บทที่ 830 จะไม่ทำให้เธอต้องลำบากใจ
สีหน้าที่เพิ่งดีขึ้นของลู่เซิ่นก็รีบตึงขึ้นทันที นิ้วยาวบีบคางของฉินซี”ฉินซี คุณจำให้ดีๆ ตอนนี้เราแต่งงานกันแล้ว ถ้าให้ฉันรู้ว่าคุณมีผู้ชายอยู่ข้างนอก… “
เขาโน้มตัวลงและเข้าใกล้หูของ”หซู่หนานและคุณจะได้รับผลยังไง คุณเองก็คงยากที่จินตนาการว่าด้วยซ้ำ”ผิวรอบหูของฉินซีขนลุกขึ้นมาเพราะความใกล้ชิดของเขา เธอกระซิบในใจว่า คุณไม่รู้มีผู้หญิงอยู่ตั้งเท่าไหร่ ฉันไม่เคยยุ่งเลย คุณจะยุ่งเรื่องฉันทำไม
แต่ตอนนี้เธอกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ ดังนั้นคำพูดพวกเธอแค่กล้าพูดในใจ ไม่กล้าที่จะพูดออกมาหรอก แค่หันหน้าหนีและพูดด้วยเสียงต่ำว่า”ฉันบอกแล้วไง เขาแค่เป็นคนที่ฉันเคยชอบ ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรตั้งมานานแล้ว … และตอนนี้เขาก็เป็นแฟนของฉินหว่านแล้ว ฉันไม่ทางคิดอะไรกับเขาแน่”
ลู่เซิ่นหันหัวไปและพูดเบาๆว่า”เป็นแบบนี้ดีที่สุด”
ตอนนี้ฉินซีกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ เลยต้องยอมเขา แต่พูดไปพูดมา เธอถึงรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้รับคำตกลงจากลู่เซิ่นเลย จึงต้องถามด้วยความกล้าหาญว่า”งั้นเรื่องนี้ คุณจะช่วยฉันไหม … “
เธอคว้ามุมเสื้อผ้าของลู่เซิ่นโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเธอดูเสียใจเล็กน้อย ลู่เซิ่นมองเธอแล้วหันหลังกลับ”ฉันบอกแล้ว ขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณ”
ฉินซีตาสว่างขึ้น นี้แสดงว่าลู่เซิ่นจะช่วยเหรอ
ลู่เซิ่นหยุดไปสักพักแล้วพูดต่อว่า”นอกจากอันนี้ ยังมีเงื่อนไขอีกอย่าง”
ฉินซีหยุดยิ้มทันที”อะไรเหรอ”
“ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง แต่หลังจากนี้ คุณห้ามต่อติดกับหซู่หนานเด็ดขาด”
ลู่เซิ่นมองไปนอกหน้าต่าง แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขาดใจไม่ได้
ตอนแรกฉินซีคิดว่าเขาจะมีเงื่อนไขที่ไร้เหตุผล แต่เมื่อได้ยินเป็นเรื่องนี้ เธอก็พยักหน้าทันที “ตกลง”
เธอไม่คิดจะติดต่อหซู่หนานอีกอยู่แล้ว เงื่อนไขของลู่เซิ่นไม่ได้ทำให้เธอต้องลำบากใจเลย
ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว เหมือนไม่คิดว่าเธอจะตกลงง่ายแบบนี้
ฉินซีทำสนิทมากกว่า เอื้อมมือไปกอดคอของลู่เซิ่น เงยหน้าขึ้นมองเขาและสูดลมหายใจเข้าหูเขาเบา ๆ
ลู่เซิ่นดูเหมือนจะไม่มีการหวั่นไหวใดๆ และไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ
ฉินซีก็ไม่ท้อถอยเหมือนกัน เธอรู้ว่านี่คือสิ่งที่ลู่เซิ่นหมายถึง”ขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณ”
ปลายนิ้วของเธอปัดลูกกระเดือกของลู่เซิ่น ไปถึงกระดุมเสื้อเม็ดแรก คิดไปสักพัก คิดจะใช้ปากกัดกระดุมออก
แต่ลู่เซิ่นจับมือเธอไว้
“กลับบ้านทำต่อ”
เสียงของเขาทึบ มองฉินซีด้วยสายตาที่มีความหมาย
ฉินซีรู้สึกหนาวขึ้นมาเบาๆ
…
การกระทำที่ลู่เซิ่นบอกมาเข้มงวดกว่าที่ฉินซีคิดอีก เธอรู้สึกเหมือนว่าร่างกายของเธอเกือบถูกถอดเป็นชิ้นส่วนแล้ว เมื่อลู่เซิ่นพอใจ เธอก็หมดแรงแล้ว
เมื่อเธอนอนหลับอย่างเวียนหัว เธอก็แอบด่าอานหยันในใจ
ขอเสนอที่ดีของเธอเอง
ฉินซีนอนหลับจนถึงเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์สั่นทำให้เธอตื่น เธอคงนอนยาวถึงบ่ายไปเลย
เธอลุกขึ้นนั่งอย่างง่วงนอน ในห้องนอนไม่มีใครอยู่แล้ว
เมื่อคืนลู่เซิ่นเอาเธอจนท้องฟ้าสว่างถึงจะหยุด นี่นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง …
เมื่อตระหนักว่าในสมองเธอมีแต่ภาพของเมื่อคืน ฉินซีรีบหยุดความคิดที่บ้าๆบอๆทันที โทรศัพท์ที่เพิ่งเงียบไปก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอโน้มตัวไปหยิบมัน
คนที่โทรมาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นอานหยัน
“ฉินซี คุณดู Weibo หรือยัง” น้ำเสียงของอานหยันตื่นเต้นมาก ราวกับว่าเธอได้ข่าวใหญ่
ฉินซีลูบเอวของตัวเอง และพูดอย่างไม่สนใจว่า”ยังไม่ได้ดู… เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
แต่อานหยันไม่ยอมบอก”ฉันก็ไม่รู้พูดยังไง คุณไปอ่านเอาเองแล้วกัน รีบๆไป”
เมื่อพูดจบ ก็ไม่รอฉินซีตอบ เธอก็วางสายไปแล้ว
ฉินซีไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แต่อานหยันไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว ที่ทำให้เธอตื่นเต้นขนาดนี้ ต้องไม่ใช่ข่าวเล็กแน่ๆ
เพราะฉะนั้นฉินซีคิดไปสักพัก ก็เปิด Weiboเลย
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เห็นทวิตที่”ฮอต”ทันที
แต่เมื่อดูชัดๆ มันคือชื่อของหซู่เป่ย
ฉินซีกลัวมากจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เป็นไปได้ยังไง
เมื่อวานลู่เซิ่นรับปากว่าจะจัดการเรื่องของหซู่เป่ยไม่ใช่เหรอ
หรือว่าจะมีเรื่องที่ลู่เซิ่นจัดการไม่ได้เหรอ
งั้นการพยายามของเธอในเมื่อคืน..
