เช้าวันถัดมา
น้ำค้างเกาะตามใบไม้ รวมถึงสายลมที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นพัดผ่านไปทั่ว ในค่ายทหารขนาดใหญ่ ในดินแดนภูเขาทางใต้ ทหารกลุ่มหนึ่งยังคอยยืนตรวจตราด้วยความแข็งขัน
ภายในกระโจมทหารธรรมดาๆ
ฟาง เจิ้งจือ ยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะลุกออกจากเตียง เขามองไปรอบๆและตัดสินใจที่จะลองใช้ชีวิตเป็นทหารดินแดนภูเขาทางใต้สักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ควรหาอะไรใส่ท้อง
ขณะที่เขากำลังจะเดินออกมา ได้มีหอกสองด้ามขวางเขาไว้
“ห้ามออกไป!”
“แม้แต่มื้ออาหารของข้ายังต้องถูกควบคุมเลยงั้นรึ?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ทหารทั้ง2ด้วยความสับสน เขาไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพของดินแดนภูเขาทางใต้แล้วงั้นหรือ?
“หยุด องค์หญิงได้สั่งให้ ฟาง เจิ้งจือ ไปที่กระโจมของนางเพื่อสอบถามบางอย่าง!” ทันใดนั้นเองมีคนเดินเข้ามา ทหารนับร้อยรีบคุกเข่าลงทันที
“รับทราบ!” ทหารทั้งสองเก็บหอกทันที
ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขา คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร
อย่างไรก็ตาม …
ถ้าต่อต้านพวกเขา ก็มีเพียงทางเลือกเดียว คือปล่อยทุกอย่างให้ดำเนินต่อไป
เขาไม่มีความคิดดีๆแม้แต่น้อยในตอนนี้ ใครเป็นคนขอให้เขาเดินเข้ามาในค่ายทหารขององค์หญิง ฉาน ยู่ กันละ มันคงเป็นเพราะโชคชะตา
…
ในกระโจมทหารขององค์หญิง ฉาน ยู่ กำลังนอนอยู่บนหนังสัตว์สีทอง อย่างไรก็ตามชุดบนร่างของนางได้เปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว
มันเป็นเกราะที่ส่องแสงออกมาจางๆ ผสานเข้ากับสีผิวของนาง เผยให้เห็นความงดงามและสูงส่ง ภายใต้ความป่าเถื่อนของนาง
ฟาง เจิ้งจือ เองก็เห็นทันทีที่เข้ามา
อย่างไรก็ตาม เขายังคงเงียบ เพราะมีแม่ทัพกว่า 20 คนสวมชุดเกราะนั่งอยู่รอบๆด้วยท่าทีเคร่งขรึม
สอบสวนความผิดของเขางั้นรึ?
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าบรรยากาศนั้นดูแปลกๆไป เขาจึงปิดปากเงียบ
“ทำไมเจ้าไม่คุกเข่าเมื่อเจอองค์หญิงละ?” ร่องรอยแห่งความโกรธปรากฎขึ้นบนตาของแม่ทัพคนหนึ่ง เมื่อเห็นพฤติกรรมของ ฟาง เจิ้งจือ
“อ่า …เรื่องธรรมเนียม วัฒนธรรมพวกนี้ควรหายไปได้แล้ว แม้แต่ข้ายังไม่บ่นอะไรเลยและพวกเจ้าจะบ่นอะไรกัน?”ปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุก พร้อมกับเหลือบมองด้วยความรังเกียจ
“บังอาจ! เจ้าได้ทิ้งอาณาจักรตัวเองเพื่อความรุ่งโรจน์แล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นคนของดินแดนภูเขาทางใต้ ต้องปฏิบัติตามกฎของดินแดนภูเขาทางใต้ เจ้าจะทำอะไรตามใจไม่ได้… “
“เอาเถอะ ข้ามีคำถามจะถามเจ้า” ทันใดนั้นองค์หญิงก็พูดขึ้นมาและมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
“องค์หญิงโปรดถาม!” ฟาง เจิ้งจือ ตอบในทันที
“มีสองเสียงดังก้องอยู่ในหัวของข้า ข้าต้องการฟังความคิดเห็นของเจ้า เสียงแรกแม้ว่าดินแดนภูเขาทางใต้เป็นรัฐบรรณาการที่มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์มากมาย มีทั้งภูเขา ป่าไม้ และสัตว์ที่น่ากลัวจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นในทุกๆปีพวกเราต้องส่งม้ากว่าหมื่นตัวให้อาณาจักรเซี่ย ที่สำคัญที่สุดพวกเราต้องเป็นโล่ให้อาณาจักรเซี่ยเพื่อป้องกันภัยจากเผ่าปีศาจ มันไม่ยุติธรรมเลย” ขณะที่องค์หญิงพูด นางก็จ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
“มันไม่ยุติธรรมจริงๆ!”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย
“ใช่ เสียงที่สอง คือดินแดนภูเขาทางใต้มอบม้าให้และกับการที่อาณาจักรเซี่ยมอบอาหารและเสบียงต่างๆให้ ดินแดนของพวกเราทำหน้าที่เป็นโล่ให้กับอาณาจักรเซี่ย แต่อาณาจักรเซี่ยก็ได้ส่งคนมาสอนกฎแห่งเต๋าให้พวกเรา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยุติธรรมมาก !” องค์หญิงพูดต่อเมื่อเห็น ฟาง พยักหน้า
“ใช่มันยุติธรรมมาก!” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าอีกครั้ง
“… ” ปากขององค์หญิงเผยอเล็กน้อย มองไปยังการแสดงอันจริงใจของ ฟาง เจิ้งจือ นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปจริงๆ
ในทางกลับกันแม่ทัพกว่า 20 คนกลับส่ายหน้า อย่างน้อยเขาไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลยหรือไงกัน? หรือง่ายๆก็ไม่ต้องพูดอะไรออกมา
“องค์หญิงเชิญพูดต่อ” ฟาง เจิ้งจือ รอสักพักเมื่อเห็นว่าองค์หญิงไม่ได้พูดจึงกระตุ้นขึ้นมา
“พูดอะไรต่อ? ข้าพูดสิ่งที่ข้าต้องการถามหมดแล้ว!”
“โอ้ ในเมื่อท่านถามเสร็จหมดแล้ว ถ้าไม่มีอะไรอีกงั้นข้าขอตัว “เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ พูดจบ เขาก็หันหลังและเดินไปยังทางออกทันที
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” แม่ทัพตะโกนร้อง
“อะไรอีก?” ฟาง เจิ้งจือ หันกลับมาด้วยความสับสน
“ทำไมเจ้าไม่ตอบคำถามที่องค์หญิงถาม?”
“้ข้าได้ตอบไปแล้ว เจ้าไม่ได้ยิน? หรือเจ้ากำลังฝันอยู่?”
“เจ้า … เจ้าเรียกมันว่าคำตอบ?”
“งั้นช่วยสอนข้าหน่อยว่าแบบไหนเรียกว่าคำตอบ”
“คนที่องค์หญิงถามคือเจ้า!”
“ถูกต้อง องค์หญิงถามข้า ขาได้ตอบแล้ว ถ้าไม่มีอะไรอีก งั้นข้าก็ขอตัว “ฟาง เจิ้งจือ หันหน้ากลับมาอีกครั้ง
“… ” ทุกคนต่างพูดอะไรไม่ออก
“ฟาง เจิ้งจือ ข้าต้องการให้เจ้าเลือกหนึ่งในสองอันนี้” ในที่สุดองค์หญิงก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“องค์หญิงข้าไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับอาณาจักรพวกนี้ ทำไมท่านไม่ถามพวกแม่ทัพละ อย่ามาถามทหารตัวเล็กๆแบบข้าเลย?” ฟาง เจิ้งจือ ตอบด้วยความอึมครึม
“ฟาง เจิ้งจือ ข้าจริงจังนะ!”
“้ข้าเองก็ตอบอย่างจริงจังมาก!”
“ใครมาพาเขาออกไปประหารที!”
“รอเดี๋ยว หลังจากคิดมาสักพักแล้ว ข้าวาคำตอบพวกนั้นผิดพลาด มันยังสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้อีก ” ฟาง เจิ้งจือ รีบยิ้มออกมาอย่างสดใสทันที
“งั้นรึ? แต่ข้าคิดว่าคงไม่ต้องพูดถึงมันแล้วมั้ง!”
“มีปัญหาแน่นอน!”
“กับเจ้านะรึ?”
“… ” ฟาง เจิ้งจือ ผงะไป ในที่สุดเขาก็มองไปที่องค์หญิง ฉาน ยู่ ที่ตอนนี้ลุกขนมาอย่างจริงจัง เห็นได้ว่าท่าทีขององค์หญิงต่างจากวันก่อน ถ้าองค์หญิง ฉาน ยู่ วันก่อนร่าเริงชอบเล่นสนุกแล้วละก็ วันนี้องค์หญิงต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นางกลายเป็นผู้บัญชาการที่ชาญฉลาด
ผู้หญิงคนนี้คิดจะหลอกล่อเขา?
