายจี้…คุณกำลังทำอะไร” คนที่จับมือเธอแน่นคือผู้ชายอายุราวสามสิบปี คนที่นั่งตรงข้ามเธอเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย มองเห็นท่าทางของเธอ พูดขึ้นอย่างโมโห “ผู้หญิงสาวๆ มาทำงาน ยังอายุน้อย คุณอย่าไปยุ่งกับเด็กมันเลย”
แต่แรกเวินจิ้งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย เธอจึงไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพนักงานด้วยซ้ำ ยังคงสวมเสื้อผ้าของตัวเอง ผิวพรรณของเธอขาวผ่องเรียบเนียน ดูแล้วอายุน้อยมาก
“คุณผู้ชาย” เวินจิ้งฝืนยิ้ม “ในที่สาธารณะอย่าทำวุ่นวายจนน่าเกลียดจะดีกว่าค่ะ กรุณาปล่อยมือฉันคุยกับผู้หญิงที่คุณนัดเถอะค่ะ”
“เด็กตรงไหนกัน” ผู้ชายยิ้มเยาะดูถูก มองเวินจิ้งหัวจรดเท้า สายตาหื่นชัดเจน “หน้าตาสะสวยพอ รูปร่างใช้ได้ เรียกราคามาสิ”
ผู้หญิงทรงเสน่ห์รู้สึกผิดหวัง “คุณชายจี้เปลี่ยนรสนิยมเป็นจืดชืดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ “ผมชอบจืดๆ อย่างนี้ คุณหนูตระกูลหลิน รูปร่างหน้าตาอย่างนี้ มาทำงานเสิร์ฟน่าสงสารไปนะ มากับผมดีกว่า”
เวินจิ้งสีหน้าเหมือนเดิม กับผู้ชายแบบนี้แม้แต่โกรธยังไม่จำเป็น เธอยังยิ้มต่อ “ขอโทษค่ะ ฉันคิดว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟน่าสนุก ช่วยปล่อยมือด้วยค่ะ”
ช่วงสามปีมานี้เธอออกงานเลี้ยงกับแม่มากมาย มีคนจำสถานะของเธอได้ก็ไม่แปลก แต่ตอนนี้ตระกูลหลินยังไม่ได้ตกต่ำ ถึงขนาดที่จะให้ผู้ชายหยาบคายอย่างนี้สบประมาท
รอบข้างเริ่มมีสายตาหลายคู่พากันมองมา เวินจิ้งยิ้มบางๆ “ชอบฉันหรือคะ”
เธอมองเขา สายตาเฉยชา “คุณอยากจะให้เงินค่าตัวฉันเท่าไร ลองพูดมา ถ้าฉันพอใจจะลองคิดดู”