เมื่อลำแสงนั้นพุ่งลงมาที่พื้นดิน ทุกคนขยี้ตาด้วยความตกใจ
แม้แต่ หยุน ชิงวู ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางไม่คิดว่า ไป่ ซิง จะขัดคำสั่งของนางและยังคงทำวางแผนทำตามความตั้งใจของตัวเอง
อย่างไรก็ตามนางตระหนักได้อย่างรวดเร็ว…
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
แสงนี้ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป เต๋าของแต่ละคนมีส่วนที่แตกต่างกันชัดเจน แม้ว่า เต๋าของ ไป่ ซิง จะเป็นประกายและงดงามราวกับดวงดาว แต่มันก็แฝงไปด้วยความอันตราย
แต่…
แสงที่ส่องลงมานี้เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ มันราวกับกลุ่มดาวนับร้อยมารวมกันอยู่ที่นี่ ถ้าเต๋าของ ไป่ ซิง เหมือนเป็นดาวดวงเดียว
นี่เทียบได้ทั้งทางชางเผือก
“ใครกัน?” หยุน ชิงวู หันไปมองร่างนั้น อย่างไรก็ตามนางไม่ได้เคลื่อนไหวไปจากจุดเดิม ในฐานะนายน้อยของเหล่าปีศาจ นางไม่ควรถอยเด็ดขาด
วู่ ยี่ และเหล่าปีศาจมองไปที่ ไป่ ซิง แต่ความสนใจของพวกเขาได้เปลี่ยนไปที่ร่างที่พึ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว
รูปร่างที่งดงาม
นางไม่ได้สูงมากนัก อย่างไรก็ตามเมื่อนางปรากฎตัวขึ้นมา นางไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย
ชุดสีชมพูของนางพัดไปตามสายลม ขณะที่ผมนทอดยาวประบ่า
ดวงตาของนางสดใสเป็นอย่างมาก พูดให้ชัดเจนราวกับดวงตาของนางถูกสร้างขึ้นมาจากดวงดาวนับล้าน
ขาของนางเรียวยาว ผิวเนียนไร้ที่ติ ริมฝีปากของนางชุ่มฉ่ำ
หยุน ชิงวู นั้นงดงาม
แต่ความงดงามของนางมาจากภายในและบรรยากาศรอบๆตัวนาง แต่หญิงนางนี้ความงดงามของนางนั้นมาจากดวงตาและความสดใส
นางชื่อ …
ฉือ กูเหยียน!
“ฉือ กูเหยียน?!“ท่าทีของ หยุน ชิงวู เปลี่ยนไป ท่าทีของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
แต่ตอนนี้นางไม่ได้อยู่คนเดียว แม้แต่ ไป่ ซิง และ วู่ ยี่ รวมถึงเหล่าปีศาจ ต่างมองไปด้วยความไม่เชื่อ
เหล่าปีศาจชั้นสูงถอยหลังไปโดยสัญชาตญาน พวกเขาไม่ได้สังเกตุร่างกายของตัวเองแม้แต่น้อย
ถ้า หยุน ชิงวู เป็นหญิงสาวที่ทรงพลังที่สุดในหัวใจของพวกเขา
ฉือ กูเหยียน ก็เป็นดวงดาวที่สดใสที่สุดท่ามกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์ แค่ชื่อก็เพียงพอทำให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ
“ฉือ กูเหยียน!“
“เป็น ฉือ กูเหยียน!“
“นางมาที่นี่!“
ผู้เข้าสอบทุกคนมองไปที่ ฉือ กูเหยียน พวกเขาไม่ได้ถามว่าทำไมนางถึงมาที่นี่ หรือนางมาได้ยังไง
เพราะสำหรับนางแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง
หนานกง เฮา ยังคงถือดาบอยู่ในมือ มองดู ฉือ กูเหยียน เงียบๆ
ท่าทีของเขาแปลกไปเล็กน้อย
โดยปกติเมื่อผู้ชายคนหนึ่งมองผู้หญิงมีเพียงสองอารมณ์เท่านั้น นั่นคือชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น แต่ หนานกง เฮา ไม่ใช่ทั้งสองแบบนั้น
มันเหมือนทั้งสองอารมณ์ผสมปนเปกัน
“นาง…บรรลุแล้วเช่นกัน!” หนานกง เฮา ไม่ได้คิดถึงเหตุผลว่าทำไม ฉือ กูเหยียน ถึงมาที่นี่ ทั้งหมดที่เขาทำคือพูดอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครพูด
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สังเกตว่าเสียงของเขาสั่นตอนที่พูดมันออกมา ความจริงแล้วริมฝีปากของเขาก็สั่นเทาเช่นกัน
…
“โย่!“
ขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่อกับ ฉือ กูเหยียน เสียงแหลมๆอีกเสียงก็ดังขึ้น จากนั้นร่างสีขาวหิมะก็ปรากฎขึ้นเหนือก้อนเมฆ มันเป็นสัตว์ที่มีปีก
ดวงตาสีแดงเพลิงของมันจ้องมองลงมาด้านล่าง ขนของมันราวกับเกล็ดหิมะ รูปร่างของมันราวกับนกอินทรีย์
อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างหลักอย่างหนึ่ง มันมีหางยาวราวกับนกฟีนีกส์
อินทรีย์เหมันต์
มันเป็นสัตว์หายาก แม้แต่คนของราชวงศ์ใช่ว่าจะมีกันง่ายๆ
สายเลือดของมันแฝงไปด้วยเลือดของนกฟินิกส์ตั้งแต่ยุคโบราณ
นอกจากนี้…
มันสามารถบินผ่านสายลมที่รุนแรงได้ ทั้งพลังและความเร็วของมันหาสัตว์ชนิดอื่นเทียบได้ยากมาก
มันทั้งหายากและดุร้าย
มีคนขี่อยู่บนหลังของมัน นางสวมชุดเกราะสีแดง นางทำท่าทางหยิ่งยโสขณะที่มองลงมา
นางอายุน้อยกว่า ฉือ กูเหยียน
ปิง หยาง!
