flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 844 ยิ่งปิดยิ่งไม่มิด

บทที่ 844 ยิ่งปิดยิ่งไม่มิด

วันรุ่งขึ้นตอนที่ฉินซีตื่นขึ้นมา ในห้องไร้เงาของลู่เซิ่นแล้ว

ฉินซีถอนหายใจ

เมื่อวานหลังจากสารภาพความจริงกับเขาแล้ว วันนี้เธอไม่รู้จริงๆจะมองหน้าลู่เซิ่นอย่างไร

ดีที่เธอเคยชินกับความเจ็บปวดของร่างกายแล้ว หลังจากลงไปกินข้าวเช้า แล้วรีบไปหาอานหยันเพื่อขอคำปลอบใจ

นึกไม่ถึงว่าอานหยันฟังเรื่องที่เธอเล่าจนจบแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นสงสัยแทน

“หมายความว่า ตอนที่เธอพูดว่าจะแต่งงานลู่เซิ่นแม้แต่ทำไมก็ไม่ถามสักคำ เขาก็ตอบตกลงเธอง่ายๆ งั้นหรือ”

ฉินซีเห็นสีหน้าของเธอยิ้มหยอกเย้าก็ทุบเธอทีหนึ่ง “แล้วยังไงล่ะ! ทีแรกฉันคิดว่าเขาต้องการแต่งงานเพื่อเป็นข้ออ้างอะไรสักอย่าง พวกเราต่างใช้อีกฝ่าย ทุกคนได้ประโยชน์ แต่ช่วงนี้ ฉันไม่เห็นว่าเขาจะมีทีท่าบอกคนในครอบครัว”

“ทำไมล่ะ เธอรีบอยากเจอพ่อผัวแม่ผัวหรือ” อานหยันล้อเธอ ก็เลยถูกฉินซีกลอกตาใส่

“ขอร้องล่ะ ถ้าเขาไม่ต้องการผลประโยชน์จากฉัน แล้วทำไมยอมแต่งงานกับฉัน ดีลที่ไม่ได้กำไรอะไร ทำแล้วยังรู้สึกผิดอีก” ฉินซีเบะปาก

อานหยันนิ่งกว่าเธอมาก ตบบ่าของเธอ “เธอรู้ได้ยังไงเขาไม่ใช้เธอ! ในตระกูลคนรวยขนาดนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เธออาจจะเป็นข้ออ้างให้เขาแล้วโดยไม่รู้ตัวก็ได้ แต่จะว่าไปแล้ว…พวกเธอสองคนแต่งงานกันนานเท่าไหร่แล้วนะ”

ฉินซีคิดนิดหนึ่ง ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก “ครึ่งเดือนได้มั้ง”

อานหยันประหลาดใจ “เธอเพิ่งแต่งงานก็รีบไปแลกหุ้นแล้วหรือ เธอรู้มั้ยสถานะ คุณนายลู่ ทำเรื่องอะไรต่ออะไรได้ตั้งมากมายขนาดไหนไม่ใช้ประโยชน์ให้คุ้มก่อนค่อยไปสารภาพล่ะ”

ฉินซีสีหน้าอึ้งไป “ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ”

อานหยันถอนหายใจยาว “โอ๊ย… คุณลู่เป็นว่าที่สามีในฝันฮอตที่สุดในเมือง อยู่ในกำมือเธอทำไมเหมือนหมากที่ไม่สลักสำคัญอะไร”

ฉินซีหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของเธอ “ที่ไหนกัน! เธอไม่รู้อะไรเขาอารมณ์ร้ายแค่ไหน หมากที่ไหนอารมณ์ร้ายขนาดนี้”

ทันใดนั้น อานหยันหรี่ตามองคอของฉินซี“นี่คือวิธีที่เธอง้อเขาใช่มั้ย”

ฉินซีมองตามสายตาของเธอ แม้ตัวเองจะมองไม่เห็นแต่ก็พอจะเดาได้…

คงจะเป็นเพราะก่อนออกจากบ้านเธอไม่ได้ปิดบังรอยจูบดีพอ

เธอดึงคอเสื้อมาปิดเก้อเขิน หูแดงเรื่อพูดแย้งเสียงแผ่วเบา “ไม่ใช่ซะหน่อย”

ท่าทางของเธอบ่งบอกชัดเจน “ยิ่งปิดยิ่งไม่มิด” อานหยันก็ไม่ได้ซักไซ้เธอให้เล่าต่อ ทั้งสองคนคุยเรื่องสัพเพเหระไม่เท่าไหร่ก็วกกลับมาคุยกันเรื่องเดิม

“เมื่อคืนเธอสารภาพแล้ว เขาไม่มีทีท่าจะโกรธจัด แค่…” สายตาของอานหยันหยุดอย่างมีความหมายลึกซึ้งที่คอของฉินซี

ฉินซีไม่ปิดบังอะไรอีก พยักหน้า แสดงความรู้สึกสงสัย “อึม ตอนแรกฉันคิดว่าเขาคงโกรธแน่ เตรียมจะพูดอะไรดีเพื่อเอาใจเขารออีกหลายวันหน่อยค่อยหย่า สุดท้ายเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย”

อานหยันมองฉินซีครุ่นคิด

คนนอกมองทุกอย่างชัดเจน

อานหยันในฐานะคนนอก ในใจพอจะคาดเดาได้รางๆ

อันที่จริงอีกฝ่ายคือลู่เซิ่นการคาดเดาอย่างนี้เธอไม่มีหลักฐานอะไร

แต่ความรู้สึกของเธอมันบอกอย่างนั้น

……

ทนายความจ้าวทำงานได้ดีมาก บ่ายวันนั้นก็ติดประกาศที่กระดานประกาศการเปลี่ยนแปลงหุ้นแล้ว

การประกาศทำโดยตรงในตลาดเปิด ทุกคนในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปย่อมต้องเห็นแน่นอน

หลี่เหวยเคาะประตูเข้ามาในห้องหนังสือ ฉินซึ่งเทียนกำลังคุยโทรศัพท์ สีหน้าย่ำแย่

“อะไรนะ ในเมื่อหุ้นนั่นผมเป็นผู้จัดการมรดก ทำไมขั้นตอนการรับมรดกไม่ผ่านผมอนุมัติ”

ระบบกันเสียงของโทรศัพท์เขาไม่ดีนัก ในห้องหนังสือที่เงียบสนิท หลี่เหวยได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายชัดเจน

“ตอนนั้นที่ต้องมีผู้จัดการมรดกก็เพราะฉินซีไม่มีคุณสมบัติรับมรดกหุ้นถึงต้องตกไปอยู่ในมือคุณอัตโนมัติ ตอนนี้เธอมีคุณสมบัติทายาทแล้ว จึงทำเรื่องรับมรดกได้ทันทีไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนของคุณครับ”

ฉินซึ่งเทียนโกรธจนหายใจหอบ ปิดโทรศัพท์ทิ้ง ยังรู้สึกว่าระบายอารมณ์โทโสไม่พอ เพียงสะบัดมือ โทรศัพท์ก็ถูกโยนลงพื้น

หลี่เหวยคิดดูแล้ว เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา วางลงบนโต๊ะ เดินไปหยุดข้าง ฉินซึ่งเทียนปลอบเสียงอ่อนโยน “อย่าโมโหเลยค่ะ เดี๋ยวโกรธจนเสียสุขภาพจะไม่ดีนะคะ”

ฉินซึ่งเทียนโมโห “ถ้าผมรู้ว่าใครบอกเงื่อนไขการรับโอนหุ้นให้ฉินซีรู้ล่ะก็ ผมไม่เอามันไว้แน่!”

หลี่เหวยลูบไหล่ปลอบใจเขา “ในเมื่อยกให้เธอไม่ช้าเร็วเธอก็ต้องได้ไปอยู่ดี”

ฉินซึ่งเทียนมองเธอ ยื่นมือไปกุมมือเธอ “ผมผิดเอง ผมอยากจะเก็บหุ้นนี้ไว้ให้คุณสองคนแม่ลูก ผมเองที่ไม่ได้เรื่อง”

หลี่เหวยรีบพูด “คุณพูดอะไรอย่างนั้นคะ แค่ฉันได้อยู่กับคุณก็พอแล้ว ทรัพย์สมบัติหุ้นอะไรพวกนั้นก็แค่ของนอกกายจะสำคัญไปกว่าคุณได้ยังไง อย่าพูดอะไรโง่ๆ อย่างนี้อีกนะคะ”

ฉินซึ่งเทียนนิ่งไป โอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ยังดีที่ผมมีคุณ…”

ในมุมที่เขามองไม่เห็นสีหน้าของหลี่เหวยเปลี่ยนไป

ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องเป็นของฉันทั้งหมด!

ฉินซีแกคอยดู!

……

คนที่เห็นประกาศไม่ใช่มีแค่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ยังมีลู่เซิ่นอีกคน

ถ้าจะพูดให้ถูกก็ไม่เรียกว่าเขาเห็นเอง แต่เป็นผู้ช่วยของเขาต่างหากที่เป็นคนเห็นประกาศก่อน

เมื่อคืนเขามีความสุขมาก เช้าวันนี้อารมณ์ขณะที่มาถึงบริษัทลู่ซื่อนุ่มนวลกว่าปกติ ผู้จัดการแผนกน้อยครั้งจะได้เห็นเขาอารมณ์ดีขนาดนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอมพลาดโอกาสน้อยนิด รีบฉวยโอกาสนี้เข้ามารายงาน

ห้องทำงานซีอีโอที่ปกติแล้วเย็นชากลายเป็นคึกคักขึ้นมาในพริบตา

ลู่เซิ่นไม่อารมณ์เสียหงุดหงิดแต่อย่างใด คำพูดเย็นชาเหมือนทุกทีก็แทบไม่มี แต่แน่นอนว่า ข้อบกพร่องที่ควรจะมองหาก็ขาดไม่ได้

หลินหยัง แทรกกลางผู้จัดการหลายคนที่มารายงานเพื่อเข้ามา เขาส่งแทปเล็ตในมือให้บุ้ยใบ้ให้ผู้จัดการพวกนั้นออกไปก่อน

ที่จริงถ้าจะพูดถึงตำแหน่งของหลินหยังก็ไม่ได้สูงกว่าผู้จัดการพวกนั้นตรงไหน แต่เขาเป็นคนที่ติดตามลู่เซิ่นมาหลายปี พวกผู้จัดการต่างมองหน้ากัน ทยอยเดินออกไปจากห้อง

ขณะที่ผู้จัดการกำลังรายงานอยู่ข้างในหลินหยัง อ่านประกาศตลาดหุ้นของวันนี้ตามปกติ เขาคาดไม่ถึงจะเห็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับลู่เซิ่น

ประกาศการโอนหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป…

ทีแรกเขาเพียงแต่คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับฉินซีตัวเองควรจะอ่านสักหน่อย คิดไม่ถึงเมื่อกวาดตาอ่านดูจะเห็นข้อความ “เมื่อเร็วๆ นี้ ฉินซีแต่งงานแล้ว ตามพินัยกรรม ฉินซีมีคุณสมบัติตรงตามการรับมรดก ระยะเวลาประกาศครบถ้วนขั้นตอนการโอนหุ้นจะแล้วเสร็จโดยอัตโนมัติ”

??

หลินหยังมีเครื่องหมายคำถามเต็มหัว

ถ้าเขาจำไม่ผิดล่ะก็ ฉินซีกับลู่เซิ่นเพิ่งแต่งงานกันไม่กี่วันนี้เองไม่ใช่หรือ

รีบร้อนที่จะรับมรดกมากขนาดนี้ ยากที่จะไม่ทำให้คิดมาก…

ที่จริงลู่เซิ่นสั่งหลินหยัง ตอนที่เขาเตรียมจะแต่งงานกับฉินซีทีแรกหลินหยัง ตั้งใจจะตรวจสอบฉินซีแต่กลับถูกลู่เซิ่นห้ามไว้

การตรวจสอบอย่างนี้ใช่ว่ามีเจตนาไม่ดีแต่อย่างใดเป็นสิ่งที่ทำกันเป็นปกติ

แต่นึกไม่ถึงว่าลู่เซิ่นจะปฏิเสธ

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset