หลังจากชายวัยกลางคนหยุดเคลื่อนไหว ก็สามารถได้ยินเสียงฝีเท้าของทหารนับร้อยได้จากในความมืด
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือทหารป้องกัน
ยิ่งไปกว่านั้นชุดเกราะของพวกเขายังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคือทหารของอาณาจักรเซี่ย
“ท่านรัฐมนตรีอยู่ที่นี่พร้อมกับสารจากองค์จักรพรรดิ เปิดประตู!”เสียงดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
“กรมพิธีการ?! ทำไมท่านรัฐมนตรีถึงมาอยู่ที่นี่?”มีหัวของผู้คนโผล่ออกมาจากกำแพงเมืองและมองลงไปอย่างสงสัย
“มีคำสั่งของจักรพรรดิ! เปิดประตู!“
“นั่นคือสารจากองค์จักรพรรดิจริงๆ รายงานไปยังท่าน ซิง เฮ่า เดี๋ยวนี้!“
…
แม้ว่าทหารของอาณาจักรเซี่ยจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ แต่ก็มีบางส่วนถูกขังอยู่
ประตูผ่านภูเขาถูกรุกรานและทหารบางส่วนถูกจับขังไว้ในคุก นอกจากนี้ องค์รัชทายาทและกองทัพของเขาถูกปิดล้อม
อาณาจักรเซี่ยไม่น่าจะสามารถส่งกองทัพมาช่วยพวเขาได้ในเร็วๆนี้
ดังนั้น…
ทหารกว่า 40,000 นายมีอยู่ 2 ทางเลือก พวกเขาสามารถรอกำลังเสริมอยู่ที่นี่ หรือไม่พวกเขาก็สามารถทำตามแผนเดิมและโจมตีจุดสำคัญของดินแดนภูเขาทางใต้
ตัวเลือกแรกนั้นไม่เลว พวกเขาสามารถลดการสูญเสียและเสบียงที่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็งยังใช้ได้อีกนาน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคนฉลาดคนไหนที่จะเลือกทางนี้
ถิ่นฐานวานรน้ำแข็งคืออะไร?
มันคือ 1 ใน 6 ถิ่นฐานหลักนอกจากเมืองภูเขาเซียน
มันคือดินแดนของศัตรู พูดให้ชัดเจนก็คือ อันตรายต่อชีวิตพวกเขามีอยู่ทุกหนแห่ง
แม้ว่าพวกเขาจะควบคุมถิ่นฐานวานรน้ำแข็งไว้ได้ แต่มันก็เป็นทั้งหมดที่พวกเขามี เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะลงหลักปัฐานอยู๋ที่นี่
พลเมืองที่นี่จะไม่ให้ความร่วมมือกับอาณาจักรเซี่ย กลับกันพวกเขาอาจจะทำให้ทุกอย่างวุ่นวายหรือก่อกวนการป้องกันของอาณาจักรเซี่ยด้วยซ้้ำ
นอกจากนี้…
ทั้งฤดูกาลและสภาพอากาศก็น่ากังวล
ฤดูหนาวกำลังมาถึงและทหารอาณาจักรเซี่ยเองก็ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับมัน ถ้าหากปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อต่อไปพวกเขาจะต้องหนาวตายเป็นแน่
ปล้น?
ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว อย่างไรก็ตามหากพวกเขาทำเช่นนั้นจริง ๆ ซิง หยวนกัว ต้องลงโทษพวกเขาอย่างแน่นอน
พวกเขาจึงเหลือเพียงทางเดียว
พุ่งตรงไปยังเมืองภูเขาเซียน
ทหาร 40,000 นายไม่ได้มีพลังที่แข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตามด้วย หน่วยเกราะมังกร และกองทัพทลายภูผา พวกเขาก็ยังคงพอมีโอกาส
แน่นอน…
พวกเขาต้องรีบเร่ง พวกเขาต้องรีบโจมตีก่อนที่ข่าวการเอาชนะดินแดนภูเขาทางใต้จะไปถึงเมืองภูเขาเซียน
พวกเขาต้องโจมตีก่อนที่ฝ่ายศัตรูจะตั้งตัวได้ทัน
พวกเขาต้องรีบเข้าโจมตีเมืองภูเขาเซียนและคว้าชัยชนะมาใหัอาณาจักรเซี่ย
อันที่จริงนี่เป็นแผนของจักรพรรดิตั้งแต่แรก แน่นอนว่าด้วยจำนวนทหารที่ไม่เพียงพอ แต่ถ้าจะให้อาณาจักรเซี่ยส่งทหารไปนับแสน…
นั่นคงเป็นไปไม่ได้
โดยไม่คำนึงถึงการสูญเสียและสิ่งที่ต้องแลก ในสถานที่กว้างใหญ่ที่เราไม่รู้จักนั้น มันเหมือนกับการโยนสิงโตนับพันเข้าไปในป่า
พวกเขาไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศ รวมไปถึงสัตว์ดุร้ายทั่วทุกพื้นที่ การต่อสู้ครั้งนี้คงจะต้องยืดยาวน่าดู
ดินแดนภูเขาทางใต้สามารถทำได้
แต่อาณาจักรเซี่ยไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าอาณาจักรจะมีกำลังมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถใช้กองทัพทั้งหมดในสงครามเดียวได้
เพราะแบบนั้น สิ่งนี้ทำให้มันเป็นสงครามที่ไม่เต็มกำลัง
ตามแผนแต่เดิมการพบกันครั้งสุดท้ายจะเป็นที่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง องค์รัชทายาทจะนำกองทัพที่แข็งแกร่งกว่า 100,000 นายมาที่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง
ในขณะที่ทุกคนมัวแต่ให้ความสนใจกับการทดสอบการต่อสู้ที่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง พวกเขาก็จะเข้าโจมตีเมืองภูเขาเซียน!
ไม่มีการเสริมกำลัง?
นั่นคือแผนการตอนแรก!
คำสั่งที่สร้างความประหลาดใจมากมาย ทั้งจักรพรรดิมอบหน่วยเกราะมังกรให้ หนานกง เฮา และกองทัพทลายภูผาที่แฝงตัวมามันคือทั้งหมดเพื่อการโจมตีครั้งสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม …
มันไม่เป็นแบบนั้น ฟาง เจิ้งจือ สั่งกองทัพทหารที่แข็งแกร่งทั้ง 50,000 นายของเขาเขาสู่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง และพยายามท้าทาย หนานกง เฮา
ในท้านที่สุด หนานกง เฮา ก็แสดงตัวออกมา…
การกระทำที่เรียบง่าย อย่างไรก็ตามมันได้สร้างโอกาสทอง
สำหรับแม่ทัพดินแดนภูเขาทางใต้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะแพ้การต่อสู้ในถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง เช่นถ้าพวกเขาออกเดินทางตอนกลางคืน …
พวกเขาสามารถเข้าโจมตีเมืองภูเขาเซียนก่อนที่พวกนั้นจะรู้ตัว!
พวกเขาจะได้รับชัยชนะ!
“ไม่ พวกเราได้รับชัยชนะแล้ว ณ ที่แห่งนี้ ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วกับการเจรจา พวกเราตกลงกันได้ด้วยดีกับดินแดนภูเขาทางใต้ตลอดหลายปีที่๋านมา พวกเราไม่อาจทำลายมันลงได้ พวกเราต้องลองเจรจากันก่อน เจ้าไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”รัฐมนตรฝ่ายพิธีการพูดเพื่อบอกให้เลิกโจมตี
จากนั้นเพื่อไม่ทำให้ ซิง หยวนกัว ลำบากใจรัฐมนตรีจึงเพิ่มประโยคเข้าไปอีกว่า “นี่เป็นความปรารถนาขององค์จักรพรรดิ ซิง เฮา ท่านต้องเคารพพวกเขา!“
เต็มไปด้วยความเงียบสงัด
นอกจากแสงไฟที่กระพริบไปมาก็ไม่มีเสียงอื่นอีก ไม่มีใครคาดว่ารัฐมนตรีฝ่ายพิธีการจะปรากฎตัวขึ้นที่นี่
พร้อมกับคำสั่งขององค์จักรพรรดิ
“ท่านรัฐมนตรี ถ้าดินแดนภูเขาทางใต้ต้องการต่อรองจริงๆ พวกเขาคงไม่เข้ายึดประตูผ่านภูเขาแล้วปิดล้อมองค์รัชทายาทไว้เช่นนี้ ทั้งนี้พวกเขายังเข้าโจมตีพวกเราอีกด้วย … “ซิง ฉิงซุย พูดขึ้น
“ฉิงซุย เจ้ายังเด็ก เจ้าไม่สามารถเข้าใจได้ทุกอย่าง แม้ว่าดินแดนภูเขาทางใต้จะเข้ายึดประตูผ่านภูเขา พวกเขาก็ไม่ฆ่าทหารแม้แต่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาปิดล้อมองค์รัชทายาทแต่ไม่ได้เลือกที่จะโจมตี”
รัฐมนตรีฝ่ายพิธีการส่ายหัวและพูดขึ้นต่อว่า “ข้าคิดว่าดินแดนภูเขาทางใต้กำลังพยายามส่งข้อความถึงเรา โดยการปิดล้อมแต่ไม่เข้าโจมตี พวกเขาจะขอเจรจาอย่างจริงจัง สิ่งที่พวกเขาสนใจคือเรื่องของผลประโยชน์”
“ท่านรัฐมนตรีฝ่ายพิธีการ ท่านวางแผนจะเจรจาอย่างไร?”ซิง หยวนกัว ขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายหัวไปมองไปทาง ซิง ฉิงซุยไป
“ดินแดนภูเขาทางใต้เป็นอิสระ พวกเราสามารถพยายามคุยดีๆกับดินแดนภูเขาทางใต้เพื่อร่วมมือกันเพื่อไล่ปีศาจออกไปได้ จากนั้นพวกเราค่อยพยายามสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับดินแดนภูเขาทางใต้ มีหลายวิธีที่จะทำได้ ทั้งส่งบุตรธิดาขององค์จักรพรรดิมาหมั้นหมาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองดินแดนจะมั่นคงมากยิ่งขึ้น!” รัฐมนตรีกรมพิธีการพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“ท่านพ่อนี่เป็นโอกาสทองที่พวกเราควรโจมตี ถ้าเราพลาดพวกเราไจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก เมื่อเมืองภูเขาเซียนมีเวลาจัดตั้งการป้องกัน นั่นหมายความว่าพวกเราแทบจะแพ้ไปแล้ว!” ซิง ฉิงซุย เตือน
“ซิง ฉิงซุย เจ้าเป็นทายาทของกองตรวจการความมั่นคง แน่นอนว่าเจ้าต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เจ้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าเมืองภูเขาเซียนจะไร้การป้องกัน? ถ้าเจ้าโจมตีตอนนี้ แล้วจบลงด้วยการถูกซุ่มโจมตีล่ะ?”“รัฐมนตรีฝ่ายพิธีการพูดขัด?
“เอ่อ … ” การแสดงออกของ ซิง ฉิงซุย เปลี่ยนไป อย่างที่รับมนตรีกรมพิธีการพูด ใครจะรู้ว่าเมืองภูเขาเซียนได้ตั้งการป้องกันไว้หรือไม่
อย่างที่พูด ใครจะสามารถเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้?
ในสงคราม …
แม้มีโอกาส 50% ก็คุ้มค่าที่จะทำ เพราะสนามรบนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวา
“รัฐมนตรีกรมพิธีการพูดถูกต้อง แต่ในสงครามพวกเราเชื่อในโอกาส เราเชื่อฟังแม่ทัพของพวกเราเท่านั้น ต่อให้ท่านมีคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ในสนามรบแม่ทัพถือเป็นที่สุด ” ทันใดนั้นอีกเสียงก็ดังขึ้น
มันดังมาจากด้านหลังของ หนานกง เขาเป็นชายวัยกลางคน
ผู้นำของหน่วยเกราะมังกร!
ชื่อของเขาคือ เหยียน ชิง!
แม้ว่าเขาจะทำตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิ แต่ตัวเขาเองก็ถือว่าค่อนข้างหยิ่งยโส เพราะเขาเป็นทายาทของสิบสามกองตรวจการเช่นกันและถูกส่งมาเพื่อจับตาดูการต่อสู้ครั้งนี้
ท่าทีของรัฐมนตรีฝ่ายพิธีการเปลี่ยนไปทันที เขามองไปที่ เหยียน ชิง ผู้นำของหน่วยเกราะมังกร โดยปกติเขาจะไม่เป็นศัตรูกับ เหยียน ชิง เด็ดขาด ต่อให้เป็นรัฐมนตรีก็ตาม
แต่คราวนี้แตกต่างกัน
เขาได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิให้มุ่งหน้ามาที่ดินแดนภูเขาทางใต้ เขาได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือประชาชนและยุติสงครามที่ไร้จุดหมายนี้
ต่อให้ เหยียน ชิง จะเป็นผู้นำของดินแดนภูเขาทางใต้ก็ตาม เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
“เหยียน ชิง เจ้าคิดจะขัดคำสั่งขององค์จักรรรดิงั้นหรือ?” รัฐมนตรีกรมพิธีการพูดขึ้นมาทันที