เป็นฉากที่น่าแปลกอย่างมากนั่นเพราะมู่ฉิงเฟิง โม่ฉานฉือและคนอื่นๆไม่ได้เข้าใกล้ค่ายกลปีศาจเพลิงแม้แต่น้อย
ใครกันที่สามารถส่งจักรพรรดินีไป่ฉือลอยกระเด็นไปบนอากาศเช่นนี้ได้?
ไม่มีใครคิดออกอย่างไรก็ตามไป่ฉือลอยขึ้นไปจริงๆ นอกจากนี้พวกเขามั่นใจว่าต้องมีบางคนเตะนางอย่างแน่นอน
ตำแหน่งที่ถูกเตะ…
ดูเหมือนจะเป็นสะโพกของนาง
นั่นเพราะมีรอยเท้าบางๆที่มองเห็นได้แถวสะโพกของไป่ฉือมันเป็นรอยเปื้อนของเถ้าถ่านสีดำสนิท
รอยเท้า?
สีดำ?เถ้าถ่าน…?!
หัวใจของมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเต้นรัวพวกเขาหันมองกันด้วยความสงสัยและต่างเห็นความตกใจในแววตาของอีกฝ่าย
นั่นเพราะมีเพียงคนเดียวที่มีรอยเท้าเป็นเถ้าถ่านและสามารถเตะไป่ฉือได้ในตอนนี้
ตูม!ท่ามกลางค่ายกลปีศาจเพลิง ประกายแสงสีทองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเป็นประกายแสงที่แข็งแกร่งมาก
แสงสว่างที่ทำให้ความมืดจางลงแสงที่ทำให้ดวงดาวบนท้องฟ้าหายไป แสงสว่างพุ่งทะลุท้องฟ้าที่มืดมิดก่อเกิดเป็นรูกว้าง
แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาด้วยความอบอุ่น
กลางคืนกลับกลายเป็นกลางวัน!
สิ่งที่มีแต่ไป่ฉือเท่านั้นที่ทำได้อย่างไรก็ตามเมื่อแสงสีทองปรากฎท้องฟ้ากลับกลายเป็นกลางวันอีกครั้ง
ฟางเจิ้งจือ!
เขายังมีชีวิตอยู่?!ฟางเจิ้งจือยังไม่ตาย!
มันเป็นไปได้ยังไง?! มู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือ เฉียนยู่และหยานหยิงต่างเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เพราะพวกเขาเห็นร่างที่ส่องสว่างด้วยแสงสีทองอย่างชัดเจน
ร่างนั้นยืนนิ่งท่ามกลางแสงสีทองเถ้าถ่านถูกสายลมพัดผ่านจนหลุดลอยออกไปทีละน้อย เผยให้เห็นผิวที่เหมือนหยกและกล้ามเนื้อกระชับ ร่างของเขาสดใสเหมือนผลึก และผิวพรรณที่เปล่งประกาย
เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย!
เขายังไม่ตาย!
เหล่าศิษย์ตื่นกลัวและตกตะลึงเมื่อเห็นร่างของฟางเจิ้งจือท่ามกลางแสงสีทอง
เขากินผลไม้เทพเจ้าเข้าไป…
แต่ยังมีชีวิตอยู่!
เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง?
ไม่มีใครสงบใจลงได้แม้แต่น้อยเพราะไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
ความจริงแล้วแม้แต่หยุนชิงวูก็สูญเสียความเยือกเย็นไปเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือ
ใช่แล้ว!
แม้แต่หยุนชิงวูก็ไม่สามารถเชื่อได้!
