Gate of God – ตอนที่ 397

มือของ เหยียน ซิว ขยับเล็กน้อย  หลังจากลงจากม้าแล้วเขาก็ยืนนิ่ง

เขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เงียบๆ  เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องการอะไร  ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ได้ตัดสินใจไปแล้ว เขาต้องพูดอะไรอีก?

 

ผู้เข้าสอบทุกคนต่างยืนนิ่ง จากนั้นก็มอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความดูถูกและเยาะเย้ย

พวกเขาคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ คงจะใช้วิธีไร้ยางอายแบบเดิม

 

แต่ตอนนี้…

ถ้าไม่ทำแบบนั้น แล้ว ฟาง เจิ้งจือ มีอะไรกัน?

 

ความสามารถ?

พลังระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นง?!

ช่างน่าขำขัน!

หนานกง เฮา อยู่ในระดับอภินิหารขั้นสูง  ถ้าสูแบบยุติธรรมแค่ วู่ เฟิง ที่มีขลุ่ยหยก ฟาง เจิ้งจือ ก็ยากที่จะเอาชนะแล้ว

“การต่อสู้ที่ยุติธรรม?  รนหาที่ตายชัดๆ!

 

“ทำไมพวกเราไม่มาพนันกันว่า ฟาง เจิ้งจือ จะตั้งรับได้สักกี่กระบวนท่า?

“กี่กระบวนท่า?!  เจ้าล้อเล่นหรือ?  แค่เขาทนได้สักรอบ ก็คงเอาไปคุยโม้ได้ครึ่งปีแล้ว

“นายน้อยหวังพูดถูก แม้แต่ เฉิน เฟยยู่ ยังตั้งรับได้แค่รอบเดียวฮ่าฮ่าฮ่า…”

“มามา ข้าจะเป็นคนจัดการเอง  ใครที่คิดว่าจะทนได้แค่รอบเดียววางเงินเดิมพันด้านซ้าย ใครคิดว่าทนได้สองถึงห้ารอบวางเงินเดิมพันฝั่งขวา“ผู้เข้าสอบคนหนึ่งอาสา

 

“ข้าเดิมพันหนึ่งครั้ง!

“ข้าด้วย!

“…”

 

“ทุกคนก็ประเมิณนายน้อยวู่ ต่ำไป  ไม่ใช่เขาหรอที่พาพวกเราผ่านหุบเขาสายลมมา?  ข้าขอพนันว่าสองครั้ง!” ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้น วู่ เฟิง ก็ก้าวเท้าออกมาและวางเงินหนึ่งร้อยเหรียญเงินลงไป

“นายน้อยวู่ ช่างใจกว้างจริงๆ!

“นี่ไม่มีอะไรเลย  นี่เป็นวิธีขอบคุณเขาที่ไดยิงลูกศรใส่ข้าถึงสองรอบ!” วู่ เฟิง โบกมือ

แม้ ฟาง เจิ้งจือ จะไม่ได้สนใจ แต่เขาก็ได้ยินเสียงพูดคุย  มันน่ารำคาญเหมือนแมลงวันที่บินข้างหู

“พวกโง่! ข้าจะแพ้ภายในหนึ่งกระบวนท่าได้ยังไง!”  ฟาง เจิ้งจือ หันไปพูดอย่างหยิ่งยะโสและชูนิ้วกลางใส่กลุ่มพวกเขา

ตอนนั้นเอง เหยียน ซิว ก็ลงจากม้าด้วยความเยือกเย็น  ก่อนจะเดินผ่านกลุ่มคนพร้อมกับถือพัดในมือ

ทำให้ผู้เข้าสอบคนอื่นๆปิดปากเงียบทันที

พวกเขาไม่กลัว ฟาง เจิ้งจือ  อย่างไรก็ตามสำหรับ เหยียน ซิว พวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัว  เพราะตระกูลเหยียนและเต๋าแห่งอาชูร่า

เหยียน ซิว มองไปที่ผ้าใบที่มีกองเงินวางอยู่  เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อานจะพูดออกมา

“ข้าจะวางเงินเดิมพันมากกว่าห้าครั้งไว้ที่ไหน?

 

“อะไรนะ?“ทุกคนตกใจ

“ข้าถามว่าจะวางเงินเดิมพันสำหรับมากกว่าห้าครั้งได้ที่ไหน?” เหยียน ซิว ถามอย่างหงุดหงิด

“ห้า? ห้ารอบ? เอ่อ …เจ้าวางมันไว้ตรงกลางได้ เหนือคำว่าพนัน”  ผู้จัดการพนันได้สติขึ้นมาหลังจากอยู่ในอาการตกใจ

“เอาล่ะงั้นข้าขอเดิมพันห้าหมื่น!” เหยียน ซิว ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก  เขาหยิบเอาเงินกระดาษจากที่อยู่ในเสื้อออกมาทันที

“ห้าหมื่น?!”

ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาคิดว่า เหยียน ซิว เดินมาพังการพนันของพวกเขา  พวกเขาไม่คิดว่า เหยียน ซิว จะมาวางเดิมพันที่แทบจะไม่มีโอกาสชนะเลย

 

เงิน …

เขามีเงินมากเกินไปหรือเปล่า?

มันเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวพวกเขา  แต่พวกเขาก็รีบลบมันออกทันที  ตระกูลเหยียน นั้นต้องร่ำรวยมากอยู่แล้ว

หลายคนคิดว่าที่ เหยียน ซิว ทำแบบนี้เพื่อเป็นการกระตุ้น ฟาง เจิ้งจือ

อย่างไรก็ตามมีอีกปัญหาหนึ่ง

เหยียน ซิว พนันว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทนได้มากกว่าห้าครั้ง แต่….

 

ไม่ชนะ!

ผู้เข้าสอบไม่ได้คิดอะไรมาก  เพราะพวกเขาคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางชนะอยู่แล้ว แค่ เหยียน ซิว พนันเท่านี้ก็นับว่าบ้าบิ่นมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไป

ความเชื่อใจอยู่ที่ไหน? มิตรภาพอยู่ที่ไหน?

ห้าครั้งและมากกว่า …

 

มันหมายความว่ายังไง?

ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกเป็นคำพูดได้  ถ้าให้เขาพูดคงเป็น “มิตรภาพนั้นช่างบอบบาง

ฟาง เจิ้งจือ เอามือทาบหน้าอกด้วยความเศร้า

 

ตรงนั้นมีกระจกป้องกันใจอยู่ ในนั้นมีดาบ ดาบที่เขาไม่เคยเอาออกมาใช้ถ้าไม่ได้อยู่ในอันตราย  ดาบนั้นชื่อว่าไร้ร่องรอย

ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ต้องใช้ทุกอย่างที่มี่เพื่อเพิ่มโอกาสในการต่อสู้ครั้งนี้!

 

เขาตะโกนชื่อมัน เสียงคำรามจางๆก็ดังขึ้นมา ไม่นานดาบก็ปรากฎอยู่ในมือของ ฟาง เจิ้งจือ  มันดูราวกับดาบธรรมดา แต่ตรงปลายกลับมีรอยเลือดสีม่วงอยู่

“ข้าเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวฟางจากหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ  ข้าไม่รู้ว่าตัวเองเข้าสู่ระดับสะท้อนสวรรค์ตอนไหน ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหน ดาบของข้าชื่อว่า ไร้ร่องรอย ข้าตั้งชื่อมันจากความสมบูรณ์แบบและหาได้ยาก ความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าของข้า…เอ่อ เดี๋ยวนะ…เต๋าทุกอย่างเป็นเต๋าของข้า!” ฟาง เจิ้งจือ โค้งคำนับและโบกดาบในมือ

 

“เขาพูดอะไรกัน!

“คนบ้าชัดๆ!

 

“ไร้ยางอาย!

ผู้เข้าสอบทุกคนพยายามจะเยาะเย้ย ฟาง เจิ้งจือ

อย่างไรก็ตาม หนานกง เฮา ไม่ได้มีท่าทีอะไรกับคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ แต่เขากลับทวนคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ

 

และแน่นอนว่า เขาต้องแก้ไขให้

“ทุกเต๋าล้วนเป็นเต๋าของข้า มันอาจจะเหมาะสมกับนิสัยเจ้า แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะรวบรวมดาวแห่งเต๋าไว้ในมิติพิเศษ  เท่าที่ข้ารู้ มีประมาณ 10 คนที่รวบรวมได้มากที่สุดน่าจะประมาณหนึ่งร้อยเต๋า  พวกเขาถือเป็นผู้เก่งกาจ แต่ไม่มีใครในพวกนั้นที่ได้เป็นเซียน! นายน้อยฟาง เจ้ามั่นใจแล้วใช่ไหมที่จะเดินไปบนถนนแห่งความตายนี้?” หนานกง เฮา ถามด้วยความจริงใจ

ฟาง เจิ้งจือ ตกตะลึง

 

ช่วงหนึ่งเขาเคยภูมิใจที่เก็บรวบรวมเต๋ามากมายไว้ในมิติพิเศษ

แต่ตอนนี้ หนานกง เฮา จะพูดกลายๆว่ามันไร้ประโยชน์!

ฟาง เจิ้งจือ หงุดหงิดเล็กน้อย  เขาได้ผ่านประสบการณ์มามากมายทั้งการต่อสู้ที่ภูเขาคังหลิงหรือในการทดสอบต่างๆ

มันคงสมเหตุสมผลถ้า…

เขาแข็งแกร่งเพราะเรียนรู้เต๋ามากมาย  เขาควรจะใกล้เข้าสู่ระดับอภินิหารได้แล้ว แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้นอย่างไรก็ตามเขายังไม่รู้สึกว่าเขาใกล้ชิด

หนานกง เฮา เป็นทายาทตระกูล หนานกง   มุมมองในการบ่มเพาะพลังของเขานั้นคนทั่วๆไปไม่สามารถเทียบได้

เช่นนั้น…

 

เดี๋ยวก่อน!

ฟาง เจิ้งจือ จำตอนที่อยู่กับ ฉือ กูเหยียน ที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือได้

นอกจาก เหยียน ซิว แล้ว ก็มี ฉือ กูเหยียน ที่รู้ว่าเขามีเต๋านับร้อยอยู่ในมิติพิเศษ

ตอนนั้น ฉือ กูเหยียน ได้ถาม…

“เจ้าอยากเอาชนะข้า?

ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงถาม แต่เขาได้รู้เรื่องหนึ่งจากนาง

เต๋าสามารถเติบโตได้

 

เขาต้องพัฒนาพวกมัน

 

มันเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้

 

ฟาง เจิ้งจือ ได้ลองทำมาตลอดช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา  เขาพยายามที่จะทำความเข้าใจเต๋าแต่ละอันให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ…

แต่ ตอนนี้ หนานกง เฮา กลับมาวิจารณ์วิธีที่เขาใช้?

ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่า หนานกง เฮา พูดเพราะมีจุดประสงค์หรือไม่ อย่างไรก็ตามเขารู้เรื่องหนึ่ง

ถ้าเขาเริ่มสงสัยตัวเองเพราะคำพูดของศัตรู เขาต้องแพ้ก่อนต่อสู้จริงแน่นอน

เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาเคยต่อสู้กันในการทดสอบด้านปัญญา  ผลคือเสมอ

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เพียง หนานกง เฮา พูดออกมาครั้งเดียว

 

เขาก็เสียเปรียบแล้ว  หนานกง เฮา มั่นใจในตัวเองมากกว่าเข้าใจเต๋าได้ดีที่สุด

ฟาง เจิ้งจือ นั้นรู้จุดอ่อนของตัวเอง

เขาไม่เคยไปโรงเรียน ไม่เคยได้รับการสอนอย่างเหมาะสม  ดังนั้นการบ่มเพาะพลังล้วนมาจากความคิดตัวเอง

 

นี่เป็นจุดอ่อนที่ทุกคนรู้

แต่ มีเพียง หนานกง เฮา ที่เลือกโจมตีจุดอ่อนนี้

 

ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าตัวเองต้องหาวิธีที่ทำให้ตัวเองกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง

เขาไม่สามารถพูดเรื่องเต๋าได้ เพราะจะเป็นการนำข้อด้อยของตัวเองออกมาพูด

 

เช่นนั้น…

ฟาง เจิ้งจือ จึงเลือกอีกทาง

“ข้าได้ยินมาว่าคนตระกูลหนานกง พูดอะไรชัดเจนเสมอ  แต่เจ้าไม่เห็นเป็นแบบนั้น?” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มพร้อมถามออกมา

เขารู้มาว่าตระกูล หนานกง รวบรวมข้อมูลและมีการส่งต่อรวมถึงติดต่อกันตลอดเวลา เห็นได้ชัดจากตอนที่ หนานกง มู่ เห็น หยิง ซาน

เขาเห็นครั้งแรกแต่ก็สามารถบอกทุกอย่างเกี่ยวกับ หยิง ซาน ได้หมด

“เจ้าหมายความว่าอะไร?” หนานกง เฮา ยิ้มเช่นกัน  มันเป็นรอยยิ้มที่สงบไม่แสดงให้เห็นคาวมโกรธอะไร

“เจ้าบอกว่ามีประมาณ 10 คนที่รวมรวมเต๋ามากกว่าหนึ่งร้อยอันไว้ เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?” ฟาง เจิ้งจือ ถาม

 

Gate of God

Gate of God

GoG, 神门
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Gate of Godเรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset