flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 855 ไม่เข้าใจ

บทที่ 855 ไม่เข้าใจ

หลี่เหวยพยักหน้า

“แล้วคู่แต่งงานของฉินซี……ก็คือลู่เซิ่น!”

หลี่เหวยมองเธอด้วยความประหลาดใจ และพยักหน้าอีกครั้ง

ฉินหว่านจำได้ในทันทีว่า ในวันนั้นงานเลี้ยงวันเกิดของฉินซึ่งเทียน เมื่อตอนที่เธอได้พบกับฉินซี เธอก็ได้พบกันลู่เซิ่นด้วย และฉินซีก็ได้พูดออกมาลอยๆ ว่ารีสอร์ทชิงหยวน เป็นที่ที่ลู่เซิ่นอาศัยอยู่

เธอที่รู้สึกมึนงงเล็กน้อยในตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ใครจะไปคิดว่า ในตอนนั้นฉินซีกับลู่เซิ่น ……ได้แต่งงานกันแล้ว?

เธอไม่สามารถบอกได้ว่าในใจของเธอในตอนนี้ มีความหึงหวงหรือมีความโกรธมากกว่ากัน ทำได้เพียงแค่พูดกัดฟันพูดออกมา

“เธอใช้อะไร!”

ฉินซีที่จริงแล้วเธอมีเสน่ห์มากๆ แต่การแต่งงานกับคนที่สูงศักดิ์อย่างลู่เซิ่น มีเพียงแค่หน้าตาอย่างเดียว ก็ไม่สามารถทำได้

หลี่เหวยตบแขนของเธออย่างปลอบใจ“ฉินซีเป็นคนจำพวกคดในข้อ งอในกระดูก ใครจะไปรู้ว่าใช้วิธีไหน ตัวเองถึงได้แต่งงานกับลู่เซิ่น แต่ไม่ว่าเธอจะใช้วิธีไหน เธอก็ได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลลู่แล้ว และได้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ มีมากมายเลย”

ฉินหว่านเอียงหัวอย่างสงสัย“เนื่องจากเธอได้ถือหุ้น และได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการแล้ว เราจะทำอะไรได้อีก?”

หลี่เหวยยิ้มอ่อน“หว่านหว่าน หนูต้องสัญญากับแม่ก่อน ว่าหลังจากนี้จะไม่ขัดแย้งกับคุณพ่อ เหมือนวันนี้อีก”

ฉินหว่านขมวดคิ้ว“ทำไมคะ!เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจชีวิตแม่เลย ขี้ขลาดตาขาว!”

หลี่เหวยใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของเธอ“พูดเสียงเบาๆ หน่อย!ตอนนี้ฉินซีได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว แต่พวกเราทั้งสองไม่มี เธอที่เคลื่อนไหวอยู่ในส่วนของคณะกรรมการ ในส่วนนี้แม่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ ยังไงก็ต้องผ่านคุณพ่อ เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสถานการณ์ของฉินซี”

ฉินหว่านจับคางอย่างใช้ความคิด“ก็ถูก”

หลี่เหวยจับใบหน้าของเธอ และโน้มตัวใกล้เข้าไปใกล้หูของเธอ แล้วพูดว่า“นอกจากนี้ สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่แค่สิ่งที่ฉินซีถืออยู่ในมือเท่านั้น แต่ยังต้องให้พ่อของหนู มอบสิ่งที่เขามีอยู่ให้หนูด้วย ดังนั้นอย่าเผชิญหน้าแบบนั้นกับเขาอีก”

ฉินหว่านลดสายตาลง และคิดสองถึงสามวินาที ในที่สุดก็ตัดสินใจพยักหน้าให้กับหลี่เหวย“หนูทราบแล้วค่ะ”

หลี่เหวยนั่งตัวตรง จับมือของฉินหว่านอย่างจริงจัง แล้วบอกเป็นนัยๆ ว่า“หว่านหว่านอ่า ฉินซีมีพลังอำนาจมากกว่าที่แม่คิด ในตอนแรกแม่ว่าจะจัดการเธอได้ด้วยตัวเอง ไม่คิดว่าเธอจะมีคนหนุนหลังที่ทรงพลังมากกว่า ดังนั้นแม่ถึงได้มาหาหนูไง”

