ตอนที่ 1008 ภาพลวงตา
เมิ่งเทียน!
เมิ่งเทียนลอบโจมตีพวกเรา!
…
กองทัพอสูรและปีศาจเริ่มระวังตัวเป็นอย่างมากหลังจากที่ตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามถูกโจมตีแต่หมอกที่เริ่มหนาขึ้นทำให้พวกเขามองเห็นได้น้อยลง
มันส่งผลต่อการเคลื่อนทัพเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ส่งผลต่อตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามมากนัก
รีบตามมา! มู่ซิงขวดคิ้วและออกคำสั่ง กำแพงแสงเหนือหัวของเขาสว่างขึ้นกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าตัวตนระดับเทพเจ้ารวมไปถึงมู่ซิงไม่ได้สังเกตุการณ์เปลี่ยนแปลงของหมอกรอบๆ
พวกเขารีบตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยมีกองทัพอสูรและปีศาจตามไปไม่ห่าง ด้านฟางเจิ้งจือเขาสังเกตุเห็นบางอย่าง
มันเหมือนกับหิน
หินสีดำสนิท…
เขาคงไม่สนใจมันมากนักถ้าหินที่ปูทางเป็นหินธรรมดา
อย่างไรก็ตามเมื่อฟางเจิ้งจือเห็นพวกมันเขาต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เหตุผลก็คือ…
บนหินมีสัญลักษณ์พิเศษซึ่งเขาเคยเห็นมันมาก่อน
ที่ภูเขาสวรรค์หลังจากที่ประตูเทพเจ้าของเผ่าอสูรและปีศาจได้เปิดออก หินยักษ์สีดำได้ตกลงมาจากฟากฟ้า ซึ่งพวกมันมีสัญลักษณ์แบบเดียวกับหินสีดำในปราสาทแห่งนี้
กล่าวอีกอย่างคือหินที่ปูพื้นของปราสาทสีดำนั้นเหมือนกับหินที่ผนึกตัวตนระดับเทพเจ้าของเผ่าปีศาจและอสูรเอาไว้
มันเป็นไปได้ยังไง?! ฟางเจิ้งจือไม่เข้าใจ
ตามความคิดของเขาหินสีดำมันควรจะลอยอยู่ในอากาศและมีเพื่อผนึกตัวตนระดับเทพเจ้าเท่านั้น
ทำไมถึงมีหินแบบเดียวกันที่นี่?
หรือจะมีอสูรและปีศาจถูกผนึกอยู่ในปราสาทแห่งนี้อีก?
ไม่มีทาง!
ฟางเจิ้งจือต่อต้านความเป็นได้นี้เพราะหินสีดำมีจำนวนมากเกินไป ถ้าเกิดมีอสูรหรือปีศาจถูกผนึกอยู่จริงๆล่ะก็…ฟางเจิ้งจือไม่อยากนึกถึงจำนวนของพวกมันที่จะออกมาเลยแม้แต่น้อย
มันเป็นการคาดเดาที่น่ากลัวเกินไป
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะปฏิเสธความคิดนั้นแต่มันก็ทำให้เขานึกถึงบางเรื่อง
ปราสาทหินสีดำ….
มันน่าจะเกี่ยวข้องกับจักรวาล อย่างไรก็ตามถ้ามันเกี่ยวข้องกับจักรวาลจริงๆทำไมมันถึงปรากฎขึ้นที่ตีนเขาศาลาเต๋าสวรรค์?
มันควรจะอยู่ที่ภูเขาสวรรค์หรือเปล่า?
ยิ่งไปกว่านั้นปราสาทหินสีดำแห่งนี้ปรากฎขึ้นที่หลังประตูเทพเจ้าของเผ่าอสูรและปีศาจจะเปิดออก
เดี๋ยวนะ!
ศาลาเต๋าสวรรค์…
ปราสาทหินสีดำแห่งนี้ปรากฎขึ้นก่อน!
มันอาจจะเกี่ยวข้องกับหนานกงเฮา…
ฟางเจิ้งจือจำบางเรื่องได้หนานกงเฮาฆ่าเทียนซิงที่ศาลาเต๋าสวรรค์ จากนั้นเขาก็เปิดประตูสวรรค์!
ปราสาทแห่งนี้อาจจะออกมาจากประตูสวรรค์หรือก็คือประตูสวรรค์เชื่อมต่อกับจักรวาลด้านนอกเช่นกัน นั่นหมายความว่า…ปราสาทหินสีดำนี้เหมือนกับหินยักษ์สีดำที่ผนึกตัวตนระดับเทพเจ้าเอาไว้ด้านนอกจักรวาล! ฟางเจิ้งจือนึกออกในทันที
อย่างไรก็ตามมีอีกปัญหา
ตามตำนานในอดีตภัยพิบัติได้เกิดขึ้น มารดาแห่งโลกได้นำมนุษย์ อสูรและปีศาจเพื่อต่อกรกับภัยพิบัติเหล่านั้น
จากนั้นเพราะพลังที่อ่อนแอลงของนางมารดาแห่งโลกไม่สามารถส่งเหล่าตัวตนระดับเทพเจ้ากลับมาที่โลกได้ นางจึงผนึกพวกเขาไว้ในโลกแห่งจักรวาล
งั้นปราสาทหินสีดำแห่งนี้หมายถึงอะไร?
มันดูไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย!
ในเมื่อตัวตนระดับเทพเจ้าถูกผนึกไว้หมดแล้วเหตุผลที่ต้องมีปราสาทแห่งนี้คืออะไร?
ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นสถานที่ที่แปลกมาก
เดี๋ยวก่อน!
มีบางผิดปกติ!
ฟางเจิ้งจือจำได้ว่าปิงหยางเคยบอกว่ามู่ฉิงเฟิงจัดการประชุมพันธมิตรสวรรค์ขึ้นหลังจากเห็นบางอย่างในปราสาทหินสีดำ
ในขณะเดียวกันมีบันทึกกับเกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในอดีตอยู่ในปราสาทหินสีดำเช่นกัน
นั่นหมายความว่าปราสาทแห่งนี้น่าจะปรากฎขึ้นหลังจากที่มีภัยพิบัติพิสูจน์ได้จากฉินเซียน มู่ซิง และตัวตนระดับเทพเจ้าคนอื่นๆ
หลังจากที่มู่ซิงและตัวตนระดับเทพเจ้าคนอื่นๆเข้ามาในนี้พวกเขาดูไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้นัก
นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่รู้ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่เช่นกัน
ปราสาทหินสีดำถูกสร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภัยพับิตในอดีตจากนั้นมันก็ออกมาจากจักรวาลและปรากฎขึ้นบนโลก
ไม่มีทาง
เป็นไปได้ยังไง?
นั่นเป็นเพราะประตูเทพเจ้าที่ถูกเชื่อมต่อกับจักรวาลด้านนอกได้ปิดไปแล้วและหลังจากนั้นมารดาแห่งโลกดายตายลงอย่างไรก็ตามตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งหมดได้ถูกผนึก ใครกันที่สามารถไปสร้างปราสาทหินแหงนี้ขึ้นมาในโลกแห่งจักรวาลได้?
ยิ่งไปกว่านั้นวัสดุที่ใช้ในการสร้างยังเหมือนกับวัสดุที่ใช้ปิดผนึกตัวตนระดับเทพเจ้า
มันแปลกเกินไป
ช่างมันข้าสามารถยืนยันข้อสันนิษฐานได้หลังจากหาจารึกเหล่านั้นและอ่านสิ่งที่มันเขียนไว้ ฟางเจิ้งจือไม่ใช่คนที่หมกมุ่นกับอะไรมากนัก
ในเมื่อเขายังคิดไม่ออกก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของมันตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ทัพของปีศาจและอสูรก็ใกล้เข้ามาแล้ว
ฟางเจิ้งจือกำลังจะจับมือของปิงหยางอีกครั้งเพื่อรีบวิ่งไปข้างหน้าแต่เขากลับสัมผัสได้แต่ความว่างเปล่า …
เรื่องบัดซบอะไรอีก?!
ปิงหยางไปไหน?เขาไม่ได้บอกให้นางตามมางั้นรึ?
ฟางเจิ้งจือหันไปมองรอบๆทุกทิศทางจากนั้นเขาก็พบว่าปิงหยางวิ่งนำหน้าเขาไปแล้ว
นางวิ่งราวกับเป็นหมาบ้า
นางเร็วมาก
ในขณะที่นางวิ่งนางโบกหอกเพลิงฉีหลินในมือและตะโกนออกมา ข้าเป็นเทพสงครามผู้อยู่บนจุดสูงสุดของโลก ตายให้หมดเจ้าพวกปีศาจและอสูร!
… ฟางเจิ้งจือพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าปิงหยางถูกครอบงำโดยเสียงที่เกิดขึ้นรอบๆและตกอยู่ในภวังค์
มันไม่ควรจะเกิดขึ้นแม้ปิงหยางจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าฟางเจิ้งจือ แต่นางก็อยู่ในระดับเซียน หากฟางเจิ้งจือเดาไม่ผิดที่นางได้รับผลกระทบจากภาพลวงตาอาจจะเป็นเพราะวิธีที่ใช้ในการเข้าสู่ระดับเซียนของนางนางเข้าสู่ระดับเซียนเร็วเกินไป รากฐานของนางยังไม่มั่นคงด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าแม้นางจะฝึกฝนมากมายที่หอคอยหลิงหยุนแต่สถาพจิตใจของนางยังไม่ได้รับการพัฒนามากนัก ฟางเจิ้งจือพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นและเตรียมจะไล่ตามปิงหยางไป อย่างไรก็ตามเขาต้องหยุดคิดเมื่อสัมผัสได้ว่าหยุนชิงวูเริ่มเคลื่อนไหว
เขาก้มหัวลงดู…
และเห็นหยุนชิงวูกำลังมองมาที่เขา
หืม?! ฟางเจิ้งจือสามารถเห็นบางสิ่งได้จากดวงตาของหยุนชิงวูที่สูญเสียความเยือกเย็นไปแล้ว
กลับกันมันกลับเต็มไปด้วยอารมณ์อันลุกโชน
หยุนชิงวูก็ตกอยู่ในภวังค์ด้วยงั้นรึ? ฟางเจิ้งจือไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่อย่างไรก็ตามเขาไม่แปลกใจเพราะระดับพลังของหยุนชิงวูนั้นต่ำมาก
นางอยู่เพียงระดับผนวกดาราเท่านั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางได้รับผลกระทบจากภาพลวงตา
ฟาง..ฟางเจิ้งจือข้า…ข้าต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเจ้า ในขณะที่พูดหยุนชิงวูก็ขยับตัวเข้ามาแนบชิดกับฟางเจิ้งจือมากขึ้น
ข้าพูดไปกี่ครั้งแล้วว่าข้าคือ… ฟางเจิ้งจือกำลังจะตอบนางแต่เขานึกขึ้นได้ว่านางกำลังอยู่ในภวังค์ เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรนางทั้งนั้น นางไม่มีทางจำสิ่งที่เกิดขึ้นในนี้ได้!
ข้า…ข้าไม่ได้เป็นคนนำทัพไปที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ…หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ…เป็นเพราะท่านพ่อของข้าออกคำสั่งให้พวกทหารเหล่านั้น… เสียงของหยุนชิงวูดังขึ้นอีกครั้ง
ฟางเจิ้งจือขมวดคิ้วเล็กน้อย ทหารไม่ได้รับคำสั่งจากหยุนชิงวู?มันเป็นคำสั่งของเจ้าปีศาจ มันจะเป็นไปได้ยังไง? เขาเห็นกับตาว่าหยุนชิงวูอยู่ที่นั่น!
เป็นไปได้ไหมที่นางอาจจะไม่ได้ตกอยู่ภายใต้ภาพลวงตา
มันอาจจะเป็นแผนของนาง!
ฟางเจิ้งจือรู้สึกว่าตัวเองควรระมัดระวังตัวมากขึ้นเป็นไปได้ว่าหยุนชิงวูอาจจะแสร้งทำเป็นตกอยู่ในภวังค์เพื่อให้ฟางเจิ้งจือปล่อยนาง
ไม่มีทาง
เขาไม่ใช่คนโง่
วันนั้นเมื่อข้ารู้…ข้ารีบไปที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือแต่หัวหน้าหมู่บ้านของเจ้าได้ตายไปแล้ว…ข้าทำได้แค่ช่วยพ่อและแม้ของเจ้า ข้า…
ฟางเจิ้งจือไม่สามารถทนสิ่งที่หยุนชิงวูกล่าวได้อีกคลื่นความโกรธครุกกรุ่นเต็มหัวใจของเขา หยุนชิงวูช่วยพ่อและแม่ของเขา?!
ไม่มีทางเขาไม่เชื่อเด็ดขาด!
นางต้องเล่นละครอยู่แน่ๆ! ฟางเจิ้งจือมั่นใจว่าหยุนชิงวูแสร้งทำ เขาต้องลองพิสูจน์!
หยุนชิงวูกลัวอะไรมากที่สุด?
พรหมจรรย์!
ฟางเจิ้งจือรู้เรื่องนี้ดีเขาจำได้ว่าเขาเคยใช้วิธีแบบนี้กับนาง
ถ้าเป็นปกติหยุนชิงวูไม่มีทางยอมทนแน่นอน
ลองแตะดีไหม?
แล้วดูปฏิกริยาของนาง?
ยิ่งไปกว่านั้นปิงหยางก็วิ่งอยู่ด้านหน้าถ้าไม่ใช่ตอนนี้เขาจะมีเวลาไหนทำได้อีก?
แต่มันจะเป็นการเอาเปรียบหยุนชิงวู?
ฟางเจิ้งจือกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแม้เขาจะไร้ยางอายแต่มันก็มีขีดจำกัด โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงนั้นต่างออกไป
เขาไม่คุ้นชินกับการเป็นคนเริ่มก่อนเท่าไรนัก
อืม…
งั้นเขาจะเริ่มจากใบหน้าก่อน!
ฟางเจิ้งจือไม่สามารถบังคับร่างกายของตัวเองให้ฉวยโอกาสจากหยุนชิงวูในตอนที่นางตกอยู่ในภวังค์ได้
มันผิดศีลธรรม
แม้หยุนชิงวูจะใช้ประโยชน์จากเขาบ่อยครั้งถ้าเขาทำเขาก็จะไม่ได้ต่างไปจากพวกปีศาจร้าย
สัมผัสใบหน้าคือขีดจำกัดของฟางเจิ้งจือ
เขาค่อยๆขยับนิ้วสัมผัสใบหน้าของนางมันทั้งเรียบและอ่อนนุ่ม นอกจากนั้นมันยังมีความอบอุ่นเล็กน้อย นิ้วของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
จากนั้นเรื่องตกตะลึงได้เกิดขึ้นเมื่อเขาสัมผัสใบหน้าของนาง หยุนชิงวู นางพลันดึงแขนของเขาไปกอดทันที
นางไม่ได้รั้งหน้าอกเอาไว้เหมือนเมื่อก่อน
แขนของเขาแนบชิดกับหน้าอกอันอ่อนนุ่มของนาง
ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ! ฟางเจิ้งจือต้องการจะอธิบายตัวเอง แต่หยุนชิงวูกอดแขนเขาแน่น จากนั้นใบหน้าอันอ่อนนุ่มของนางก็ถูเข้ากับมือของเขาโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากนางถูหน้ากับมือของเขานางก็ยื่นมือมาที่กางเกงของฟางเจิ้งจือ
ข้า…บัดซบ! ฟางเจิ้งจือได้สติหลังจากที่รู้ว่ากางเกงของเขาถูกหยุนชิงวูดึงลงมา
ฟางเจิ้งจือที่กำลังวิ่งและอุ้มหยุนชิงวูไปด้วยไม่คาดหวังว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นและเกือบสะดุดล้ม
ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าหยุนชิงวูต้องตกอยู่ในภวังค์แน่นอนตามปกติแล้วนางไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน นางกำลังทำบ้าอะไรเนี่ย?!
ยิ่งไปกว่านั้นสายตาจากศิษย์จำนวนมากรวมถึงโม่ฉานฉือตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสาม กองทัพอสูรและปีศาจที่ไล่ตามมาทันต่างเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมหยุนชิงวูถึงทำแบบนี้ในสถานการณ์เช่นนี้กัน?
……………………………………..