ยังไม่ตาย…ฟางเจิ้งจือ เจ้ายังไม่ตาย… หาได้ยากที่จะเห็นหยุนชิงวูประหลาดใจ แต่เป็นความจริงที่นางไม่สามารถสงบเยือกเย็นเหมือนเดิมได้
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างท่าทีของนางไม่ได้มีความหวาดกลัวมากเกินไป กลับกันมันเป็นท่าทีที่ค่อนข้างตื่นเต้น
ในฐานะผู้หญิงหยุนชิงวูไม่ควรจ้องมองฟางเจิ้งจือเท่าไหร่นัก เพราะในตอนนี้เขาไม่ได้สวมใส่อะไรแม้แต่ชิ้นเดียว
อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้
นั้นเพราะแววตาของฟางเจิ้งจือดึงดูดความสนใจของนางอย่างสมบูรณ์ในดวงตาของเขาไม่ได้มีแสงสว่างมากนัก แต่เป็นดวงตาที่ให้ความรู้สึกที่สงบนิ่งราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และพร้อมจะปลดปล่อยความโกรธได้ทุกเมื่อ
เป็นบทเพลงที่ไม่แย่นัก! ฟางเจิ้งจือมองหยุนชิงวูและค่อยๆเผยเป็นรอยยิ้มออกมา
อะ?อะไร… นี่ …ข้าบรรเลงเพลงนี้บ่อยครั้ง… หยุนชิงวูตอบโดยสัญชาตญาณ แต่นางรู้ทันทีว่าไม่เหมาะสมนัก จึงค่อยๆควบคุมตัวเองไว้ จากนั้นความประหลาดใจก็หายไปจากใบหน้าของนาง
เจ้าเล่นเพลงนี้บ่อยเหรอ?น่าเสียดายที่ในวันนั้นเจ้าพูดว่าพวกเราไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน! ฟางเจิ้งจือเผยยิ้มสดใสออกมา ในขณะเดียวกันแสงสีม่วงก็ปรากฎขึ้นในมือของเขา
มันคือดาบไร้ร่องรอย!
ทันทีที่มันปรากฎขึ้นความสงบนิ่งในแววตาของฟางเจิ้งจือก็หายไป มันกลายเป็นความรู้สึกที่รุนแรงเหมือนคลื่นยักษ์
ฟู่! ฟู่!
…
คลื่นกระแทกพุ่งออกมาจากร่างของฟางเจิ้งจือราวกับคลื่นทะเลแรงคลื่นทำให้ชุดสีขาวของหยุงชิงวูสะบัดไปมา ทั้งยังเผยให้เห็นใบหน้าและผมหงอกขาวของผู้อาวุโสทั้งสิบด้วย
ปีศาจอาวุโสทั้งสิบมีดวงตาที่หน้าผากของพวกเขาอย่างไรก็ตามมันเป็นสีทองโดยสมบูรณ์ ดวงตาที่ส่องแสงด้วยความเยือกเย็นมันเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าพวกเขาอยู่ในระดับเซียน
อย่างไรก็ตามดูเหมือนฟางเจิ้งจือจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเขายังคงจ้องมองที่หยุนชิงวูด้วยรอยยิ้ม
และก้าวไปข้างหน้า..
ตอนนั้นเองแสงสีทองที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ค่อยๆกลับคืนสูร่างของฟางเจิ้งจือราวกับนกน้อยใหญ่ที่บินกลับรัง
โอกาส…พวกเรายังมีโอกาส! ใช่แล้วเจ้าเด็กเหลือขอยังมีชีวิตอยู่ มนุษย์ยังไม่แพ้!
ฟางเจิ้งจือ…ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าชะตากรรมของมนุษยชาติจะขึ้นอยู่กับเด็กนั่น…
แม้ว่ามู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือจะไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เห็นแต่พวกเขาก็มองเห็นความหวังอีกครั้ง
พวกเขาไม่สามารถทำลายค่ายกลปีศาจเพลิงได้เพราะอยู่ด้านนอกอย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจืออยู่ท่ามกลางสิ่งนั้น
ถ้าฟางเจิ้งจือฆ่าปีศาจอาวุโสทั้งสิบได้ค่ายกลจะถูกทำลายจากนั้นด้วยพลังของพวกเขาทั้งห้าคนจะสามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้อีกครั้ง
เร็วเข้าฟางเจิ้งจือฆ่าปีศาจอาวุโสพวกนั้นเดี๋ยวนี้! แม้หยานหยิงจะไม่ได้ชื่นชอบในตัวฟางเจิ้งจือนัก แต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือฟางเจิ้งจือสามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้อย่างแน่นอน และหยานหยิงยอมรับในข้อนี้ ฆ่าปีศาจอาวุโส? ฟางเจิ้งจือได้ยินเสียงของหยานหยิงก่อนจะเหลือบมองปีศาจเฒ่าทั้งสิบตนด้วยสายตาที่เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็หันมองหยุนชิงวูอีกครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอีก
ฟางเจิ้งจือ!
