เขาสามารถมองเห็นร่างจริงของอสูรที่ซ่อนอยู่ภายใต้ร่างมนุษย์ที่เป็นเปลือกด้วยตาเปล่างั้นหรือ?มันดูเหลือเชื่อแต่ก็เป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้
ไม่มีราชาอสูรคนไหนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ความจริงก็คือมือของฟางเจิ้งจือได้เข้าไปในปากของราชาอสูรและกำลังดึงร่างจริงของเขาออกมา
แกรก!เสียงกระดูกที่แตกหักดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันทำให้เหล่าราชาอสูรหวาดกลัวจนถึงขีดสุด
ในเวลาเดียวกันไข่มุกอสูรสีทองทะลักออกมาจากปากของราชาอสูรกูหนี่และลอยอยู่บนอากาศเงียบๆ
เจ้านั่นมีพลังมากกว่าเซียน!
เขาเป็นใครกัน?!
เขาเป็นมู่ฉิงเฟิงจากศาลาเต๋าสวรรค์หรือโม่ฉานฉือจากหุบเขาฟู่ซี่หรือว่าจะเป็น…เต๋าฮุนจากศาลาหยินหยาง?
ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของราชาอสูรแต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเขามีวิธีการต่อสู้ที่แตกต่างจากผู้นำสำนักทั้งสาม
ยิ่งไปกว่านั้นชายตรงหน้าสามารถจัดการราชาอสูรได้เร็วเกินไป
มันยิ่งกว่าที่ผู้นำสักนักทั้งสามจะทำได้!
เขาสังหารราชาอสูรกหนี่ด้วยวิธีที่ป่าเถื่อน
ข้าได้ยินมาว่ามีตัวตนระดับเทพเจ้าอยู่ในศาลาเต๋าสวรรค์ใช่ไหม? หลังจากหักคอของกูหนี่ ฟางเจิ้งจือก็กลืนไข่มุกอสูรเข้าไป จากนั้นก็หันไปมองราชาอสูรทั้งเจ็ดคนที่ล้อมปิงหยาอยู่
ดวงตาสีเงิน?!
เมิ่งเทียน!
เขาเป็นตัวจริง?!เทพสงครามเมิ่งเทียน!
ราชาอสูรรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งด้วยดวงตาของฟางเจิ้งจือ
ยินดีด้วยพวกเจ้าทายถูก! ฟางเจิ้งจือยิ้มและพุ่งเข้าไปหาเหล่าราชาอสูรทันที
เขาเร็วมากจนราชาอสูรเห็นภาพติดตาสีเงินปรากฎขึ้นด้านหลังของฟางเจิ้งจือ
พวกเราต้องร่วมมือกัน! หัวหน้าราชาอสูรได้สติและออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็กางกรงเล็บเพื่อปกป้องส่วนหน้าอกของตัวเอง
ตูม!เสียงดังขึ้น
ร่างของหัวหน้าราชาอสูรกระเด็นออกไปกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
มันเกิดขึ้นเร็วมากเกินกว่าราชาอสูรอีกหกคนจะตอบสนองได้ทัน
แข็งแกร่งมาก! ราชาอสูรและทหารปีศาจตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พวกเขาอ้าปากค้าง
การกระทำนี้ยิ่งยืนยันตัวตนของเมิ่งเทียนได้ดีกว่าเดิม
ราชาอสูรแต่ละคนนั้นมีพลังมากกว่าระดับเซียนการที่เมิ่งเทียนสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดายนั่นหมายความว่าพลังของเขาอยู่เหนือระดับเซียน
มีเพียงผู้ที่อยู่ระดับเทพเจ้าเท่านั้นที่ทำได้!
เมิ่งเทียนอยู่ที่นี่แล้ว!
เทพสงครามเมิ่งเทียนอยู่ที่นี่!
เสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวดังขึ้น
อย่างไรก็ตามมันกลับดูแปลกประหลาดมาก
เพราะที่มุมอื่นๆของศาลาเต๋าสวรรค์เสียงแบบนี้ก็ดังขึ้น
เมิ่งเทียน!
เมิ่งเทียนอีกคน!
..
แม้ว่าเสียงกรีดร้องเหล่านั้นจะต่างจากฝั่งด้านหน้าศาลาเต๋าสวรรค์แต่ไม่มีใครมีเวลามาสังเกตุความแตกต่างเหล่านั้น
และแน่นอนฟางเจิ้งจือก็ไม่สนใจ
นั่นเป็นเพราะเขารู้เหตุผลเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ดี
เอาล่ะมาเริ่มฆ่าคนต่อไปกันดีกว่า! การจ้องมองของฟางเจิ้งจือทำให้ราชาอสูรต่างตัวสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฟางเจิ้งจือเหยียดยิ้มและพุ่งออกไปหาหัวหน้าราชาอสูรที่ล้มอยู่บนพื้นอย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะประเมิณพวกราชาอสูรต่ำไปเล็กน้อย
หลังจากยืนยันได้ว่าฟางเจิ้งจือคือเทพสงครามเมิ่งเทียนแทนที่พวกเขาจะหนีเหมือนปีศาจอื่นๆ พวกเขากลับรวมตัวกัน
มันทำให้ฟางเจิ้งจือแปลกใจไม่น้อยเขาต้องยอมรับในเรื่องความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวกัน เผ่าอสูรและปีศาจนั้นเหนือกว่ามนุษย์มากนัก อาจจะเป็นเพราะพวกมันต้องทนถูกกดขี่มานาน
อย่างไรก็ตามเพราะฟางเจิ้งจือเริ่มต้นโจมตีปิงหยางจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางวิ่งเล่นไปรอบๆด้วยหอกฉีหลินในมือ
ฉึก!ฉึก!… การโจมตีไม่กี่ครั้งได้สร้างรู้ขึ้นที่ท้องของราชาอสูร
มันทำให้ปิงหยางตื่นเต้นมากขึ้น
นางแข็งแกร่งจนสามารถทำร้ายราชาอสูรได้?ปิงหยางพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก
อย่างไรก็ตามนางหน้ามุ่ยทันทีเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือส่งราชาอสูรลอยกระเด็นออกไป
หึพวกมันอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า! ปิงหยางบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ นางควงหอกฉีหลินในมือของนางและโจมตีใส่ราชาอสูรอย่างต่อเนื่อง
ไม่แปลกที่นางจะคิดว่าราชาอสูรอ่อนแอเพราะนางไม่เคยสู้กับราชาอสูรด้วยตัวเองมาก่อน มันเป็นความคิดที่ไร้เดียงสา
ด้านฟางเจิ้งจือกลับตรงกันข้าม…
เมื่อเขาถูกล้อมไว้ด้วยราชาอสูรจำนวนหนึ่งเขามีวิธีรับมือมากมาย แต่เขาใช้เพียงวิธีง่ายๆ
ด้วยการเตะผ่าหมากและจิ้มลูกตา…
ด้วยการเคลื่อนไหวง่ายๆกลับทำให้ความสูงส่งของเทพสงครามเมิ่งเทียนหายไปในพริบตา
แน่นอนว่าเมิ่งเทียนตายไปหลายร้อยปีแล้วไม่มีใครรู้ว่าเมิ่งเทียนตรงหน้าทำตัวเหมือนเมิ่งเทียนในอดีตหรือไม่
ฟางเจิ้งจือจึงไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
ตูม!หลังจากเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้ง ฟางเจิ้งจือได้ทำลายการป้องกันของเหล่าราชาอสูรลงและเข้าถึงตัวหัวหน้าราชาอสูรอีกครั้ง
ตายซะ! หัวหน้าราชาอสูรรู้ว่าตัวเองเป็นเป้าหมายของฟางเจิ้งจือ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะโจมตีก่อน อย่างไรก็ตามร่างของเขากลับสั่นไหวเล็กน้อยราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องทุกการกระทำของเขาแต่มันไม่ได้หยุดความต้องการที่จะต่อสู้ของเขา
ด้วยเสียงคำรามอันดุร้ายร่างของหัวหน้าราชาอสูรมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเกือบสิบเท่า
ฟู่!หมอกสีขาวพวยพุ่งออกมาจากจมูกของราชาอสูร
พื้นดินยุบตัวจากขนาดร่างใหญ่ยักษ์ของราชาอสูร
ในเวลาเดียวกันเขายกขาข้างหนึ่งขึ้นพร้อมกระทืบลงไปที่ฟางเจิ้งจืออย่างรุนแรง
พลังของราชาอสูรนั้นมีความแตกต่างกันอยู่
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าย่อมมีพลังมากกว่าราชาอสูรทั่วไปเขาแข็งแกร่งกว่าราชาอสูรเซี่ยโหลวที่ฟางเจิ้งจือเคยสู่ที่เมืองหลวงของอาณาจักรเซี่ย
ร่างใหญ่ยักษ์นั่นหมายถึงพลังมหาศาลที่เพิ่มขึ้นแม้มันจะส่งผลต่อความเร็ว แต่มันก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าราชาอสูรต้องการจะปกป้องชีวิตของตัวเอง!
ยิ่งเขามีร่างกายที่ใหญ่มากแค่ไหนเขายิ่งซ่อนร่างที่แท้จริงได้ดีเท่านั้น
เพราะเขาเห็นวิธีที่ฟางเจิ้งจือใช้ฆ่าราชาอสูรกูหนี่
การกระทืบเท้าเพียงครั้งเดียวส่งผลราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
ร่างกระทิงยักษ์ปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนพร้อมกับดวงตาที่เป็นสีแดงก่ำ
ตูม!พื้นดินแตกละเอียด
ร่างของฟางเจิ้งจือหายไปในพริบตาราวกับเขาถูกเท้ายักษ์บดขยี้
เขาตายแล้วหรือยัง?
เขาหายไปไหน?
เขาไม่น่าจะอ่อนแอขนาดนี้! ราชาอสูรคนอื่นเริ่มค้นหาฟางเจิ้งจือด้วยความระมัดระวัง
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือดูเหมือนจะหายตัวไปจริงๆ
ไม่มีวี่แววว่าเขาจะปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้น?! เหล่าราชาอสูรตกอยู่ในความสับสน พวกเขาพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหัวหน้าราชาอสูร หลังจากกระทืบเท้าใส่ฟางเจิ้งจือร่างของเขาก็หยุดเคลื่อนไหว
ร่างของเขาแข็งทื่อราวกับรูปปั้น
หลังจากนั้นฉากที่น่าขนลุกได้เกิดขึ้น
รอยแตกปรากฎขึ้นบนหน้าอกของหัวหน้าราชาอสูรจากนั้นอสูรสี่เขาก็พุ่งออกมาจากรอยแตก
ร่างที่แท้จริงของอสูร! ดวงตาของปิงหยางสว่างขึ้น
ราชาอสูรที่เหลือยืนนิ่งอึ้งกับฉากที่เห็น
โฮก!เสียงคำรามของอสูรสี่เขาดังไปทั่วหน้าผาส่วนหน้าของศาลาเต๋าสวรรค์
นั่นเมิ่งเทียน! ราชาอสูรเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ด้านพลังหัวหน้าราชาอสูร
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟางเจิ้งจือ
ไม่!! ใบหน้าของหัวหน้าราชาอสูรเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่รู้ว่าเมิ่งเทียนสามารถหาที่ตั้งร่างจริงของเขาเจอได้ยังไง
อย่างไรก็ตามตอนที่เขากระทืบเท้าใส่ฟางเจิ้งจือฟางเจิ้งจือได้ใช้โอกาสนั้นเจาะเข้ามาในร่างของเขา
ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะให้โอกาสราชาอสูรได้ตอบโต้
หัวหน้าราชาอสูรเห็นนิ้วสองนิ้วจ่ออยู่ที่หน้าผากของเขา
แกรก!ทั้งสองนิ้วทิ่มลงไปในหน้าผากของเขา
ภาพนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นมาในหัวของหัวหน้าราชาอสูรราวกับวิญญานของเขาได้หลุดลอยออกจากร่าง ทั้งแปลกประหลาดและน่าขนลุก!
หลังจากนั้นเขาก็เห็นไข่มุกอสูรสีทองเปล่งแสงลอยอยู่บนฟ้ามันลอยออกมาจากร่างอสูรที่แท้จริงของเขา
อย่างไรก็ตามแสงนั้นแทบจะหายไปในทันที
ฟางเจิ้งจือเก็บมันไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นภาพก็กลับมาเป็นปกติเขาเห็นเมิ่งเทียนซึ่งมีดวงตาสีเงินยืนอยู่ตรงหน้า
มันกระจ่างใสราวกับสามารถมองทะลุได้ทุกอย่าง
ตอนนั้นเองที่เขาเข้าใจว่าทำไมหลินจีเทพอสูรถึงตายภายใต้เงื้อมมือของเทพสงครามเมิ่งเทียน
มันเป็นการโจมตีจิตวิญญาน
มันคือเรื่องอันตรายที่สุดสำหรับอสูร
เจ้า..เจ้าคือเมิ่งเทียนจริงๆงั้นรึ?เมิ่งเทียนที่หายตัวไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน?! หัวหน้าราชาอสูรไม่พอใจแม้เขาจะรู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปแต่เขาอยากรู้ความจริงก่อนตาย
ช่างเป็นเรื่องที่ไร้เดียงสา…
อย่างไรก็ตามมันเป็นความคิดสุดท้ายก่อนที่เขาจะตายลง
……………………………………..