flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 925 ตรวจสอบ

บทที่ 925 ตรวจสอบ

ความจริงแล้วฉินซีมีความรู้สึกที่ค่อนข้างจะคลุมเครือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่ลู่เซิ่นปฏิบัติต่อเธอเลย

ถึงอย่างไรพวกเราทั้งสองคนก็อาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ถึงแม้ว่าในวันปกติจะไม่มีคนเข้าไปในห้องมืดที่ฉินซีใช้ทำงานของหน่วยข่าวกรอง แต่ในเมื่อลู่เซิ่นสามารถส่งคนมาคอยติดตามเธอได้ตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่เธอยังไม่ได้พบเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ เธอก็ถูกคนคอยติดตามแล้วใช่ไหม

ฉินซีไม่มีคำตอบ

เรื่องที่ลู่เซิ่นสามารถทำได้ในประเทศ F มากมายจนเกินไป หากต้องการจะรู้ว่าเธอเป็นเพียงช่างภาพให้กับนิตยสาร หรือว่าแท้จริงแล้วทำงานให้กับหน่วยข่าวกรอง ก็เป็นเรื่องง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ

แต่ไม่ว่าลู่เซิ่นจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่นั้น เขาก็ไม่เคยแสดงความเรื่องงานของเธอต่อหน้าเธอเลย และฉินซีก็มีความสุขมากเช่นกัน

ถ้าลู่เซิ่นถามขึ้นมาจริงๆ เธอก็คงต้องโกหกเขา เช่นนั้นแล้วคงลำบากมาก ๆ

ฉินซียักไหล่ เอาความคิดเรื่องของลู่เซิ่นโยนออกไปจากสมอง จากนั้นก็กลับไปให้ความสนใจกับบันทึกจากกล้องวงจรปิดที่ว่างเปล่าตรงหน้า

มีวิธีอื่นอีกไหมนะ…

การตรวจสอบดูเหมือนจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ คล้ายกับว่าฉินซีคิดหาวิธีใหม่ไม่ออก ทำได้เพียงวางทุกอย่างลงชั่วคราวอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ

ดูเหมือนว่าอานหยันจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว ฉินซีจึงไม่ไปรบกวนเธอ หยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนแขก

แน่นอนว่าบ้านของอานหยันเทียบกับรีสอร์ทชิงหยวนไม่ได้ ห้องน้ำก็ค่อนข้างที่จะแคบ ตอนที่ฉินซีหันไปหยิบผ้าขนหนูในห้องอาบน้ำก็เกือบชนเข้ากับประตูกระจก

โชคดีที่เธอถอยหลังกลับไปทัน ก็เลยสามารถหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะสัมผัสใกล้ชิดกับประตูกระจกได้

เธอมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจก ทันใดนั้นก็นิ่งไปพักหนึ่ง

ด้านหน้าประตูหลักของโรงแรมไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ใกล้ ๆ โรงแรมมีร้านค้าอยู่ บางทีเจ้าของร้านบางคนอาจจะเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดเอาไว้มากกว่าหนึ่งปีก็ได้

ถ้าเธอจำไม่ผิด ชั้นหนึ่งของโรงแรมเป็นกำแพงกระจกบานใหญ่ สามารถสะท้อนภาพคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างชัดเจน

หากร้านค้าที่อยู่แถวนั้นมีมุมที่สามารถมองเห็นกำแพงกระจกตรงประตูทางเข้าของโรงแรม ก็น่าจะถ่ายภาพของคนที่เข้ามาเอาไว้ได้…

ฉินซีตรัสรู้ขึ้นมาในทันที เธอรีบสวมเสื้อคลุมแล้วพุ่งตัวกลับไปที่ห้องหนังสือ

เพราะว่าใช้งานมานาน คอมพิวเตอร์เลยเริ่มที่จะร้อนขึ้นมานิดหน่อย

ฉินซีเปิดแผนภาพ จากนั้นก็เลือกกล้องวงจรปิดจากร้านค้าตามหัวมุมสองสามร้าน

เธอเปิดมันอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่สุดท้ายกลับต้องผิดหวังครั้งใหญ่

วันศุกร์นั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใส แสงอาทิตย์ส่องสะท้อนลงบนผนังกระจก ทำให้กล้องวงจรปิดที่อยู่รอบข้างมองเห็นคนที่เข้าออกโรงแรมได้ไม่ชัดเจน หลังจากนั้นก็ยังมีฝนตกห่าใหญ่ ฝนทำให้วิสัยทัศน์ในการมองลดลงมาก คนที่เดินเข้าออกล้วนกางร่ม ทำให้ยากที่จะแยกแยะว่าใครเป็นใคร

ความผิดหวังปรากฏชัดบนใบหน้า

ถึงแม้ตอนแรกเธอจะไม่คาดหวังว่าจะได้พบข้อมูลสำคัญที่จะเป็นกุญแจ แต่พอเพิ่งจะได้สืบหาวันแรกก็เกือบจะพบเข้ากับทางตัน ทำให้เธอรู้สึกถึงความพ่ายแพ้เกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ

เธอถอนหายใจยาวด้วยความผิดหวัง เผลอไปเลื่อนจนขยับเมาส์โดยไม่รู้ตัว หน้าเว็บจึงเปลี่ยนกลับไปเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม

ฉินซีรู้ดีว่ามันยากที่จะหาเบาะแสจากที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดจะดูอย่างละเอียดอีก ตอนที่กำลังยื่นมือออกไปเพื่อที่จะกดปิด ทันใดนั้นก็ได้เห็นสัญลักษณ์ที่อยู่ข้าง ๆ

นั่นก็คือโลโก้ของโรงแรม

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

โลโก้นี้…ดูเหมือนว่ามีแค่โรงแรมในเครือบางแห่งเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้

เท่าที่เธอรู้ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าโรงแรมนี้มีดำเนินการสร้างอย่างเป็นเอกเทศ แล้วทำไมถึงมีโลโก้นี้ได้

ดังนั้นเธอจึงขมวดคิ้ว แล้วทำการสืบค้นข้อมูลของโรงแรมแห่งนี้

การสืบหาครั้งนี้ไม่สำคัญแล้ว เพราะเธอได้พบกับปัญหาใหญ่ที่แท้จริง

…โรงแรมแห่งนี้เปลี่ยนเจ้าของเมื่อครึ่งปีก่อน ถูกขายให้กับโรงแรมในกลุ่มแฟรนไชส์

ฉินซีไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะดูเงื่อนไขการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนพวกนั้น แต่ก็พอเข้าใจได้อย่างคร่าว ๆ ว่าเจ้าของโรงแรมนี้ขายโรงแรมไปเมื่อครึ่งปีก่อน แต่ดูจากหน้าตาของชื่อเสียงโรงแรม กลุ่มเครือข่ายเลยไม่ได้บังคับให้โรงแรมเปลี่ยนชื่อ

เพียงแต่เพิ่มคำนำหน้าเล็ก ๆ ตรงหน้าชื่อโรงแรม แล้วก็เปลี่ยนโลโก้ โรงแรมปิดให้บริการเป็นเวลาครึ่งเดือน หลังจากที่ตกแต่งปรับปรุงใหม่เสร็จ ก็เปิดให้บริการอีกครั้ง

ก็ไม่แปลกใจที่ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อครึ่งปีก่อน

หัวใจของฉินซีเย็นเยียบขึ้นไปอีกหลายส่วน

ถูกปรับปรุงใหม่แล้ว เจ้าของเองก็เปลี่ยนแล้ว แม้แต่พนักงานเองก็ไม่รู้ว่าถูกสับเปลี่ยนไปแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ตอนนี้แม้แต่พยานบุคคลกับพยานวัตถุก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนได้อีก

เธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกเดินกลับไปที่ห้องอย่างสิ้นหวัง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีเรื่องคดีของแม่ค้างคาอยู่ในใจ หรือเพราะว่าเตียงหลังนี้แคบกว่าเตียงที่ตระกูลลู่ ฉินซีจึงนอนไม่หลับ ทว่าหลังจากที่ไปพลิกมาอยู่ครึ่งค่อนคืน เธอก็ค่อย ๆ หลับไป

ตอนที่ตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น จึงมีรอยดำขนาดใหญ่อยู่ตรงใต้ตาทั้งสองข้าง

ทันทีที่อานหยันเห็นเข้า ก็ร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า “เมื่อคืนเธอแอบออกไปตีกับคนอื่นมาอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซียิ้มแล้วฟาดเธอไปทีหนึ่ง “อาจเป็นเพราะนอนไม่พอน่ะ”

อานหยันวางอาหารเช้าที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ “กินข้าวก่อนเถอะ!”

ฉินซีตอบรับคำแล้วนั่งลงข้างโต๊ะ

ตารางงานวันนี้ไม่แตกต่างจากเมื่อวานมากนัก ช่วงกลางวันก็สืบหาข้อมูลของบริษัทจ้าวซื่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ต่อ เพียงแต่การสืบหาข้อมูลของบริษัทผลิตยาจ้าวซื่อไม่ได้ยากเย็นเท่าเรื่องของเหยาหมิ่น เมื่อคืนนี้ฉินซีพบเรื่องการเปลี่ยนเจ้าของโรงแรมโดยบังเอิญ ในทางกลับกันมันจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ในการสืบหาเรื่องคดีของบริษัทจ้าวซื่อ

จ้าวหมิงเข้ามาซื้อหุ้นโรงแรมในเวลานี้พอดี

เขาคงไม่ได้มีแผนที่จะใช้โรงแรมนี้เป็นฐานในการทำธุรกิจหรอกใช่ไหม

ฉินซีมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องขยายขอบเขตการสืบสวนไปเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงครึ่งปีนี้แทน

การตรวจสอบของเมื่อวานนี้ช่วยให้ทั้งสองคนสามารถจำกัดขอบเขตของเวลาและสถานที่ให้แคบลงได้ หลังจากที่ทั้งสองคนยุ่งวุ่นวายอยู่ครึ่งวัน พวกเธอก็ได้อะไรมาจากเนื้อหาในกล้องวงจรปิดไม่น้อย

ตอนที่โรงแรมอยู่ในระหว่างการปรับปรุง จ้าวหมิงก็คอยมาตรวจสอบด้วยตัวเอง

ในช่วงเวลานั้นไม่มีคนอื่นอยู่ในโรงแรม การเคลื่อนไหวของเขาจึงมองเห็นได้ง่าย…เขามักจะไปที่ห้องสามห้องบน ชั้นแปด ชั้นเก้า และชั้นสิบ

การเคลื่อนไหวของเฉินยี้ ในภายหลังก็ไม่ต่างกัน

การค้นพบนี้ทำให้อานหยันมีความสุขเป็นอย่างมาก “เธอรู้เรื่องของโรงแรมได้ยังไง ทั้งที่ถูกขายไปแล้วแต่กลับยังไม่เปลี่ยนชื่อ ช่างทำให้คนคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ !”

ฉินซีส่ายหน้า “เมื่อคืนฉันตรวจสอบเรื่องของแม่เลยบังเอิญเจอ…”

เมื่ออานหยันเห็นเธอพูดถึงเรื่องคดีความของเหยาหมิ่นด้วยสีหน้ามืดครึ้มเป็นอย่างมาก จึงรู้ได้ทันทีว่าไม่มีความคืบหน้าอะไร ทำได้เพียงตบลงไปบนไหล่ของเธอ แล้วพูดปลอบใจว่า “ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ ไม่ต้องรีบร้อน”

ฉินซีพยักหน้าเบา ๆ

อานหยันลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เดี๋ยวฉันจะกลับไปดูกล้องวงจรปิดของชั้นแปดจนถึงชั้นสิบ คืนนี้…เธอก็ตรวจสอบเรื่องของคุณป้าต่อเถอะ”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย อาหยันแบมือออก “เดิมทีนี่ก็เป็นงานของพวกเราสองคน เพราะงั้นฉันก็ควรจะทำอะไรสักหน่อย เธออย่าทำหน้าแบบนั้นสิ! ถ้ารู้สึกไม่ดีจริง ๆ หลังจากเรื่องนี้ก็เลี้ยงข้าวฉันสักมื้อแล้วกัน”

ฉินซียิ้มเบา ๆ แล้วพยักหน้า “ได้”

อานหยันยืนขึ้นแล้วกลับไปที่ห้องของตัวเอง ฉินซีมองคอมพิวเตอร์ตรงหน้าพลางยิ้มเบา ๆ

เรื่องของเหยาหมิ่น ยังสามารถเริ่มสืบจากตรงไหนได้อีกนะ…

เธอถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นก็คลิกเข้าไปที่บันทึกการลงทะเบียนอีกครั้ง เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะพลาดข้อมูลที่เป็นกุญแจสำคัญบางอย่างไป

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset