ฟาง เจิ้งจือ ยังคงยืนนิ่งเงียบ “เจ้ามีปัญหาอะไรไหม?” องค์หญิง ถามขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ เงียบไป
“ไม่มีปัญหา แต่ …ข้าไม่คุ้นเคยกับเส้นทางและสภาพภูมิศาสตร์เท่าไร ยิ่งไปกว่านั้นมีสัตว์ร้ายที่น่ากลัวมากมาย ข้าเกรงว่าตัวเองจะอ่อนแอเกินไปจนทำจดหมายสูญหาย เมื่อถึงเวลานั้น … ” เห็นได้ชัดว่า ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในสถาการณ์ที่ลำบาก
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงให้ทหารห้าร้อยนายกับเจ้า” องค์หญิงเหมือนจะรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพูดแบบนี้
“ห้าร้อย? ข้าเกรงว่ามันคงไม่เพียงพแถ้าต้องเจอกับสัตว์ร้าย ” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวอีกครั้ง
“ถ้าพวกเขาเป็นทหารธรรมดาๆก็คงไม่พอ แต่ถ้าเป็นทหารหมาป่าเขาเหล็กของข้าก็เพียงพอแล้ว!” องค์หญิง ฉาน ยู่ พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“ทหารหมาป่าเขาเงิน!?” ฟาง เจิ้งจือ ผงะไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาเคยเห็นพวกนั้นมาก่อน
ตอนที่เขาถูกปิดกั้นทางหนีและถูกจับตัวมาให้องค์หญิง ฉาน ยู่ อย่างไรก็ตาม …
ทหารพวกนั้นไม่ใช่กองกำลังที่ดีที่สุดขององค์หญิงงั้นรึ?
มอบให้ ฟาง เจิ้งจือ?
เมื่อเทียบกับถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ในโลกเก่าของเขาแล้ว นี่มันยิ่งกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเหล่าแม่ทัพทั้งหมดได้ยิน พวกเขายังคงมีท่าทีสงบ
มันเป็นไปไม่ได้!
ข้าเป็น “คนนอก” ทำไมไม่มีคนคัดค้าน เมื่อองค์หญิงบอกจะมอบทหารหมาป่าเขาเหล็กให้เขากัน? เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้จริงๆ
เหมือนมีใครบางคนวิ่งมาบอกเขาว่าเขาเป็นลูกขององค์จักรพรรดิ และขอให้เขาขึ้นครองบัลลงก์!
ใครกันจะไม่ตกใจกับเรื่องนี้?!
ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนกล้าหาญมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่คนโง่ ที่จะร้องขอความตาย ดังนั้นเขารู้สึกว่าต้องมีปัญหาแน่นอน
แต่…
นี่มันอะไรกัน?
ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่องค์หญิง ฉาน ยู่ เขาอยากจะเดาอะไรบางอย่างจากท่าทีขององค์หญิงได้บ้าง อย่างไรก็ตามนอกจากร่างกายอันงดงามของนาง เขาไม่สามารถคาดเดาอะไรได้อีก
ท่าทีขององค์หญิงนั้นสงบเกินไป ราวกับนางกำลังพูดบางอย่างที่ดูเป็นเรื่องปกติมาก อย่างไรก็ตามด้วยเหตุนี้ทำให้ ฟาง เจิ้งจือ เดาว่าต้องมีเบื้อหลังอยู่แน่นอน
“อะไร? เจ้าไม่พอใจกับทหารหมาป่า 500 คนงั้นรึ?”องค์หญิงพูดอย่างสงสัย พร้อมแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ ยืนนิ่ง
“ใช่ ด้วยทหารหมาป่าเขาเงิน 500 คนนี้ที่ปกป้องเจ้า การเดินทางของเจ้าก็ปลอดภัยมากแล้ว!””
“เจ้าไม่คิดจะขอบคุณสักหน่อยรึ?”
เมื่อแม่ทัพรอบข้างได้ยินสิ่งที่ องค์หญิง พูดออกมา พวกเขาก็รีบกระตุ้น ฟาง เจิ้งจือ
“ขอบคุณองค์หญิง, ข้า …ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”ฟาง เจิ้งจือ ไม่ลังเลที่จะพูด เขากล่าวขอบคุณและถามคำถามทันที
“ว่ามา”
“หลังจากที่ข้าส่งจดหมายแล้ว “ข้ามีเรื่องอื่นต้องทำอีกหรือไม่?”
“เรื่องอื่นรึ?”เมื่อองคหญิงได้ยินสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ถาม สีหน้านางก็เปลี่ยนไป “ไม่มีเรื่องอื่น เจ้าสามารถอยู่ที่เมืองภูเขาเซียนแห่งไปก่อนได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
“เตรียมตัวได้ ทหารหมาป่าเขาเงินทั้งหมดพร้อมแล้ว” องค์หญิง ฉาน ยู่ เห็น ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้ารับแล้วออกคำสั่ง
“องค์หญิง”
“อะไรอีก?”
“มีเรื่องที่ข้าไม่รู้ว่าองค์หญิงจะตอบข้าได้ไหม แต่ข้าก็อยากจะถาม ” ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ลองถามมาสิ”
“องค์หญิงจงใจตั้งค่ายที่นี่เพื่อหาโอกาสโจมตีผู้เข้าร่วมการทดสอบของอาณาจักรเซี่ยอย่างงั้นรึ?”
“เจ้าสวะ! คนชั้นต่ำอย่างเจ้ากล้าถามคำถามแบบนี้ได้ยังไง?”เมื่อแม่ทัพได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ ถามเขาก็ยืนขึนแล้วตะโกนลั่น
“องค์หญิง ท่านตอบไม่ได้หรือ?”
“เจ้ามีสถานะอะไรถึงถามข้าแบบนี้?”องค์หญิงไม่ได้ตอบ ฟาง เจิ้งจือ ทันที แต่นางถามเขากลับ
“ฐานะของข้าเอง”
“เอาล่ะข้าตอบให้ได้ คำตอบของข้าคือ … ไม่!”
“ไม่!” ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขารู้ได้จากแววตาของนาง ว่านางพูดจริง
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้
ถ้าไม่ได้หาโอกาสโจมตีแล้วทำไมนางถึงตั้งค่ายที่นี่?
“เอาล่ะในเมื่อเจ้าถามคำถามของเจ้าและข้าก็ตอบแล้ว เจ้าออกไปได้!” องค์หญิงพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“รับทราบ”ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ถามอะไรอีก
เพราะเขาได้รู้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว สำหรับที่เขายังไม่สมควรจะรู้ ดูเหมือนว่า เขายังคงต้องอยู่ในความมืดต่อไป ดังนั้นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องถามอีก
ในทางกลับกัน องค์หญิง ฉาน ยู่ ดูเหมือนนางจะไม่ยากพูดอะไรอีกต่อไป นางหยิบหนังสัตว์ที่บอบบางออกมาก่อนจะวางไว้ด้านหน้า จากนั้นก็หยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนบนนั้น
เรื่องนี้ทำให้ ฟาง เจิ้งจือ สงสัยอีกครั้ง
“จดหมาย … เขียนตอนนี้งั้นรึ?”
ตอนแรก ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าจดหมายได้เตรียมไว้แล้วหรืออาจจะเป็นบางอย่างที่ต้องการให้เขาส่งมอบให้เมืองภูเขาเซียน อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นเรื่องนี้ มันทำให้ความคิดก่อนหน้าของเขาทั้งหมดหายไป
ไม่นานหลังจากนั้นองค์หญิง ฉาน ยู่ ก็เขียนเสร็จ
นางไม่ได้ใช้เวลามากนัก ดูเหมือนมันจะประกอบด้วยจำนวนคำไม่มาก
เมื่อเหล่าแม่ทัพรอบๆเห็นองค์หญิงเขียนจดหมายเสร็จอย่างรวดเร็ว พวกเขามองไปทาง ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกับรอยยิ้มอันเยือกเย็น
ฟาง เจิ้งจือ เองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเช่นกัน
เมื่อองค์หญิงเขียนจดหมายเสร็จแล้ว ฟาง เจิ้งจือ ก้าวเดินมาข้างหน้าเล็กน้อยทันที ก่อนที่เขาจะยื่นมือทั้งสองข้างออกไปรับจดหมาย
เขารีบกวาดตามองมันทันที บนซองมีคำเขียนไว้ว่า “เป็นความลับสำหรับองค์ราชาเท่านั้น” ขณะที่ด้านล่างเป็นชื่อขององค์หญิง ฉาน ยู่
เห็นได้ชัดว่าจดหมายฉบับนี้ เขียนชื่อผู้รับมานานแล้ว
ฟาง เจิ้งจือ เก็บจดหมายไว้ในมิติพิเศษ ก่อนจะหันหลังและเดินจากไป
ที่ทางเข้าของกระโจม มีทหารสวมชุดเกราะหวายยืนอยู่บนไหล่มีหนังสัตว์ประดับไว้เล็กน้อย ชายคนนั้นกำลังรอเขาอยู่เมื่อเขาเห็น ฟาง เจิ้งจือ ออกมา ก็รีบเดินมาหาอย่างรวดเร็ว
“ทหารฟาง ข้าเป็นหัวหน้าหน่วยหมาป่าเขาเงิน ข้าชื่อ เถิง ซือเซิง มีหน้าที่ปกป้องท่านผู้ส่งสารไปยังเมืองภูเขาเซียน!” เถิง ซือเซิง มอบธนูให้ ฟาง เจิ้งจือ ขณะที่เขาพูดออกมา
“ขอโทษที่รบกวนเจ้า” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
เถิง ซือเซิง นั้นไม่เหมือนกับนักรบคนอื่นๆในดินแดนภูเขาทางใต้ แขนของเขาไม่ไดมีกล้ามเนื้อมากนัก แต่กล้ามเนื้อของเขาเป็นทรงอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพลังของเขาไม่ธรรมดา
ยิ่งไปกว่านั้น เขาน่าจะเป็นคนที่เวลาระเบิดพลังออกมาจะมีพลังเป็นอย่างมาก
คนแบบนี้ นั้นมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกับหมาป่าเขาเงิน
ชุดเกราะของเขาเองก็ค่อนข้างแตกต่างจากทหารคนอื่นๆ ไม่เพียงแต่มันมีการออกแบบที่ดี แต่บนหน้าอกยังมีภาพวาดสีเงินเขียนอยู่
มันดูเหมือนจะเป็นหัวหมาป่า
…
ภายใต้การแนะนำของ เถิง ซือเซิง ฟาง เจิ้งจือ เดินผ่านค่ายไปที่ทางออกอย่างรวดเร็ว ข้างๆประตูค่าย มีทหารหมาป่าเขาเงินกว่า 500 นายยืนอยู่
เมื่อเห็น เถิง ซือเซิง เดินไป พวกเขาก็เปิดทางให้ทันที
หมาป่านับร้อยหอนออกมา ราวกับเป็นประเพธีที่มั่นต้องทำให้ เหมือนเป็นการต้อนรับผู้นำของพวกมัน
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นธรรมเนียมอะไร
อย่างไรก็ตามเขาพอสังเกตุเห็นได้ว่าขนที่ตัวหมาป่าตั้งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงพวกนี้
ท่าทีอันเอื่อยเฉื่อยของมันกลายเป็นกระตือรือร้นเตรียมพร้อมที่จะออกล่า
“ซือเซิง มันคือธรรมเนียมอะไรกัน?” ฟาง เจิ้งจือ ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น
“ท่านฟาง ไม่ใช่คนของภูเขาทางใต้เลยอาจจะไม่เข้าใจ พวกเราสื่อสารกับสัตว์ผ่านเสียง นี่เป็นภาษาหมาป่า ” เถิง ซือเซิง อธิบาย
ภาษาหมาป่า?
ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจขึ้นมาบ้าง
จากนั้นเขาก็นึกถึง ฉาน เจีย ที่เขาพบที่กลืนกินโลก ตอนที่เขาควบคุมหมาป่าเพลิงฟ้า เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ใช้เสียงจากขลุ่ยแทน
“งั้น แล้วถ้าเป็นขลุ่ย สามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ไหม?”ฟาง เจิ้งจือ ถามอีกครั้ง
“ขลุ่ย? ท่าทีของ เถิง ซือเซิง เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำถาม ก่อนที่เขาจะตอบออกมาเบาๆ”ขลุ่ยที่จริงสามารถทำได้ อย่างไรก็ตามนั่นคือการควบคุม… ไม่ใช่การสื่อสาร ดินแดนภูเขาทางใต้ไม่สนับสนุนการควบคุม คนและสัตว์นั้นเท่าเทียมัน พวกเราจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าอีกครั้ง
“ท่านผู้สงสาร ถ้าท่านไม่มีคำถามอะไรอีก ก็เตรียมตัวเดินทางได้แล้ว”เถิง ซือเซิง มองพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นพร้อมพูดกับ ฟาง เจิ้งจือ
“อืมได้”