ขณะที่หัวหน้าถิ่นฐานกำลังเตรียมเหล้าและของกินที่ห้องนั่งเล่นอยู่นั้น วู่ เฟิง ถูกพาตัวไปที่ห้องโดยหญิงสาวชาวดินแดนภูเขาทางใต้ 2 นาง
ถังไม้ขนาดใหญ่ถูกเตรียมไว้อยู่ด้านใน กลิ่นกุหลาบลอยขึ้นมาให้ได้กลิ่นจางๆจางน้ำในถังนั้น เมื่อก้มลงมองจะเห็นสมุนไพรชนิดต่างๆที่หาได้เฉพาะดินแดนภูเขาทางใต้
วู่ เฟิง เคยลองสมุนไพรเหล่านี้มาก่อนแล้ว การถูสมุนไพร่เหล่านี้เข้ากับตัวให้ความรู้สึกสดชื่นไม่น้อย มันเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างมีความสุข
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะรีรออีกต่อไป
เขาปล่อยให้หญิงสาวทั้ง 2 นางค่อยๆถอดชุดเกราะเขาออกจากร่างกาย รวมถึงเสื้อผ้าลำลองด้านในจนเขาเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวอยู่บนร่างเท่านั้น
นอกจากนั้นก็มีเพียงขลุ่ยหยกที่อยู่ในมือของเขา
หญิงสาวชาวดินแดนภูเขาทางใต้จ้องมองกันด้วยความเขินอาย จากนั้นคนหนึ่งก็ถอดกางเกงในของ วู่ เฟิง ออก ส่วนอีกคนหนึ่งกางมือทั้ง 2 ข้างออกเพื่อรอรับหยกของ วู่ เฟิง
เมื่อ วู่ เฟิง เห็นดังนี้ เขาเกิดความลังเลเล็กน้อย
“ข้าสามารถถือขลุ่ยเอาไว้ได้หรือไม่?” วู่ เฟิง ถามออกมา
“เรื่องนี้ …พวกเรา เตรียมที่วางอาวุธไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายในการทำพิธีนี้คือชำระสิ่งสกปรกออกทั้งจากร่างกายและจิตวิญญาน ตามประเพณีของพวกเราแล้วนั้น เมื่อเหล่านักรบออกเดินทางไปด้านนอก ร่างกายของพวกเขานั้นจะถูกชะโลมด้วยเลือดของสัตว์ร้าย เมื่อพวกเขากลับมา พวกเขาต้องชำระล้างเลือดเหล่านั้นออก อาวุธของท่านชิ้นนี้ …แน่นอนว่ามันก็เปื้อนเลือดมา คงจะดีกว่าถ้าท่านวางมันไว้ด้านข้าง” หญิงสาวนางหนึ่งอธิบายขึ้นมาหลังจากได้ยินคำถามของ วู่ เฟิง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำตามประเพณีของพวกท่านเถอะ แต่ช่วยวางไว้ใกล้ๆขาได้ไหม?”เมื่อ วู่ เฟิง ได้ยินเช่นนี้ เขาพยักหน้าอีกครั้ง
“ตามที่ท่านปราถนา งั้นข้าขอตัวไปหยิบที่วางอาวุธมาก่อน” หญิงสาวจากดินแดนภูเขาทางใต้พยักหน้า จากนั้นก็หันหลังและเดินออกไป ไม่นานนางก็กลับมาพร้อมกับที่วางอาวุธที่อยู่ในมือ
เมื่อ วู่ เฟิง เห็นที่วางอาวุธนั้นวางอยู่ใกลๆตัวเอง เขาก็ยืนขลุ่ยหยกในมือให้หญิงสาวนางนั้น จากนั้นเขาก็พุ่งตัวและกระโดดลงไปในถังไม้ทันที
น้ำสาดกระเซ็นออกมาทุกทิศทาง
ผมของหญิงสาวจากดินแดนภูเขาทางใต้เปียกโชกทันที
อย่างไรก็ตามพวกนางทั้งสองก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด แต่ใบหน้าของพวกนางกลับกลายเป็นสีแดงด้วยความอาย
ทั้งสองเดินไปที่ถังไม้อย่างระมัดระวัง มือของพวกนางทั้งสองตักสมุนไพรขึ้นมาและค่อยถูมันกับร่างกายของ วู่ เฟิง เบาๆ
วู่ เฟิง สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากน้ำและสดชื่นจากสมุนไพรที่พวกนางนำมาถูตัวเขา เขาเริ่มยิ้มออกมา ปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองนางบริการเขาตามแต่พวกนางต้องการ
บางที อาจจะเป็นเพราะว่ามันสบายเกินไป หรือเพราะว่าความระมัดระวังในหัวใจเขาค่อยๆลดลง เปลือกตาของ วู่ เฟิง ค่อยๆปิดลง หลังจากเหลือบไปมองขลุ่ยหยกของตัวเองที่วางอยู่อีกครั้งหนึ่ง
พีธีกรรมนั้นมี 2 ขั้นตอน
1 คือการอาบน้ำชำระล้าง 2 คือการเปลี่ยนชุด
หลังจากผ่านไป 15 นาที 1 ในหญิงสาวก็ได้หยุดลง
“ท่านแม่ทัพ เดี๋ยวข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้ท่านเปลี่ยน”
“อืม… ” วู่ เฟิง พยักหน้าออกมาเบาๆ เขายังคงเพลิดเพลินอยู่กับการนวดของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไป15นาที …
ผ่านไป30นาที …
อย่างไรก็ตามหญิงสาวนางนั้นที่ออกไปไม่ได้กลับมาอีกเลย
เรื่องนี้ทำให้ วู่ เฟิง สงสัยเล็กน้อย เขาเปิดตาขึ้นและเห็นหญิงสาวยืนอยู่ที่ประตู
นางถือชุดแบบพิเศษของดินแดนภูเขาทางใต้อยู่
นางยืนอยู่ตรงนั้นมาตลอดเวลา นางไม่กล้ารบกวนหรือทำให้เขาตกใจ
วู่ เฟิง ส่ายหน้าเบาๆ ความหวาดกลัวในใจเขาหายไปทันที
เขาคงระวังตัวมากเกินไป
แต่ขณะที่เขาจะบอกนางว่าเขาอาบน้ำเสร็จแล้วนั้น ในที่สุดเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างแปลกไป เพราะข้างหลังนางนั้นมีร่างของคนอื่นอยู่
เนื่องจากร่างนั้นถูกบังอยู่โดยหญิงสาวทำให้ วู่ เฟิง เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก
อย่างไรก็ตาม…
สิ่งที่ดูแปลกประหลาดคือร่างนั้นดูเหมือนจะนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายๆและเคี้ยวผลไม้ในมือไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเทเหล้าให้ตัวเองเป็นครั้งคราว
มันทำให้ วู่ เฟิง รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
เพราะตอนนี้ร่างของเขานั้นเปลือยเปล่า
ได้รับบริการจากหญิงสาวทั้ง 2 คนขณะที่ร่างของตัวเองนั้นเปลือยเปล่า แน่นอนว่าผู้ชายทุกคนต้องชอบมัน อย่างไรก็ตามการที่มีชายอีกคนมานั่งดูตัวเองถูขัดถูกตัวอยู่นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“นั่นใคร?!” วู่ เฟิง ตะโกนออกมาโดยสัญชาติญาน
“ดูเหมือนว่านายน้อยวู่ คงอาบน้ำเสร็จแล้ว?”เมื่อร่างนั้นได้ยินคำถามของ วู่ เฟิง ก็ได้ลุกจากเก้าอี้ขึ้นมาทันที พร้อมกับวางแก้วเหล้าไว้ที่โต๊ะ
วู่ เฟิง หัวใจเต้นรัวทันที
เขารู้สึกว่าเสียงนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน ราวกับเขาเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน อย่างไรก็ตามเขายังนึกไม่ออก
ในดินแดนภูเขาทางใต้…
มีใครที่เขารู้จักในถิ่นฐานราชสีห์คำรามด้วยงั้นรึ?
วู่ เฟิง พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะนึกให้ออก แต่ก็พบว่าเขาไม่มีคนที่เคยรู้จักที่นี่แม้แต่น้อย
ทันใดนั้นหญิงสาวที่บริการเขาอยู่ก็หยุดทุกอย่างลงอย่างช้าๆ จากนั้นนางก็เดินไปที่ประตูช้าๆ
ส่วนหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ตงประตูก็หันหลังและเดินตามออกไปทันที
“พวกเขาออกจากห้องไป?!” วู่ เฟิง ผงะไปเล็กน้อย เพราะผู้หญิงนางนั้นถือชุดไว้ในมือ มันไม่ใช่เสื้อผ้าที่จะเอาไว้ให้เขาสวมอย่างนั้นรึ?
ทันใดนั้นดวงตาของ วู่ เฟิง ก็เบิกกว้างขึ้นทันที ใบหน้าของเขาแข็งค้างไปอย่างสมบูรณ์
เพราะทันทีหญิงสาวชาวภูเขาทางใต้เดินออกจากห้องไป เขาก็นึกออกว่าเป็นใครที่อยู่ตรงประตู
เป็นเด็กหนุ่มที่สวมชุดลายเสือดาว เขาดูค่อนข้างอายุน้อยประมาณ 15-16 ปี เขาดูค่อนข้างผอมและมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนใบหน้า
เขาเคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้มาก่อน นอกจากนี้มันยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา!
“ฟาง… ฟาง เจิ้งจือ?!”คราวนี้ วู่ เฟิง รู้สึกตกใจอย่างแท้จริง
หลังจากที่เขาเห็นหญิงสาวชาวดินแดนภูเขาทางใต้เดินออกไป เขาก็คาดเดาถึงความเป็นไปได้อันมากมาย ตัวอย่างเช่นเขาถูกหลอกโดย เฉิน เฟยยู่ และตกลงสู่กับดัก
หรือคนที่อยู่ด้านหน้าอาจจะเป็นฑูตของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
แต่เขาไม่เคยคาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่าผู้ที่โผล่มาจะเป็น ฟาง เจิ้งจือ
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่ถิ่นฐานราชสีห์คำรามกัน?
มันไม่ถูกต้อง!
ไม่ใช่ว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้หรอกหรือ? หรือต่อให้เขาจะแอบเข้าร่วมการทดสอบ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาปรากฎตัวที่ถิ่นฐานราชสีห์คำรามของ เฉิน เฟยยู่!
เป็นไปได้ไหมที่ ฟาง เจิ้งจือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ เฉิน เฟยยู่?
ความเป็นไปได้ยิ่งต่ำลงกว่าเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ เฉิน เฟยยู่ น่าจะไปโจมตีถิ่นฐาน เหยียน เยว่ และ ฉือ ซุน ของเขาอยู่แน่นอน ไม่ใช่ว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องตามไปด้วยหรอกหรือ?
วู่ เฟิง ไม่เข้าใจความหมายของการที่ ฟาง เจิ้งจือ มาปรากฎตัวอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้เพียงเรื่องเดียว
มีอีกอย่างหนึ่งที่เขาเข้าใจมันอย่างชัดเจน
การที่ ฟาง เจิ้งจือ ปรากฎตัวขึ้นมาไม่ใช่เรื่องที่ดีแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงคิดจะพุ่งตัวออกจากถังไม้แล้หยิบขลุ่ยหยกของเขาที่วางอยู่ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม…
ขณะที่เขาเตรียมจะพุ่งออกไปนั้นเอง ท่าทีของเขากลับแข็งค้างอีกครั้ง
“หา? อยู่ที่ไหน … ขลุ่ยหยกของข้าอยู่ที่ไหนกัน?!”
“นายน้อยวู่คงกำลังหาสิ่งนี้อยู่ใช่ไหม? ไม่ต้องคิดมากข้าแค่อยากรู้อะไรนิดหน่อย ขอข้าทำการวิจัยมันเสร็จเรียบร้อยก่อน ข้าจะส่งคืนเจ้าทันทีเลย ” ฟาง เจิ้งจือ ดูเหมือน จะรู้อย่างชัดเจนว่า วู่ เฟิง กำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้นเอง วู่ เฟิง เหมือนจะสังเกตุเห็นว่าขลุ่ยหยกของตัวเองนั้น…
ถูกห้อยอยู่ที่เอวของ ฟาง เจิ้งจือ
“เจ้า…เอาขลุ่ยหยกข้าคืนมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้านะ!” หน้าอกของ วู่ เฟิง รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีขลุ่ยหยกพลังของเขาจะลดลงเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้มันเหมือนกรณีที่นักดาบที่ไร้ดาบ
และเมื่อเทียบกับกรณีนักดาบที่ไร้ดาบแล้วนั้น กรณีของ วู่ เฟิง นั้นตึงเครียดกว่ามาก
“ฮ่าฮ่า” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเบาๆ จากนั้นเขาก็หันหลังและหายตัวไป
“ฟาง เจิ้งจือ เจ้าอย่าหนีนะ!”ขณะที่ วู่ เฟิง กำลังจะพุ่งออกจากประตูไปนั้นเอง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดโชยมาจากทางประตู
มันทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย
ก่อนที่เขาจะมีเวลาคิดอะไรนั้นเอง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังมาจากข้างนอก
ทันใดนั้นหัวขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาที่หน้าประตู หัวของมันเหมือนหมาป่าแต่บนหัวของมันมีเขาสีเงินอันแหลมคมอยู่
ร่างของมันพยายามเบียดประตูเข้ามา จนขวางทางเข้าจนหมดสิ้น
บนหลังสัตว์ขนาดใหญ่นั้นมีทหารในชุดเกราะหวายอยู่ สีผิวเป็นสีดำ ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันได้รูป
“ทหาร…ทหารหมาป่าเขาเงิน!” วู่ เฟิง ตกใจเป็นอย่างมาก
แน่นอนเขารู้ว่ามันคืออะไร 1 ในกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนภูเขาทางใต้ หมาป่าเขาเงินแต่ละตัวนั้นเทียบได้กับผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์