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เอวของฉินซีไม่เจ็บแล้ว เธอรีบเปิดดู ยังไม่ทันอ่านข้อความ เธอตกใจกับภาพซักแล้วนี่ … ไม่ใช่ภาพที่ตัวเองถ่ายเหรอ
ตอนนั้นเธอยืนอยู่ใกล้มาก และภาพที่เธอถ่ายก็เห็นหน้าของหซู่เป่ยได้ชัดมาก ไม่เหมือนภาพที่เบลอทั่วไปไม่ว่าแฟนคลับหรือบริษัทก็ยากที่จะทำการประชาสัมพันธ์
ทั้งๆที่ลู่เซิ่นสัญญาว่าจะจัดการให้เรียบร้อย งั้นทำไมยังหลุดออกมาได้อีก
เธออึ้งไปหลายวินาที ค่อยเงยหน้าขึ้นอ่านคำบรรยายของภาพ
“หซู่เป่ย ฮีโร่ช่วยชีวิตสาวสวย และละครกลายเป็นชีวิตจริง”
อะไร นี่อะไรกัน
ฉินซีงงไปหมดแล้ว อ่านข้อความอย่างระมัดระวังและใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าใจ
เธอกำลังจะอ่านให้ละเอียด โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
เมื่อเธอรับสาย เสียงของอานหยันก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น”ว้าว นายลู่ของคุณจัดการได้สุดยอดมาก สุดยอดจริงๆ”
ไม่แปลกใจเลยที่อานหยันตื่นเต้นขนาดนี้ ลู่เซิ่นใช้วิธีนี้จัดการเรื่องนี้ สุดยอดจริงๆ
คนที่จะกรรโชกหซู่เป่ยก็เพราะว่ามีรูปอยู่ในมือไม่ใช่เหรอ ได้ งั้นฉันก็หาคนปล่อยออกไปก่อน
แต่แต่งเรื่องจากภาพใครๆก็ทำได้ เพียงแค่ปรับความพร่ามัวและลำดับเล็กน้อย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
“ถ้าฉันไม่ได้ฟังจากคุณก่อน ฉันคงเชื่อเรื่องในอินเทอร์เน็ตแล้ว”อานหยันติดนิสัยอาชีพ อ่านสำเนาอีกครั้งและพึมพำ”คนเดินเท้าถูกปล้นบนถนน หซู่เป่ยตามหลังไป หาเวลาที่เหมาะสมช่วยชีวิตสาวสวย เก่งจริงๆ ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ ก็สามารถอธิบายได้เลยทำไมต้องแตกต้องสาวสวย สามารถอธิบายได้ว่าทำไมอยู่ในทางเดิน ทุกอย่างมีเหตุมีผล เว้นแต่อีกฝ่ายได้กล้องไปด้วย ไม่งั้นก็อธิบายไม่ได้สิ ถ้าอยากจะกรรโชก ก็ไม่มีทางแล้ว “
ฉินซีพยักหน้าอย่างลับๆในใจ แต่เธอก็รู้ว่า ตามบุคลิกของลู่เซิ่น ในเมื่อเขารับมือจัดการเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีทางเก็บกล้องไว้แน่นอน
คิกกลับมา เธอก็สงสัยเบาๆ”คุณแน่ใจได้ยังไงว่าลู่เซิ่นเป็นคนทำ”
อานหยันหัวเราะเบาๆ”นอกจากลู่เซิ่นแล้ว จะมีใครกล้าทำแบบนี้แหละ ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจ ถ้าเป็นคนอื่น จะกดดันอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแบบนี้ได้ยังไง”
ฉินซีโค้งงอปาก ไม่ได้ถูกเธอหลอก”คุณสืบมาแล้วใช่มั้ย”
อานหยันหยุดไปสักพักและถอนหายใจ”บริษัทประชาสัมพันธ์ที่เผยแพร่ข่าวนี้มีเงินจำนวนมากเข้าบัญชี ที่มาจากบริษัทลูกของลู่เซิ่น”
ฉินซีรู้สึกโล่งใจและพึมพำเสียงเบาว่า”ไม่เสียแรงที่ฉันเหนื่อยตัวในเมื่อคืน”