ฉินหว่านส่ายหัวทันที“แม่คะ แม่พูดถึงอะไร!หนูเป็นลูกสาวแม่นะ ไม่มีเหตุผลอะไรเพื่อหนู หรือเพื่อแม่ พวกเราจะคิดหาวิธีด้วยกันค่ะ”

……

ฉินซีไม่ได้นึกถึงเสียงกระซิบที่“อบอุ่น”ของสองแม่ลูก เธอตามลู่เซิ่น อย่างมึนๆ งงๆ

เวลาย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว

พวกเขาลงจากรถ ในลานจอดรถของโรงพยาบาล หลินหยังไม่ได้ตามออกมา มีเพียงแค่เธอและลู่เซิ่น

โรงพยาบาลนี้ค่อนข้างใหญ่ ระหว่างตึกอาคารมีสวนดอกไม้ มองดูแวบแรกดูไม่เหมือนกับเป็นโรงพยาบาล แต่ดูเหมือนสถานที่ท่องเที่ยว

แต่ฉินซีไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามในขณะนี้

เป็นเพราะ……ระยะทางที่ไกลเกินไป และรองเท้าส้นสูงของเธอที่สูงเกินไป ยิ่งเดินก็ยิ่งเหนื่อย คิดแต่เพียงอยากให้ถึงเร็วๆ แล้วรีบหาที่นั่งพักสักครู่

โชคดีที่ลู่เซิ่น ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี เขาเดินตามทางไปเรื่อยๆ ราวกับว่าเขากำลังใช้ทางลัด

ทั้งสองคน เดินมากกว่าสิบนาที ในที่สุดก็เดินมาถึงหน้าตึก

ลู่เซิ่นหันหน้าไปมองฉินซีอย่างละเอียด ก่อนที่จะถามว่า“คุณคิดว่าโรงพยาบาลนี้เป็นยังไงบ้าง?”

ฉินซีอธิบายไม่ถูก“โรงพยาบาล……ดีทีเดียวเลยค่ะ”

มีความคิดเห็นอย่างไรกับโรงพยาบาลเหรอ

ในความคิดเห็นของเธอ โรงพยาบาลไม่มีความแตกต่าง ระหว่างโรงพยาบาลที่ดีและไม่ดี สิ่งสำคัญที่สุดคือ หมอเป็นยังไง!

แต่ลู่เซิ่นไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของเธอ แล้วหมุนตัวเดินต่อไป

ฉินซีไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงทำได้แค่ตามไป

ทำไมถึงรู้สึกว่าลู่เซิ่นเหมือนจะโกรธ?

มีอะไรให้ต้องโกรธ?เป็นไปได้ไหม ที่ลู่เซิ่นจะลงทุนกับโรงพยาบาลแห่งนี้ และตัวเธอเองไม่ได้กล่าวชมเหรอ?

ของแบบนี้ใครจะไปรู้ได้ล่ะ!

ฉินซีมุ่ยปาก ความคิดของลู่เซิ่นยากที่จะคาดเดา

หลังจากออกจากลิฟต์ ลู่เซิ่นก็หันซ้ายหันขวา แล้วเดินต่อไปได้สักพัก เมื่อตอนที่ฉินซีกำลังจะพูดกับเขา ว่าจะขอพักสักครู่หนึ่ง ลู่เซิ่นก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน

ฉินซีมองไปที่ป้ายที่ประตู

“แผนกประสาทวิทยา แพทย์ผู้รับผิดชอบ เวินจิ้ง”

“แผนกประสาทวิทยา?”ฉินซีไม่มีคำพูด แล้วมองไปที่ลู่เซิ่น“บนใบหน้าของฉันมีรอยถลอกนิดหน่อย ไม่ถึงกับต้องมาถึงแผนกประสาทวิทยาก็ได้นะ!ถ้าจะต้องไป ก็ต้องไปที่แผนกศัลยกรรมถึงจะถูก?”

ลู่เซิ่นกลับเพิกเฉยต่อการประท้วงของเธอ ยื่นมือออกไปโอบเอวของเธอ แล้วกอดเธอไว้พาเข้าไปในห้องให้คำปรึกษา

ฉินซีเงยหน้าขึ้น และเห็นเวินจิ้งที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ

ผมของเธอถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อย มีเสื้อคลุมสีขาวสะอาด เต็มไปด้วยอารมณ์อ่อนโยน ถึงแม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากสีขาว และเผยให้เห็นแค่ดวงตาคู่หนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถหยุดออร่าอันอ่อนโยนนั้นได้

บางที่อาจจะเป็นเพราะ ผนังสีขาวของห้องปรึกษาของโรงพยาบาล หรือกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ฉินซีมีความรู้สึกที่คลุมเครือและคุ้นเคย ราวกับว่าตัวเธอเองเคยอยู่ที่นี่มาก่อน

สายตาที่สับสนอยู่เล็กน้อย ปรากฏขึ้นในดวงตาของฉินซี และก็มองกลับไปที่ลู่เซิ่น อย่างไม่รู้ตัว

และลู่เซิ่นก็ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในโรงพยาบาล ก็มองดูฉินซีไม่หยุด เมื่อเธอหันหน้ากลับมา ทั้งสองก็ประสานสายตากัน

แต่ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร

ลู่เซิ่นดูเหมือนจะมีคำพูดมากมาย ที่อยากจะพูดออกมา แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไม่ออก และฉินซีก็รู้สึกว่าตัวเธอเองอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้

บรรยากาศแปลกขึ้นเล็กน้อย

ในที่สุดเวินจิ้งก็ทำลายความเงียบ“ขอโทษนะ……ท่านไหนต้องการที่จะรับการรักษาคะ?”

ลู่เซิ่นที่เรียกสติกลับคืนมาได้ก่อน แล้วผลักฉินซี “เธอ ใบหน้าของเธอมีรอยถลอกน่ะ”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว และมองไปที่ฉินซีอย่างละเอียด แล้วพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง“นี่เป็นเพียงบาดแผลเล็กๆ ถ้าพวกคุณมาช้ากว่านี้อีกนิด อาจจะได้รักษามันด้วยตัวเองนะ”

ฉินซีในที่สุดที่เรียกสติกลับคืนมาได้ ก็ตอบว่า“ฉันก็บอกแล้วว่ามันเป็นแผลเล็กๆ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาถึงที่นี่เลย!”

ลู่เซิ่นไม่ได้รับผลกระทบเลย จากสิ่งที่ทั้งสองคนพูด“ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่บาดแผลเล็กๆ ก็ต้องได้รับการรักษาที่ดี ไม่ใช่เหรอ?”

ฉินซีตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง

ประโยคนี้……ทำไมถึงฟังดูคุ้นๆ ยังไงนะ?

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่คำที่มีความหมายที่พิเศษอะไร แต่น้ำเสียงและการออกเสียง ในคำพูดของลู่เซิ่น ก็ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่อาจบรรยายได้ ราวกับว่าเธอเคยได้ยินมันด้วยหูของเธอเอง

“……แล้วความคิดเห็นของผู้ป่วยล่ะ?”เวินจิ้งตบหลังมือของฉินซีเบาๆ หลังจากที่สติ และเรียกความทรงจำในอดีตให้กลับมา

“ขอโทษค่ะ เมื่อกี้ฉันสติหลุดลอยไป”

เวินจิ้งเกือบที่จะพูดไม่ออก แต่เธอก็ยังพูดย้ำเบาๆ ว่า“ความเห็นของฉันคือบาดแผลนั้นเล็กมาก และไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งสิ้น แต่สุภาพบุรษท่านนี้ ยืนยันที่จะให้เย็บแผล ฉันจึงต้องถามความคิดเห็นของคุณ”

เมื่อรับรู้ถึงดวงตาที่ลุกโชนของลู่เซิ่น ที่อยู่ด้านหลัง ฉินซีก็จับหน้า และถามหนึ่งคำถามอย่างจริงจัง“คุณหมอคะ ฉันจะเสียโฉมไหมคะ?”

เวินจิ้งหัวเราะ“ไม่ค่ะ”

ฉินซีคลายมือออก“ถ้ามันทำให้หายเร็วขึ้น ก็ทำเถอะค่ะ!”

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset