Gate of God – ตอนที่ 606 ฟาด?!

เฉียนวู่ พยายามสงบใจลง เพราะนี่คือสงคราม ไม่ใช่การทะเลาะกันของคนสองคน
เขาต้องมองให้กว้างขึ้นตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเจ็บใจ แม้ว่าความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
เฉียนวู่ กัดฟันแน่นด้วยความโกรธเขาจะต้องเอาประตูชีวิตคืนมาให้ได้ มันเป็นกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะในสงครามครั้งนี้
แต่…
เขาไม่สามารถสู้ได้
เฉียนวู่ พยายามสุดความสามารถเพื่อควบคุมอารมณ์
ไม่ถ้าเขาเข้าไปแย่ง ประตูชีวิตกลับมาจาก ฟาง เจิ้งจือ จากนั้น หยาน ฉิง และหน่วยเกราะมังกรจะโต้กลับทันทีถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ เขาจะไม่สามารถชิงประตูชีวิตกลับมาได้
เฉียนวู่ เข้าใจสิ่งนี้อย่างสมบูรณ์ ในฐานะผู้บัญชาการ เขาต้องใจเย็นเสมอ เขาไม่สามารถพลาดได้แม้แต่ครั้งเดียว
แต่ในตอนนั้นเองร่างๆหนึ่งก็ปรากฎขึ้นมาตรงหน้าเขา
”ฟางเจิ้งจือ!”เฉียน วู่ มองไปที่ใบหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่า ฟาง เจิ้งจือ จะเป็นผู้มาส่งประตูชีวิตกลับคืนให้เขาด้วยตัวเอง
ผู้ที่อยู่แค่ระดับอภินิหารคิดจะโจมตี?.Aileen-novel.
”มองที่ประตูีวิตของข้าข้าจะฟาดมัน!”แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถเดาได้ว่า เฉียน วู่ กำลังคิดอะไรอยู่แต่เขาก็ยกประตูขึ้นมาอีกครั้ง
”เจ้าขู่ข้ารึ?”เฉียนวู่ พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและเยาะเย้ยการกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ ในใจ และที่สำคัญที่สุดคือ เจ้านี่ไม่รู้หรือไงว่าประตูเป็นของข้า?
และจะฟาดเขาด้วยประตูชีวิตของเขาเองเนี่ยนะ?
นี่มันตลกสิ้นดี!
ในขณะที่เขาจะกำลังจะชิงประตูชีวิตคืนมาเขาก็สังเกตเห็นสีหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม?
เขากำลังยิ้มอะไรอยู่?
เฉียนวู่ ตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตระหนักถึงความเย็นเยือกที่ไหลลงไปถึงกระดูกสันหลัง
”ตูม!”
ประตูชีวิตฟาดลงไปที่พื้นอย่างรุนแรงเศษฝุ่นมากมายล่องลอยไปในอากาศ
เฉียนวู่ ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว มีเหงื่อไหลออกมาจากทั้งหน้าผากและหลังของเขา
ไม่ใช่เพราะความเร็วในการฟาดหรือแม้แต่การเหวี่ยงประตูของ ฟาง เจิ้งจือ
แต่มันเป็นเพราะ…
ประตูไม่ฟังคำสั่งของเขา
ถ้าเขาไม่สังเกตท่าทีของฟาง เจิ้งจือ เขาคงตายเพราะสมบัติของตัวเองแล้ว
แน่นอนว่าเขาสามารถลดขนาดประตูได้
ถ้างั้นมันเกิดอะไรขึ้น?
ประตูชีวิตยังคงอยู่ในมือของฟาง เจิ้งจือ และไม่ยอมลอยกลับมาอยู่ในมือของเขา นั่นหมายความว่าประตูชีวิตตอนนี้เป็นของ ฟาง เจิ้งจือ จริงๆแล้ว…
แต่จงใจรีบมาที่นี่เพื่อขู่เขางั้นหรือ?สิ่งนี้มันทำให้ความโกรธของ เฉียน วู่ พุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุด
”โอ้?่ไม่โดนงั้นหรือ? ข้าต้องฟาดมันอีกครั้ง!”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ เฉียน วู่ ที่ก้าวถอยออกไป
ฟางเจิ้งจือ คาดการณ์ไว้งั้นหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร?!
เขายกประตูชีวิตอีกครั้ง
”เจ้ากล้างั้นหรือ!”เฉียนวู่ จ้องด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม การมองดูสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรววรดิคนเถื่อนถูกฟาดซ้ำไปซ้ำมานั้น…
”ตูม!”
ฟางเจิ้งจือ ตอบรับคำท้าทายของ เฉียน วู่ ทำให้ เฉียน วู่ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้าวถอยออกไปเรื่อยๆ
”ข้าจะฟาดอีกครั้ง!”ฟางเจิ้งจือ ไม่เชื่อว่า เฉียน วู่ จะทนเรื่องนี้ต่อไปได้อีก
”ตูม!”
”ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะเอามันมาฟาดใส่เจ้าไม่ได้!”
”ตูม!”
”อีกที!”
”ตูม!”
”…”
รอยยุบขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นบนพื้นเมื่อประตูชีวิตขนาดใหญ่ถูกฟาดลงไป
เฉียนวู่ นั้นรู้สึกราวกับหัวใจของเขาจะแตกสลาย
และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเขามั่นใจว่า ฟาง เจิ้งจือ สามารถควบคุมประตูชีวิตได้ ต่อให้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตาม ประตูชีวิตนั้นมีน้ำหนักกว่าสิบตันแต่มันกลับเบาราวขนนกสำหรับ ฟาง เจิ้งจือ
”น่ารังเกียจ!”เฉียน วู่ ตัวสั่นด้วยความโกรธ
การกระทำของฟาง เจิ้งจือ ทำให้ เฉียน วู่ พบ’ความจริง’ ประตูชีวิตไม่เพียงแต่เป็นสมบัติเท่านั้น มันยังสามารถใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย
แต่ใครจะใช้สมบัติมาเป็นอาวุธกัน?เอามาฟาดคนอื่น? ทั้งโลกคงมีเพียงแค่ ฟาง เจิ้งจือ เท่านั้นที่ทำได้!
หน่วยเกราะมังกรทหารองครักษ์ รวมถึงทุกคนที่เห็นต่างตกตะลึง
”ใครจะสามารถเอาประตูชีวิตมาใช้แบบนี้ได้บ้าง?”
”เขาไม่กลัวว่าจะเผลอทำลายประตูชีวิตไปงั้นหรือ?”
”ข้าเองก็สงสัยเช่นกัน!”
ทุกคนพูดไม่ออก
ผู้ที่อยู่ในระดับอภินิหารสามารถเอาประตูชีวิตไล่ฟาดผู้ที่อยู่ในระดับจุติขั้นสูงเป็นอย่างน้อยหรืออาจจะขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ จนเขาต้องหนีไปรอบๆโถงนี้
หากพวกเขาไม่เห็นด้วยตาตัวเองจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้ยังไง?
ระดับอภินิหาร!
เขาอยู่ในระดับอภินิหารจริงๆงั้นหรือ?
ทุกคนมีคำถามเดียวกันในใจ
ระดับอภินิหาร?เจ้าไร้ยางอายต้องหลอกนางอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่าเขามีพลังพอๆกับผู้ที่อยู่ในระดับจุติด้วยซ้ำ แล้วเขาจะหลอกนางทำไม?
นี่มันเป็นไปไม่ได้ด้วยนิสัยอันจองหองของ ฟาง เจิ้งจือ เขาจะหลอกคนอื่นว่าตัวเองมีระดับพลังต่ำๆไปทำไม? ก่อนที่ ปิง หยาง จะมั่นใจว่า ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในระดับอภินิหารมากขึ้น เพราะนางจำได้ตอนที่นางถามถึงระดับพลังของ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนหน้านี้
ใช่ฟาง เจิ้งจือ น่าจะยังอยู่แค่ระดับอภินิหาร
มันอาจจะเป็นเหตุผลเดียวว่าทำไมฟาง เจิ้งจือ ลังเลที่จะเปิดเผยระดับพลังที่แท้จริงของเขา เพราะตอนนี้ เหยียน ซิว อาจจะเข้าใกล้ระดับจุติหรืออาจจะอยู่ในระดับจุติแล้วด้วยซ้ำ
ฟางเจิ้งจือ จะกล้าพูดออกมาอย่างภูมิใจได้ยังไงว่าตัวเองยังอยู่แค่ในระดับอภินิหาร?
”เฮ้เจ้าไร้ยาง พวกเราจะชนะทันทีที่เจ้าเอาประตูนั่นฟาดให้เขาเละติดพื้น!” ปิง หยาง ตะโกนออกมาอย่างไร้กังวล
จากไกลๆเหยียน ซิว และ ฉาน ยู่ ยืนขึ้นอีกครั้ง พวกเขาเห็นความรุนแรงของการโจมตีที่ ฟาง เจิ้งจือ ใช้
ทั้งคู่มองหน้ากันและพยักหน้า
ทั้งสองคนวิ่งออกไปจากการป้องกันของเหล่าทหารแดนใต้ตรงเข้าไปหา เฉียน วู่ ร่างกายของ เหยียน ซิว ปกคลุมไปด้วยแสงสีแดงเลือด ในขณะที่ดวงตาของ ฉาน ยู่ เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ในที่สุดสีหน้าของเฉียน วู่ ก็เปลี่ยนไป
ตอนนี้เขามีไพ่อยู่ในมือไม่มากในหมู่นักรับชุดดำกว่ายี่สิบคน กว่าครึ่งหนึ่งเป็นทหารของ หลิน เทียนหลง
บางคนถูกฆ่าโดยฟาง เจิ้งจือ บางคนก็หมดสติ
ถ้าประตูชีวิตยังไม่หลุดจากการควบคุมของเขาคงไม่เป็นไรเขาสามารถเรียกสิ่งมีชีวิตอันแสนอันตรายออกมาได้เรื่อยๆ
แต่ตอนนี้…
ดวงตาของเฉียน วู่ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง นับตั้งแต่ ฟาง เจิ้งจือ ปรากฎขึ้นมา แผนของเขาก็ผิดพลาดไปนับครั้งไม่ถ้วน แล้วยิ่งตอนนี้ประตูชีวิตถูก ฟาง เจิ้งจือ แย่งชิงไปอีก
ประตูชีวิต!
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประตูชีวิต!
หากเขาสามารถฆ่าฟาง เจิ้งจือ และชิงประตูชีวิตกลับมาได้ ทุกปัญหาจะถูกแก้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเฉียน วู่ เขาคงต้องใช้เวลานานกว่าจะฆ่า ฟาง เจิ้งจือ ได้ แต่ถ้าเป็นราชาอสูรล่ะ?
การฆ่าฟาง เจิ้งจือ ก็ถือเป็นข้อตกลงที่สามเช่นกัน
เฉียนวู่ เริ่มรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกโชคดีที่ข้อตกลงสุดท้ายเขาเลือก ฟาง เจิ้งจือ แทนที่จะเป็นองค์จักรพรรดิ
”ราชาอสูรเจ้าต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงเพื่อฆ่าแค่คนที่อยู่ในระดับอภินิหาร?” เฉียน วู่ มองไปที่ราชาอสูรที่ยืนอยู่ไกลๆ
แน่นอนว่าเขาเห็นราชาหลี่ฉินกำลังปะทะกับราชาอสูรอยู่
”ตูม!”
ทันทีหลังจากเฉียน วู่ พูดจบ พื้นดินรอบๆที่ราชาอสูรยืนอยู่ก็กลายเป็นผุยผงทันที
จากนั้นร่างของราชาอสูรก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อก่อนที่จะพุ่งลงไปหา ฟาง เจิ้งจือ
ราชาอสูรไม่ได้ตอบคำถามของเฉียน วู่ ด้วยคำพูด…
แต่เป็นด้วยการกระทำ