เจ้าหญิงที่องค์จักรพรรดิทรงโปรดปรานมากที่สุด
ปิง หยาง มองลงไปร่างของ ฟาง เจิ้งจือ นางยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย
“เจ้าไร้ยางอาย ดูเหมือนเจ้าจะต้องการความช่วยเหลือของข้านะ?“ปิง หยาง พูดออกมาแต่นางก็ไม่คิดจะลงมาจากหลังนกอินทรีย์
นี่เป็นข้อตกลง
ข้อตกลงที่ทำให้นางมาที่ดินแดนภูเขาทางใต้ได้
นางสัญญาไว้กับ ฉือ กูเหยียน และนางเป็นคนเดียวที่ ปิง หยาง เชื่อฟัง
ฉือ กูเหยียน ยังคงยืนอยู่เงียบๆขณะที่มองไปรอบๆ และสุดท้ายนางก็จ้องมองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่หมดสติอยู่
“ทิ้ง ฟาง เจิ้งจือ ไว้ พวกเจ้าถึงไปได้” ฉือ กูเหยียน พูด เสียงของนางไม่ได้ดังมากแต่มันไพเราะเป็นอย่างยิ่ง
มนุษย์คนหนึ่ง
ที่ยืนอยู่คนเดียวแต่กล้าเผชิญหน้ากับปีศาจนับสิบ
แต่สิ่งแรกที่นางพูดคือ “ทิ้ง ฟาง เจิ้งจือไว้…” ในสถานการณ์อื่นๆมันอาจจะดูตลก แต่ หยุน ชิงวู ไม่ได้หัวเราะออกมา
ไม่มีปีศาจตนไหนหัวเราะออกมา
เพราะคนที่พูดออกมาเป็น ฉือ กูเหยียน
“พวกเจ้าทั้งหมดสามารถไปได้ โดยทิ้ง ฟาง เจิ้งจือ ไว้ที่นี่” เสียงของ หยุน ชิงวู ไม่ได้ดังมากนัก นางพูดเหมือนกับ ฉือ กูเหยียน
แต่ความหมายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง
ฉือ กูเหยียน และ หยุน ชิงวู ไม่ได้พูด พวกเขารู้ว่ามันไม่จำเป็นต้องพูดอีกต่อไป
ลำแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เรื่อยๆ…
ไม่กี่นาทีทั่วท้องฟ้าก็สว่างจ้า พูดให้ชัดเจนคือเส้นแสงเหล่านั้นได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
แสงสีเงินพุ่งลงมาที่พื้นดิน ราวกับเป็นหยาดฝน
มันเป็นภาพที่งดงามมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อ วู่ ยี่ และเปล่าปีศาจเห็นเช่นนี้ ท่าทีของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ
ทันใดนั้น แสงก็ส่องออกมาจากร่างของเหล่าปีศาจ พวกมันมีสีที่ต่างกัน แต่มันเป็นพลังที่รุนแรงอย่างมาก
“ตูม!“
“ตูม ตูม ตูม.. “
เสียงระเบิดดังไปทั่วท้องฟ้า การระเบิดทุกครั้งมาพร้อมกับการสั่นสะเทือนที่น่ากลัว นอกจากนี้มันยังพัดพาลมที่หนาวเย็นมาปะทะกับร่างกายของทุกคน
ความรู้สึกนี้…
มันเหมือนกับว่าฝนที่ตกลงมากลายเป็นแสงทั้งหมด หรือพูดให้ชัดเจนคือฝนนั้นกลายเป็นดาบแสง
ล้านคมดาบ!
วิชาลับของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์
ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็นมันครั้งเดียว
เขาสามารถเข้าใจจุดสำคัญของวิชานี้ได้
หากเขาลืมตาขึ้นมาตอนนี้ เขาจะรู้ทันทีเช่นกันว่านี่เป็นวิชาล้านคมดาบ แต่เป็นรูปแบบของ ฉือ กูเหยียน
ฝนที่ตกอย่างรุนแรง!
ไม่สามารถกลายเป็นดาบแสงได้เอง
แต่ดาบแสงนั้นสามารถกลายเป็นฝนที่ตกหนักได้!
แสงของดาบแสงรวมกับแสงจากสายฟ้า
“ร่างทรงเต๋าสวรรค์”
“นี่คือพลังของร่างทรงเต๋าสวรรค์งั้นหรือ?!“
“ไม่ นี่ไม่ใช่เพียงเพราะนางเป็นร่างทรงเต๋าสวรรค์! ด้วยพลังเช่นนี้ …นางไม่ได้อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์แน่นอน!“
“ปกป้องนายน้อย!“
ปีศาจทุกตนต่างหน้าซีด พวกเขารู้ว่า ฉือ กูเหยียน นั้นทรงพลังแค่ไหนในอาณาจักรเซี่ย
นางเป็นอัจฉริยะลำดับต้นๆผู้ที่สามารถชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองได้ นางเป็นคนที่ถูกกล่าวถึงในคำทำนายศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องของอนาคต
ตอนนี้ …
นางควรจะอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ อย่างไรก็ตามดาบแสงที่ปรากฎออกมานั้นขัดแย้งกับความคิดของพวกเขาอย่าสิ้นเชิง นางสามารถทะลวงผ่านกำแพงขวางกั้นของระดับสะท้อนสวรรค์ได้แล้ว
“ระดับอภินิหาร!“
“นางอยู่ในระดับอภินิหารแล้ว?!“