เร็วเข้ารีบฆ่าพวกมันซะ!
…
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเสียงของเหล่าศิษย์เบื้องล่างความจริงที่พวกเขาไม่หนีไป มันแสดงให้ว่าพวกเขายังมีความหวังในชัยชนะ
แล้วพวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?ในเมื่อความหวังแห่งชัยชนะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ผู้คนจำนวนมากหายไป ฟางเจิ้งจือมองดูเบื้องล่างอย่างไม่ตั้งใจแม้จะบอกได้ชัดเจนว่าคนหายไปจำนวนมาก แต่ในสายตาของคนที่ยังอยู่มันเต็มไปด้วยความหวังอย่างชัดเจน
ข้ารู้ว่าข้าเป็นคนที่สนใจของผู้คนเสมอ
เนื่องจากฟางเจิ้งจืออยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรู้สึกดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหยุนชิงวูที่ยืนอยู่ตรงหน้าและสายตาที่หวาดกลัวของปีศาจเฒ่าพวกนี้
เอาล่ะดูเหมือนจะถึงเวลาที่ข้าต้องกอบกู้โลกแล้ว!
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว เพราะเขารู้สึกถึงความหนาวเย็นใต้หว่างขาเพราะสายลมที่พัดผ่าน
เอ๊ะ?!
ฟางเจิ้งจือมองลงไปอย่างสังหรณ์ใจและเห็นร่างที่ล่อนจ้อนของตัวเองในทันที เขาคิดว่ากำลังหล่อมาก แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเช่นนี้
ใครถอดเสื้อผ้าของข้าออก! แม้ฟางเจิ้งจือจะไร้ยางอายแต่ก็เขินเล็กน้อยกับความอับอายที่เกิดขึ้นตอนนี้
ผู้คนนับร้อยจ้องมองเขาจากด้านล่างรวมถึงเฉียนยู่และฉือกูเหยียน แม้แต่…
หยุนชิงวู!
… ฟางเจิ้งจืออยากจะสาปแช่ง
… มู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือ และหยานหยิงเหลือบมองกัน พวกเขาอยากจะสาปแช่งเช่นกัน ‘นี่เป็นเวลาที่ควรสนใจเรื่องนั้นงั้นเหรอ?’
ริมฝีปากของเฉียนยู่กระตุกนางไม่ใช่คนที่จะต่อว่าผู้อื่นโดยไร้เหตุผล อย่างไรก็ตามนางอยากจะดึงหูฟางเจิ้งจือและตะโกนดังๆ เกิดอะไรขึ้นกับความไร้ยางอายของเจ้ากัน?
นั่นเป็นสิ่งที่มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือรู้สึกได้
ในขณะเดียวกันสีหน้าของเหล่าศิษย์เบื้องล่างกลายเป็นสีแดง พวกเขาอยากจะเอ่ยถาม…
คนๆนี้…เชื่อถือได้จริงหรือ?!
โฮก!ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามของความโกรธบนท้องฟ้า จากนั้นร่างขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นในอากาศบดบังแสงสว่างทั้งหมด
ไป่ฉือกำลังโกรธแค้น!
นี่เป็นครั้งที่ไป่ฉือโกรธแค้นขนาดนี้ในฐานะจักรพรรดินีอสูร ชื่อของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและจิ้งจอกเก้าหางต้องแปดเปื้อน
เป็นครั้งที่สอง…
นางถูกเตะกระเด็นถึงสองครั้ง!
ความอัปยศที่เกิดขึ้นมันน่ารังเกียจเกินกว่าที่ใครตบหน้านางเสียอีกนางโกรธจนขนสีขาวตั้งตรงด้วยสัญชาตญาณสัตว์ร้าย
ไป่ฉือพุ่งเข้าหาอย่างไม่ลังเล
พายุพัดกระหน่ำฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่อง กรงเล็บที่แหลมคมเปล่งประกาย กลิ่นอายที่รุนแรงทำให้สภาพอากาศแปรปรวน
ฟางเจิ้งจือระวัง!
เด็กเหลือขอหลบเร็ว!
ทั้งโม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงตะโกนลั่นฟางเจิ้งจือแบกความหวังทั้งหมดเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล
ไป่ฉือแข็งแกร่งเกินไป
นอกจากนี้นางกำลังโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด และกลายร่างเป็นอสูรอีกครั้ง แม้แต่คนสี่คนก็รับมือกับนางไม่ไหว
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงเตือนของพวกเขาแสงสีม่วงยังคงส่องสว่างบนดาบไร้ร่องรอย และดูไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย
ตาย! เขาตะโกนเบาๆ
จากนั้นฟางเจิ้งจือก็พุ่งออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่หลบเลียงการโจมตีเท่านั้น เขายังพุ่งเข้าหาไป่ฉืออีกด้วย
…
เจ้าเด็กเหลือขอไม่!!
ไม่?ทำไมถึงไม่ล่ะ? ฟางเจิ้งจือตอบกลับมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือด้วยท่าท่าเหยียดหยาม เขาผลักดาบไรร่องรอยไปด้านหน้าและพูดขึ้น ขนของจิ้งจอกเก้าหางทั้งยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบ เหมาะกับการเอาไปทำเสื้อของข้า!
…
จะมีอะไรน่าขันไปกว่าการที่มีคนพูดเช่นนี้อีกบ้างไม่มีใครรู้คำตอบ อย่างไรก็ตามทั้งมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือต่างปิดปากเงียบ
นั่นเพราะพวกเขารู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง
คนที่ประเมินตัวเองสูงเกินไป
อย่างไรก็ตามคนที่ประเมินตัวเองสูงและมั่นใจเกินไปมักไม่ได้จบด้วยดี
ความหวังของพวกเขาเกิดขึ้นเพื่อถูกทำลายลงอีกครั้ง
ตูม!พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดและเห็นแสงสีทองส่องสว่าง จากนั้นร่างของชายหนุ่มและอสูรก็แยกจากกันทันที ท่ามกลางแสงที่ส่องสว่างพวกเขาแยกจากกันเร็วมาก
เขาตายแล้วหรือ?!
ไม่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตาย! พลังเท่ากัน?!
เป็นไปได้ยังไง?
ไม่…มันไม่ใช่ เขา …เขาพุ่งขึ้นไป!
หัวใจของทุกคนเหมือนจะหล่นลงไปที่ตาตุ่มเมื่อพวกเขาเห็นร่างทั้งสองแยกจากกัน ในไม่ช้าพวกเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
นั่นเพราะร่างหนึ่งพุ่งกลับไปอีกครั้ง
จากด้านล่าง!
มันพุ่งเข้าหาร่างที่ใหญ่ยักษ์ด้วยความเร็วสูงในขณะเดียวกันดาบในมือราวกับสายฟ้าขนาดใหญ่
แสงสีม่วงไหลวนบนตัวดาบ
ตาย! เขาตะโกนเบาๆอีกครั้ง
ทุกคนรู้สึกเหมือนพวกเขาอยู่ในความฝันมันไม่น่าเชื่อแม้แต่น้อย
นี่ข้า..กำลังฝันงั้นหรือ?
ฟางเจิ้งจือโจมตีจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือจริงๆหรือ?
นอกจากนี้เขายังเป็นฝ่ายไล่ล่านาง?
ฟุบ!พวกเขาได้ยินเสียงที่คมชัดและแสงสีแดงที่ตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับสายฝน
มันคือหยดเลือดจากบาดแผลลึกถึงกระดูกของไป่ฉือ
โฮก!!ไป่ฉือร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด
……………………………………..