โชคดีที่เขาฉลาด
“องค์หญิง ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการจะตอบคำถาม แต่ไม่ว่าข้าจะตอบอะไรผลก็ออกมาเหมือนกันอยู่ดีคือตาย!”ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น
“ทำไมจะเป็นเช่นนั้นล่ะ?” รอยยิ้มจางๆปรากฎขึ้นมา เมื่อนางได้ยิน เห็นได้ชัดว่านางพอเดาเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว
“องค์หญิงพูดว่าท่านได้ยินเสียงสองเสียง ถ้าข้ากลายเป็นเสียงหนึ่งจริงๆ แน่นอนว่าอีกเสียงต้องหาทางฆ่าข้าแน่นอน เพราะข้าเป็นเพียงทหารต่ำต้อยไม่มีที่พึ่ง ถูกกลั่นแกล้งและเยาะเย้ย…ข้าไม่กล้าพูดหรอก!” ฟาง เจิ้งจือ ทำหน้าเศร้าขณะพูดราวกับน้ำตาจะไหลออกมา
“ไม่ต้องแสร้งทำเป็นน่าสงสารหรอก บอกมาว่าเจ้าต้องการอะไรถึงจะตอบข้า ” องค์หญิงไม่ตกป็นเหยื่อของ ฟาง เจิ้งจือ และโบกมือใส่
“ถ้าท่านแต่งตั้งข้าเป็นแม่ทัพเสือใหญ่และให้ทหารข้าสักแสนนาย ข้าจะตอบ!”
“เจ้าคิดว่ามันจะเกิดขึ้นรึไง?” องค์หญิงมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความดูถูก
“งั้นสักห้าหมื่นก็น่าจะได้”
“ฝันไปเถอะ!”
“แล้วอย่างน้อยห้าพันละ?”
“ห้าร้อยไม่มากไปกว่านั้น”
“ขอบคุณ องค์หญิง!” ฟาง เจิ้งจือ กัดฟัน เชี่ยเอ้ย อย่างน้อยมี500ก็ดีกว่าไม่มี
“พูด”
“ให้ข้าเล่าเรื่องหนึ่งให้องค์หญิงฟัง”
“นิทาน?”
“ใช่ กาลครั้งหนึ่งมีชายที่หิวโหยสองคนได้รับของมาจากผู้อาวุโสที่เมตตา อันหนึ่งเป็นคันเบ็ด อีกคนได้ตะกร้าใบใหญ่พร้อมกับปลาจำนวนมาก … ในที่สุดคนที่เลือกตะกร้าปลาก็ตายอยู่ข้างตะกร้า ในทางกลับกันคนที่ได้เบ็ดกลับจับปลากินทุกวันอย่างมีความสุข จบเรื่อง ” ฟาง เจิ้งจือ เลิกพูด
“นิทานแบบไหนกันเนี่ย?” แม่ทัพถามด้วยความสับสนมองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่พูดเสร็จแล้ว
“ให้ปลากับคนวันนี้เพื่อเขาจะอยู่สบายในวันนี้ สอนคนให้จับปลาเขาจะสบายไปตลอดชีวิต” ฟาง เจิ้งจือ ตอบ
“ให้ปลากับคนวันนี้เพื่อเขาจะอยู่สบายในวันนี้ สอนคนให้จับปลาเขาจะสบายไปตลอดชีวิต?” เหล่าแม่ทัพต่างทวรคำพูดนี้ซ้ำๆ ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
คิ้วขององค์หญิง ฉาน ยู่ ขมวดเข้าหากัน ดวงตาดำของนางเปล่’ประกายจางๆ หลังจากผ่านไปสักพักนางจึงถอนหายใจออกมา
“นี่เป็นคำตอบของเจ้า?”
“ใช่!” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
องค์หญิงกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ดวงตามืดของเธอกวาดไปทั่วยี่สิบนายพลยืนอยู่ที่ด้านข้าง สายตาของนางกวาดมองไปยังเหล่าแม่ทัพ หลังจากรออีกสิบห้านาที นางก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ฟาง เจิงจือ ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
“ข้าสามารถปฏิเสธได้หรือไม่?”
“ไม่”
“รับทราบ คำสั่งขององค์หญิงมีความหมายเทียบเท่าชีวิตของข้า แน่นอนว่าจะเติมเต็มความปรารถนาให้ท่านเอง ต่อให้ข้าตายอย่างน่ากลัว ข้าก็ไม่ใส่ใจ!”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ข้าต้องการให้เจ้าส่งจดหมายไปยังเมืองภูเขาเซียน!”
“ส่งจดหมาย? ไปยังเมืองภูเขาเซียน?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปยังเหล่าแม่ทัพและองค์หญิงด้วยความสับสน
การส่งจดหมาย ท่านต้องออกคำสั่งต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้เลยหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น …
ดูเหมือนแม่ทัพทุกคนจะรู้เรื่องนี้มานานแล้ว เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดขององค์หญิง พวกเขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไรออกมา แม้แต่ท่าทีก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย