จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือเชื่อในตัวตนของพระเจ้าแต่มันไม่ได้หมายความว่าเชื่อเรื่องผี อย่างไรก็ตามในตอนนี้นางรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
ทำลายค่ายกล?นี่มันอะไรกัน!
อย่างไรก็ตามการทำลายค่ายกลปีศาจเพลิงด้วยวิธีนั้นช่างน่าขนลุก
นอกจากมีพลังเทียบเท่านางแล้วไป่ฉือไม่อยากให้ศัตรูมีพลังที่ไม่รู้จักเพิ่มอีก นั่นเพราะทุกสิ่งที่ไม่รู้จะสามารถเปลี่ยนแปลงกระแสสงครามได้ในที่สุด
และตอนนี้สิ่งที่ไม่รู้จักปรากฎขึ้นตรงหน้าแล้ว
ทำไม?มันเกิดขึ้นได้ยังไง? พลังของผลไม้เทพเจ้างั้นหรือ?เป็นไปไม่ได้ ผลไม้เทพเจ้ามีพลังเช่นนี้ได้ยังไง! ไป่ฉือสับสนอย่างรุนแรง
… ฟางเจิ้งจือไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไงเขาแค่สนใจเรื่องของตัวเองและทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น
ก่อนอื่นเขาเป่ากระจกป้องกันใจเบาๆก่อนจะยัดมันกลับที่เดิมแล้วรัดมันไว้อย่างแน่นหนา
จากนั้นแสงสีน้ำเงินส่องสว่างพร้อมกับชุดของเขาที่ปรากฎขึ้นบนร่าง
หลังจากนั้นเขาก็บิดคอเล็กน้อยและจ้องมองไปที่หยุนชิงวูพร้อมกับปีศาจอาวุโสทั้งสิบ
อย่างไรก็ตามทำไมหยุนชิงวูไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อยแม้เขาจะสวมเสื้อผ้าแล้วก็ตามนางยังคงนิ่งเงียบ
วางใจได้แม้เจ้าจะถอดเสื้อข้าออก ข้าก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นกับเจ้า ชุดของเจ้าไม่เหมาะกับข้าเท่าไรนัก
…
ไม่เหมาะงั้นหรือ?!
ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนั้นงั้นหรือ?เขาไม่ควรอธิบายหรือว่าทำลายค่ายกลปีศาจเพลิงทั้งสิบได้ยังไง?
เหล่าศิษย์เหลือบมองหน้ากันและไม่มีใครรู้ว่าฟางเจิ้งจือคิดอะไรอยู่
แม้แต่มู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือและคนอื่นๆต่างก็หมดคำพูด พวกเขาบางคิดคิดว่าตัวเองแก่จนไม่สามารถตามความคิดของคนหนุ่มได้ทันอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้อยู่นอกประเด็นในสถานการณ์เช่นนี้เกินไปใช่ไหม?
แน่นอนว่าไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปสิ่งสำคัญคือฟางเจิ้งจือสามารถฝ่าค่ายกลปีศาจเพลิงเข้าไปได้อีกครั้งอย่างง่ายดาย
แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมู่ฉิงเฟิงและคนอื่นๆก็มองเห็นความหวังอีกครั้ง
ฟางเจิ้งจือรีบทำลายค่ายกลปีศาจเพลิงเร็วเข้า ฆ่าปีศาจอาวุโสทั้งสิบซะ! นั่นเป็นวิธีเดียวที่เราจะช่วยเจ้าได้! มู่ฉิงเฟิงสิ้นหวังกับการกระทำของฟางเจิ้งจือแล้วครั้งหนึ่ง เขากลัวว่าฟางเจิ้งจือจะทำแบบนั้นอีก จึงรีบตะโกนออกไปในทันที
ใช่แล้วเจ้าเด็กเหลือขอ รีบทำลายค่ายกลปีศาจเพลิงซะ! โม่ฉานฉือตะโกนเสริมทันทีหลังจากได้ยินเสียงของมู่ฉิงเฟิง
พวกเขาทั้งสองต่างเป็นกังวลอย่างมาก
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือแสดงท่าทางแปลกๆหลังจากได้ยินเสียงของพวกเขาจากนั้นก็จ้องมองด้วยสีหน้าที่น่าเกลียด
ทำลายค่ายกล?ไม่ใช่ว่าไป่ฉืออยู่ด้านนอกแล้วหรอกหรือ?
แม้ว่ามู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉืออาจจะดูโง่เขาก็มั่นใจว่าปีศาจอาวุโส 20 หรือ 30 ตนยังอ่อนแอกว่าไป่ฉือคนเดียว แต่นี่มีแค่10ตนเท่านั้น
ในตอนนี้ตัวเลือกที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือการอยู่ภายในค่ายกลปีศาจเพลิงและเล่นสนุกกับหยุนชิงวูพร้อมกับมองดูมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือต่อสู้กับไป่ฉือ
นอกจากนี้หนานกงเฮาก็อยู่ภายในค่ายกลปีศาจเพลิงเช่นกันอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงห้าก้าวด้วยซ้ำ
ทำลายค่ายกล?
มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำ!
…
…
มันเป็นความรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า
สีหน้าของโม่ฉานฉือเองก็เช่นกัน
ไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมเขาถึงพูดอะไรโง่ๆแบบนั้นออกมา
… ริมฝีปากของมู่ฉิงเฟิงกระตุกก่อนที่สีหน้าจะกลายเป็นแดงก่ำอย่างไรก็ตามเขาเป็นผู้นำของศาลาเต๋าสวรรค์ ความอดทนของเขาย่อมมีสูงกว่าคนทั่วไป เลิกเสียเวลา ไปกันเถอะ!
ไปกันเถอะ! ผู้นำศาลาและผู้นำโม่พวกท่านกำลังบาดเจ็บหนักข้าจะถ่วงเวลาไป่ฉือเอง! หยานหยิงตอบ
หยานหยิงเคลื่อนไหวในขระที่พูดและพุ่งเข้าหาไป่ฉือราวกับลำแสง
หืมเจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว! ไป่ฉือได้สติกลับมาอีกครั้ง นางไม่กล้าเสียเวลาต่อเมื่อเห็นหยานหยิงกำลังพุ่งเข้ามา
นั่นเพราะนางต้องรีบกลับไปที่ค่ายกลปีศาจเพลิงให้เร็วที่สุดและป้องกันไม่ให้ฟางเจิ้งจือฆ่าหยุนชิงวู
อย่างไรก็ตามนางจะทำเช่นนั้นได้หรือ?
ตามสถานการณ์ฟางเจิ้งจืออยู่ใกล้กับนางมาก เขาอยู่ห่างกับหยุนชิงวูเพียงก้าวเดียวเท่านั้น นั่นหมายความชีวิตของหยุนชิงวูตกอยู่ในมือของฟางเจิ้งจือแล้ว
ดาบยาวปรากฎขึ้นในมือของฟางเจิ้งจือแสงสีม่วงไหลวนราวกับกระแสน้ำ
ฟางเจิ้งจือเจ้าไม่กล้าหรอก! ในที่สุดปีศาจอาวุโสทั้งสิบก็ตอบสนอง พวกเขาไม่มีสมาธิกับค่ายกลอีกต่อไปและพุ่งเข้าหาฟางเจิ้งจือทันที
คิดว่าข้าไม่กล้าทำเหรอ? ริมฝีปากของฟางเจิ้งจือบิดเป็นรอยยิ้มพร้อมกับดาบไร้ร่องรอยที่เคลื่อนไหวในอากาศปลดปล่อยแสงสีม่วงจางๆ
ดาบของฟางเจิ้งจือจ่อที่คอหยุนชิงวู
หยุนชิงวูไม่ได้เคลื่อนไหวหรือขัดขืนแม้แต่น้อยนางยังคงยืนนิ่งอยู่ในตำแหน่งเดิมราวกับหุ่นเชิด
ปีศาจอาวุโสทั้งสิบหยุดเคลื่อนไหวพวกเขากำมือแน่นพร้อมกับดวงตาสีทองที่ส่องสว่าง อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีกต่อไป
นั่นเพราะพวกเขารู้ดีว่าฟางเจิ้งจือกล้าทำ!
ฟางเจิ้งจือถ้าชิงวูบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ข้าจะฆ่าเจ้าแน่! ไป่ฉือคำรามในขณะที่เข้าปะทะกับหยานหยิง
สามารถบอกได้เลยว่านางเป็นกังวลอย่างมากการโจมตีของนางแทบจะสร้างหลุมยักษ์ในอากาศ
ไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก! หยานหยิงรู้ว่าไป่ฉือเป็นกังวลเกี่ยวกับหยุนชิงวูเขาจึงต้องหยุดนางไว้ให้ได้
หยานหยิงกัดฟันแน่นและปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรงออกมาในขณะเดียวกันสัญลักษณ์สีแดงเข้มก็หมุนวนอยู่บนฝ่ามือของเขา
ถ้ามีเวลาข้าก็อยากบรรเลงเพลงให้เจ้าเหมือนกัน ฟางเจิ้งจือมองข้ามไป่ฉือและหยานหยิงอย่างสิ้นเชิงเขาเพียงมองไปที่หยุนชิงวู
มันยังไม่สายเกินไป นางตอบกลับเรียบๆ
ข้าอยากแต่น่าเสียดายที่ข้าเล่นดนตรีไม่เป็น ฟางเจิ้งจือตอบและถอนหายใจ ดูเหมือนเขาจะภูมิใจที่ไม่รู้วิธีการเล่นกู่เจิ้งมากกว่าอับอายเสียอีก
ไม่เป็นไรข้าสอนเจ้าได้ หยุนชิงวูพูดอย่างใจเย็น กู่เจิ้งปรากฎขึ้นในมือและดูเหมือนนางจะอยากสอนเขาจริงๆ
ดูเหมือนตอนนี้เจ้ายังไม่อยากตายจริงๆสินะ? ฟางเจิ้งจือจ้องมองกู่เจิ้งในมือของนางและหัวเราะออกมาอย่างคุมไม่ได้
ไม่มีใครอยากตาย
ยังไงก็ตามข้าจำได้ว่าเจ้าไม่เคยกลัวความตายเสมอ ฟางเจิ้งจือยิ้ม
การที่ไม่กลัวตายกับอยากตายจริงๆมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ก็จริงอย่างว่าแต่ดูเหมือนไม่มีทางหยุดสงครามนี้ได้แล้ว จนกว่าเจ้าจะตาย…
ความตายของข้าไม่ส่งผลต่อสงครามหรอกแม่ข้าและหนานกงเฮาต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญของสงครามครั้งนี้ หยุนชิงวูชี้ไปที่หนานกงเฮา
‘งั้น…ข้าควรจะฆ่าหนานกงเฮาก่อนไหม? ฟางเจิ้งจือเข้าใจในความหมายที่หยุนชิงวูพูด
ถ้าเป็นเจ้าข้าจะทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ใช่ข้านอกจากนี้ ข้าไม่ใช่คนโง่ สงครามจะหยุดลงตราบที่ชีวิตเจ้าอยู่ในมือของข้า ฟางเจิ้งจือไม่หลงกลคำพูดของหยุนชิงวู
ถ้าเช่นนั้นมาทำข้อตกลงกัน! หยุนชิงวูไม่คิดจะเถียงอะไรอีกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ข้อตกลงอะไร? ฟางเจิ้งจือไม่อยากเสียเวลาแต่เขาได้ยินหยุนชิงวูเสนอข้อตกลงกับเขา
หยุนชิงวูไม่กลัวตายแม้แต่น้อยนางจึงไม่มีทางทำข้อตกลงกับเขาแน่ ดังนั้นฟางเจิ้งจือจึงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้
ถ้าปล่อยข้าไปข้าจะมอบส่วนหนึ่งของดินแดนและแต่งตั้งเจ้าเป็นจักรพรรดิ นอกจากนี้ ข้าสัญญาว่าทั้งปีศาจและอสูรจะไม่ก้าวเข้าไปในดินแดนของของเจ้าตราบที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่! หยุนชิงวูพูดข้อเสนออกมาโดยไม่คิดมาก
ส่วนที่ว่านั้นใหญ่แค่ไหนกัน? ฟางเจิ้งจือถามราวกับสนใจจริงๆ
อาณาจักรเซี่ย
เจ้าจะทำแบบนั้นได้จริงๆหรือ?
ตราบใดที่เจ้าปล่อยข้าไปข้าสามารถทำได้แน่นอน หยุนชิงวูพยักหน้าและตอบกลับอย่างมั่นใจ
ฟางเจิ้งจืออย่าไปเชื่อนาง นางจะสามารถแต่งตั้งผู้ปกครองอาณาจักรเซี่ยขึ้นมาเองได้ยังไง? เสียงหนึ่งดังรบกวนขึ้น
นั่นคือมู่ฉิงเฟิง
มู่ฉิงเฟิงเป็นกังวลอย่างมากในตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าฟางเจิ้งจือจะยอมรับเงื่อนไขนั้นหรือไม่
เจ้าโง่เห็นได้ชัดว่าหยุนชิงวูกำลังหลอกเจ้าเพราะพลังของเจ้าในตอนนี้ ถ้าเจ้าอยากเป็นจักรพรรดิ หลังจบสงคราม โม่ฉานฉือคนนี้จะทำให้เจ้าได้เป็นจักรพรรดิอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ! โม่ฉานฉือตอบอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับมู่ฉิงเฟิงแล้วเสียงของโม่ฉานฉือมีความจริงจังอย่างมาก
ฟางเจิ้งจือหัวเราะออกมา
เขาคิดว่านี่คือการประมูลดังนั้นแม้แต่ไป่ฉือหรือมู่ฉิงเฟิงก็เข้าร่วมประมูลได้จนกว่าจะมีผู้ที่ประมูลสูงสุด นั่นคือผู้ชนะ
อย่างไรก็ตามน่าเสียเดียที่เขาไม่มีเวลามากนัก ยิ่งกว่านั้นแม้เขาจะทำตามเขาก็ไม่ได้อยากเป็นจักรพรรดิแม้แต่น้อย
ข้อเสนอของเจ้าก็ไม่เลวทีเดียวแต่ข้าไม่อยากเป็นจักรพรรดิหรอก งั้นข้าควรทำยังไง? มือของฟางเจิ้งจือขยับช้าๆ ดาบไร้ร่องรอยค่อยๆเฉือนเข้าที่คอหยุนชิงวู เขาตัดสินใจจะเลิกเสียเวลาและฆ่านางซะ
ข้ายังมีอีกข้อเสนอที่เจ้าต้องสนใจอย่างแน่นอน! หยุนชิงวูพูดขึ้นเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลจากน้ำเสียงของนาง แม้ว่าหยุิงวูจะยังคงสงบนิ่งแต่ร่างของนางกำลังสั่นเทา
โอ้เรื่องที่ข้าสนใจแน่นอนรึ? บอกข้ามา! มือของฟางเจิ้งจือหยุดเคลื่อนไหว เขาตัดสินใจที่จะรอฟัง
ศิลาเซียนศิลาเซียนที่เหลือทั้งหมด
เจ้ามีมันอยู่งั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือหรี่ตามองนาง
ไม่ใช่ทั้งหมดยังไงก็ตามข้ารู้ว่าที่เหลืออยู่ที่ไหนบ้าง ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอามันออกมา หยุนชิงวูส่ายหัวและตอบกลับ
เจ้ามั่นใจหรือว่าข้าสนใจนศิลาเซียน?
เจ้าอาจจะไม่สนใจศิลาเซียนแต่ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องสนใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากรวมศิลาเซียนทั้งสามสิบหกแผ่นเข้าด้วยกัน
รวมเข้าด้วยกันงั้นรึ? ฟางเจิ้งจือสนใจเล็กน้อย
ใช่
มันจะกลายเป็นอะไร? แผนที่สู่สวรรค์ที่แท้จริง!
ฟังดูไม่เลวเลยแล้วข้าจะเชื่อเจ้าได้ยังไง? ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและเผยยิ้มอย่างสดใส
ข้าจะให้เจ้าก่อนสามแผ่นเพื่อพิสูจน์ความจริงใจของข้า
เจ้ามีมันอยู่รึ?
ใช่!
อยู่ไหน?
ข้าจะให้หลังจากที่เจ้าปล่อยข้าไป!
เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะหลงกล?ปล่อยเจ้าไป? เจ้ามีสมบัติป้องกันมากมาย ข้าไม่ต้องการเสี่ยง ฟางเจิ้งจือไม่หลงกลอย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น…เจ้าก็ดูด้วยตัวเองสิ หยุนชิงวูกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดูเหมือนนางจะไม่ได้มีทางเลือกมากนัก
อืมแล้วพวกมันอยู่ที่ไหน? กับข้า… เสียงของหยุนชิงวูกลายเป็นแผ่วเบา
ตรงไหน?
สร้อย…ที่ห่างจากคอของข้า …หนึ่งนิ้ว หยุนชิงวูยังคงมุ่งมั่นต่อไป อย่างไรก็ตามนางเขินเล็กน้อยในขณะที่พูด
ห่างจากคอ…หนึ่งนิ้ว?! ฟางเจิ้งจือเหลือบมองและรู้สึกกระอักกระอวนขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน
นั่นเพราะในที่สุดเขาก็รู้ว่าหยุนชิงวูกำลังเขินอายไม่น้อยกับสถานที่เก็บศิลาเซียนของนาง
ดังนั้น…
คำถามต่อไป
เขาควรจะเอาศิลาเซียนทั้งสามแผ่นนั้นมาหรือไม่?
……………………………………..