ผ่านท่านป้าของข้าไปก่อน?
เขาพยายามดึงหอคอยหลิงหยุนเข้ามาเกี่ยวด้วยที่สำคัญไปกว่านั้น เฉียนยู่ออกตัวปกป้องเขา?
เจ้าเด็กนี่…ไร้ยางอายจริงๆ!
เหล่าศิษย์โดยรอบมีสีหน้าที่แปลกประหลาดพวกเขาได้ยินสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด เรื่องราวซับซ้อนขึ้นไปอีก
ต้องบอกว่าพวกเขาต่างก็ตกใจที่หอคอยหลิงหยุนและนิกายเงาก้าวเข้ามาในตอนนี้ และนั่นหมายความว่าฟางเจิ้งจือมีความสำคัญต่อสำนักทั้งสอง
เต๋าฮุนเองก็ตกอยู่ในความสับสน
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าเป็นชัยชนะที่แน่นอนแล้วแต่ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย
ไม่ใช่แค่นิกายเงาแม้แต่หอคอยหลิงหยุนเองก็เข้ามาแทรก มันเป็นเรื่องยากสำหรับเต๋าฮุนไม่น้อย
อย่างไรก็ตามจิตสังหารของเต๋าฮุนที่มีต่อฟางเจิ้งจือนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หอคอยหลิงหยุน!นิกายเงา! ข้าไม่สามารถปล่อยให้ชายคนนี้มีชีวิตต่อไปได้! เต๋าฮุนรู้ดีว่า ถ้าปล่อยโอกาสในตอนนี้ไป มันคงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงตัวฟางเจิ้งจือได้อีกในอนาคตข้างหน้า เขาต้องใช้โอกาสนี้ฆ่าฟางเจิ้งจือซะ
อย่างไรก็ตามเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเฉียนยู่
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่อาณาจักรเซี่ยนั้นเป็นเรื่องที่สร้างความประทับใจให้ผู้คนมากมาย
เต๋าฮุนกำมือแน่นเพราะมันเป็นไปไม่ได้ในการฆ่าฟางเจิ้งจือทั้งๆที่มีเฉียนยู่คอยปกป้องอยู่แบบนี้
ข้าเพียงแต่สงสัยว่านิกายเงาร่วมมือกับเหล่าอสูรเพราะมีความสัมพันธุ์กับฟางเจิ้งจือยังไงก็ตามข้าไม่คิดเลย แม้แต่หนึ่งในห้าสำนักอย่างหอคอยหลิงหยุนเองก็ร่วมมือกับพวกเขาเช่นกัน นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ข้าประหลาดใจมาก! เต๋าฮุนเหลือบมองวู่จวี้เอ๋อและเฉียนยู่อย่างเย็นชาและเอ่ยพูด
ต้องบอกเลยว่าเต๋าฮุนรับมือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ได้ดีไม่น้อยเขาวางกรอบล้อมนิกายเงาและหอคอยหลิงหยุนได้ด้วยประโยคสั้นๆ
ท่าทีของเหล่าศิษย์เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินพวกเขาหันมองกันด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ
นิกายเงาและหอคอยหลิงหยุนร่วมมือกับพวกอสูร?
ถ้าเป็นแบบนั้น….
ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่โลกทั้งใบคงก้าวเข้าสู่ความโกลาหลแล้ว!
ผู้นำเต๋าท่านช่างชำนาญในการใส่ร้ายผู้อื่นโดยไม่มีมูลความจริง! เฉียนยู่เยาะเย้ยและตอกกลับ จากนั้นนางก็มองไปที่สะพานสายรุ้งก่อนจะพูดเสริมว่า ข้าเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าผู้คนของหอคอยหลิงหยุนไม่มีทางร่วมมือกับพวกอสูร ในทางกลับกันท่านตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ สร้างความขัดแย้งภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และถ่วงเวลาให้พวกอสูรงั้นหรือ?
ข้าจะกำจัดภัยที่มาคุกคามมนุษย์ผู้นำเฉียน ท่านตั้งใจจะปกป้องเขาโดยการกล่าวหาว่าข้าเป็นคนสร้างความร้าวฉานงั้นเหรอ?
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำไม?ข้าจะปกป้องเขาแล้วท่านมีปัญหาอะไร? เฉียนยู่เองก็เริ่มพูดไม่สุภาพ ก่นอที่นางจะเดินออกไปแล้วปรากฎตัวที่ข้างฟางเจิ้งจือ
เฉียนยู่ท่านพยายามจะเป็นศัตรูของมนุษย์งั้นหรือ?
ข้าเพียงแค่ไม่อยากอยู่ข้างเดียวกับท่านเท่านั้น!
ท่าน… เต๋าฮุนเดือดเกินกว่าที่จะรวมสติไว้ได้ ถ้าท่านอยากสู้ก็เข้ามา! เลิกเสียเวลาได้แล้ว! เฉียนพูดอย่างหยิ่งยะโส
ดีข้าจะรับคำท้าของท่าน! เต๋าฮุนพลิกฝ่ามือขึ้น ดาบสีขาวและสีดำปรากฎขึ้นในทันที
ฟางเจิ้งหันมองไป่เฟยในตอนนี้มีเฉียนยู่อยู่ข้างเขา เขาไม่ต้องกังวลเรื่องเต๋าฮุนแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังสับสนกับไป่เฟยอยู่ไม่น้อย
เขาไม่รู้แผนการของตระกูลหนานกงแต่เขารู้สึกว่าทุกอย่างเป็นแผนการของไป่เฟย
ไป่เฟย?
ฟางเจิ้งจือจำได้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ลงมือเต็มที่นักตอนอยู่ที่เก้าขุนเขาพวกเขาเพียงแค่บาดเจ็บสาหัส
’ทำไมเก้าขุนเขาถึงถูกพวกอสูรปกครองและทำไมไป่เฟนถึงกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของเก้าขุนเขา เกิดอะไรขึ้นที่เก้าขุนเขาหลังจากที่ข้าออกมา?’ ถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่าความขัดแย้งระหว่างเขากับเก้าขุนเขาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการไป่เฟย นั่นมันน่ากลัวเกินไปแล้ว
ท่านป้าข้าฝากเต๋าฮุนด้วยนะ! เมื่อฟางเจิ้งจือพูดจบ เขาก็หันมองวู่จวี้เอ๋อและพูดต่อ จวี้เอ๋อ ข้าฝากปิงหยางและกูเหยียนไว้กับเจ้าด้วย!
ได้! วู่จวี้เอ๋อ ไม่ได้โต้เถียงแต่อย่างใด นางโบกมือให้เหล่าศิษย์ของนิกายเงา พวกเขานับร้อยไปล้อมรอบปิงหยางและฉือกูเหยียนในทันที
ในตอนนั้นเองแม่ทัพสวมเกราะเดินออกมาจากฝั่งอาณาจักรเซี่ย ชุดของพวกเขาส่องแสงประกายเจิดจ้า
ทันใดนั้นแม่ทัพที่สวมเกราะหนักจำนวนหนึ่งได้เดินออกมาจากกองทัพของอาณาจักรเซี่ย
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเองก็เห็นฉากนี้เช่นกัน พวกเขามองตากันด้วยความกังวลยิ่งมีผู้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้นี้มากเท่าไรสถานการณ์ยิ่งวุ่นวายมากเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฟางเจิ้งจือไม่ได้เป็นเหมือนตอนที่เขาพึ่งเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกแล้วไม่ใช่เขาแค่ทรงพลังแต่เขายังมีนิกายเงาและหอคอยหลิงหยุนหนุนหลัง
นี่มันวุ่นวายกันไปใหญ่แล้ว! มู่ฉิงเฟิงรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้อีกต่อไป
เก็บเรื่องอื่นไปก่อนตอนนี้พวกเราควรจัดการหนานกงเฮาเป็นอย่างแรก! มู่ฉิงเฟิงรู้ว่าเขาจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เพราะความขัดแย้งระหว่างฟางเจิ้งจือและศาลาหยินหยางไม่มีทางจบลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นพวกเขาต้องเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้องการจัดการหนานกงเฮาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ อืม! โม่ฉานฉือพยักหน้า เขาเข้าใจความคิดของมู่ฉิงเฟิงอย่างชัดเจน โม่ฉานฉือพุ่งเข้าไปหาหนานกงเฮาอีกครั้งโดยไม่ลังเล เขาไม่สนใจอสูรที่ติดพันกับเขาอีกต่อไป
เจ้าต้องผ่านพวกเราให้ได้ก่อนถ้าจะฆ่าหนานกงเฮา! อสูรทั้งสองเข้าไปขวางโม่ฉานฉืออีกครั้ง
ไร้สาระ! มู่ฉิงเฟิงปรากฎหน้าอสูรทั้งสองและโจมตีพวกมันในทันทีเพื่อเปิดทางให้โม่ฉานฉือ
ความวุ่นวายยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ฟางเจิ้งจือเริ่มกำดาบในมือแน่นเขามองไปที่เหล่าแม่ทัพของอาณาจักรเซี่ยและหลินมู่ไปที่พยักหน้าให้เขาอยู่ เขารู้ว่าหลินมู่ไป่สนับสนุนเขาแน่นอน
เขาพุ่งเข้าไปหาไป่เฟยโดยไม่พูดอะไรออกมาเพราะเขารู้ว่าไป่เฟยนั้นเป็นต้นเหตุของทุกปัญหา
’เขากำลังหนี?’เต๋าฮุนเริ่มกังวลเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือพุ่งเข้าไปหาไป่เฟย เขาคาดเดาว่าฟางเจิ้งจืออาจจะร่วมมือกับพวกอสูร
ถ้าเป็นแบบนี้ฟางเจิ้งจืออาจจะหลบหนีหรือใช้อสูรเป็นเพราะป้องกัน
เหยียนซิวฟางเจิ้งจือนั้นร่วมมือกับพวกอสูรอย่าให้โอกาสเขาหลบหนี ฆ่าเขาซะ! เต๋าฮุนตะโกนขณะพุ่งไปหาเฉียนยู่
ฆ่าเขา? เหยียนซิวหน้าถอดสีเล็กน้อย ตามสถานการณ์ปกติเขาคิดว่าเขาคงเชื่อเต๋าฮุน
เพราะเต๋าฮุนเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างเขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับฟางเจิ้งจือ เพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมฟางเจิ้งจือถึงให้เขาเป็นผู้ชนะในการประลอง…
แต่เหยียนซิวก็พุ่งตัวออกไปอยู่ดี
ขณะที่ฟางเจิ้งจือพุ่งเข้าไปหาไป่เฟยร่างของเหยียนซิวก็กลายเป็นเงาลอยไปตามอากาศก่อนจะปรากฎตัวต่อหน้าฟางเจิ้งจือในพริบตา
ฟางเจิ้งจือไม่ได้ทันระวังตัว
เห็นได้ชัดว่าเขาแปลกใจแต่เขาไม่หยุดหรือถามเหยียนซิวอะไรแม้แต่น้อย
ฟุ้บ!ดาบของฟางเจิ้งจือฟันใส่ไป่เฟยทันที ราวกับเขามองไม่เห็นเหยียนซิว
อย่าทำร้ายนายของข้า! เสียงหนึ่งดังขึ้นทันที ร่างหนึ่งปรากฎขึ้นเพื่อป้องกันไป่เฟยเอาไว้ ผ้าปิดหน้าของเขาถูกพัดออกไปเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้า
นายของเจ้า? ฟางเจิ้งจือแปลกใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
แสงสีฟ้าปรากฎขึ้นก่อนที่ฟางเจิ้งจือจะเคลื่อนย้ายไปปรากฎด้านหลังร่างที่พึ่งปรากฎขึ้นมาทันที
ฟางเจิ้งจือเจ้าอย่าหวัง! ทันใดนั้นอีกร่างหนึ่งพุ่งออกมา เห็นได้ชัดว่าไป่เฟยไม่ได้ถูกปกป้องด้วยอสูรเพียงตนเดียว
แสงสีเขียวส่องสว่างพร้อมกับโล่หยกที่ปรากฎขึ้นขวางฟางเจิ้งจือและไป่เฟยเอาไว้ขณะเดียวกันมีดสั้นสองเล่มปรากฎขึ้นในมือของอสูรตนนั้น
หืม?ยังมีอีกงั้นหรือ?
ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังแปลกใจนั้นเองเงาดำได้ปรากฎขึ้นที่ใต้เท้าของเขา กรงเล็บสีดำพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
เหยียนซิวเจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ! แววตาแห่งความตื่นเต้นปรากฎขึ้นในดวงตาของเต๋าฮุน
เขามั่นใจว่าถ้าฟางเจิ้งจือไม่ตายอย่างน้อยต้องบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของเหยียนซิวและอสูรพร้อมกันแน่นอน
ตาย… เต๋าฮุนพึมพัมเบาๆเขาพูดไม่จบประโยคเพราะใบหน้าของเขาแข็งค้างไปแทบจะในทันที
เพราะกรงเล็บสีดำที่เหมือนจะโจมตีใส่ฟางเจิ้งจือเปลี่ยนทิศทางอย่างกระทันหัน
มันโจมตีใส่เกราะหยกที่ปรากฎอยู่ด้านหน้าฟางเจิ้งจือ
ตูม!
เกราะหยกแตกละเอียดในทันที
เกิดอะไรขึ้น? เต๋าฮุนเบิกตากว้าง
ความจริงศิษย์ทุกคนได้ยินสิ่งที่เต๋าฮุนพูดกับเหยียนซิว
’ฆ่าฟางเจิ้งจือ?’
’ทำไมเหยียนซิวถึงเปลี่ยนเป้าหมายกระทันหัน?’
มันเป็นฉากที่แปลกมาก
ไม่มีใครรู้ว่าเหยียนซิวคิดอะไรอยู่
อย่างไรก็ตามเหยียนซิวหลีกเลี่ยงฟางเจิ้งจือที่ยืนนิ่งไม่หลบการโจมตีของเหยียนซิวแม้แต่น้อย
ดาบในมือของฟางเจิ้งจือแทงผ่านเศษเกราะหยกไปข้างหน้าเจาะเข้าไปในร่างข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
มันเร็วเกินไป ไมมีใครสามารถตอบสนองได้ทันเวลา
ร่างที่อยู่ด้านหน้าฟางเจิ้งจือแข็งค้างไปทันทีเขาเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
ทำไม?! เห็นได้ชัดว่าเขาเต็มไปด้วยความสับสนแม้เขาจะตายไปแล้วก็ตาม
ทำไมเหยียนซิวถึงเปลี่ยนเป้าหมาย?
ตัวเขาเองก็อยู่ที่นี่ตั้งแต่ที่เหยียนซิวมาถึงเขารู้ว่าเหยียนซิวความจำเสื่อม!
’เป็นไปไม่ได้…
’หรือเขาจะจำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว?’
เขาไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อยแต่ดาบที่แทงเข้ามาที่หน้าอกของเขายังคงแทงลึกเข้ามาเรื่อยๆก่อนที่จะผ่าร่างเขาออกเป็นสองส่วนทันที
จากนั้นในชั่วพริบตาฟางเจิ้งจือก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าไป่เฟยและแทงดาบไปข้างหน้าด้วยท่าทางเดียวกัน
ไม่! ไม่!
ทันใดนั้นอสูรบนท้องฟ้าและที่ยืนอยู่ด้านข้างไป่เฟยต่างก็ตกตะลึง
อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป
เพราะดาบไร้ร่องรอยได้แทงเข้าไปที่หน้าอกของไป่เฟย
……………………………………..