อย่างไรก็ตามหัวหน้าราชาอสูรไม่มีทางได้รับคำตอบ
ฟางเจิ้งจือไม่ได้โหดร้ายเกินไปความจริงเขาเป็นคนดีพอที่จะยื่นแอปเปิ้ลและป้อนให้ราชาอสูร
แม้ว่าแอปเปิ้ลอาจจะมีพิษแต่ก็ไม่สำคัญ
เจ้าเคยได้ยินคำว่า’เต๋าเลียนแบบกฎของธรรมชาติ’ ไหม? เสียงของฟางเจิ้งจือนุ่มนวลแต่ชัดเจน
เต๋า…เลียนแบบกฎของธรรมชาติ? ร่างของหัวหน้าราชาอสูรสั่นไหว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฟางเจิ้งจือถึงพูดเรื่องนี้ และไม่สนใจคำถามของเขาแม้แต่น้อย
ราชาอสูรไม่ต้องการจะตอบเพราะมันเป็นเพียงความรู้ของมนุษย์ซึ่งต่างจากชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง
เจ้าไม่อยากตอบข้าหรือ?เจ้าเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ถ้าไม่คิดจะทำให้เขาก็อย่าหวังว่าเขาจะทำให้เราาเลย’ หรือไม่? ฟางเจิ้งจือพูดอีกครั้ง
อะไร…เจ้าไม่ความถึงอะไร? หัวหน้าราชาอสูรพูดอย่างจริงจัง
เห้อเจ้าโง่หรือไง? ถ้าเจ้าไม่คิดจะตอบข้าแล้วทำไมข้าต้องตอบเจ้าด้วย?
…. หัวหน้าราชาอสูรเบิกตากว้างสีแดงก่ำภายในดวงตาของเขาค่อยๆจางหายไป
เขาเข้าใจว่าฟางเจิ้งจือหมายถึงอะไรแต่เขาไม่มีแรงที่จะพูด
เขาไม่ยอมตาย!
เป็นอย่างที่ฟางเจิ้งจือพูดถ้าเขาไม่คิดจะตอบคำถาม ฟางเจิ้งจือก็ไม่จำเป็นต้องตอบเช่นกัน
มันเป็นการเยาะเย้ย
’ถ้าไม่คิดจะทำให้เขาก็อย่าหวังว่าเขาจะทำให้เรา…’
หัวหน้าราชาอสูรรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเขาควรจะฟังคำแนะนำของแม้ทัพปีศาจโดยการหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเมิ่งเทียน ถ้าเขายอมฟังคงไม่ต้องมาตายแบบนี้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แตกต่างกันคือราชาอสูรตายด้วยฝีมือของเมิ่งเทียนแต่แม่ทัพปีศาจถูกเหยียบย่ำโดยโจวฉี
ตูม!ร่างของเขาตกกระแทกพื้นอย่างแรงขณะที่ดวงตาค่อยๆปิดลง
ฉากนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนน่าขนลุก
ราชาอสูรโดยรอบยังไม่สามารถตอบสนองได้ถึงวิธีที่เมิ่งเทียนฆ่าหัวหน้าราชาอสูรเขาดึงร่างที่แท้จริงของอสูรออกมาจากร่างอสูรยักษ์ที่เป็นเปลือกได้ยังไง?
มันแปลกเกินไป
มันเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้
ดังนั้นพวกเขาควรทำยังไงต่อไป?
ในอดีตนี่เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบแม้แต่น้อยเพราะเหล่าอสูรไม่เคยหนีจากการต่อสู้ อย่างไรก็ตามพวกเขาเริ่มคิดหนีในตอนนี้
นั่นเพราะพวกเขามีโอกาสชนะน้อยมากความจริงแล้วราชาอสูรสองคนตายลงต่อหน้าพวกเขาภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที
ยิ่งกว่านั้นพวกเขาถูกฆ่าโดยคนคนเดียว
คนที่มีแววตาสีเงินมองพวกเขาราวกับนักล่า
หนี! นี่เป็นการตัดสินใจยากลำบากสำหรับพวกเขาแต่ตอนนี้พวกเขาต่างคิดเหมือนกัน
…
ที่หน้าผาของศาลาเต๋าสวรรค์มู่ฉิงเฟิงที่แต่งตัวเหมือนกับเมิ่งเทียนได้ล่าถอยพร้อมกับเซียนอีกสิบคน ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้าพวกเขา
อาจารย์ข้ามีเรื่องสำคัญรายงาน!
พูด! มู่ฉิงเฟิงจำได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ซึ่งเป็นสายคอยรายงานสถานการณ์ในศาลาเต๋าสวรรค์ เมิ่งเทียนปรากฎตัว!
เมิ่งเทียนงั้นหรือ?!หมายความว่ายังไง?
เมิ่งเทียนตัวจริงที่ฆ่าหลินจีและจับตัวเจ้าปีศาจที่เมืองเงาเลือด! ร่างนั้นตอบกลับ
เจ้าบอกว่าเมิ่งเทียนตัวจริงงั้นหรือ?!ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? มู่ฉิงเฟิงตกตะลึง
ที่หน้าผาศาลาเต๋าสวรรค์!
เป็นไปไม่ได้ข้าพึ่งกลับมาจากที่นั่น นอกจากนี้ยังมีราชาอสูรแปดคนคอยคุ้มกันอยู่ เมิ่งเทียนจะปรากฎตัวที่นั่นได้ยังไง? เดี๋ยวก่อน เจ้าหมายความว่าเมิ่งเทียนกำลังถูกล้อมด้วยราชาอสูรแปดคน? หรือหรือว่าผู้อาวุโสเมิ่งเทียนเป็นพวกของอสูรและปีศาจ? มู่ฉิงเฟิงส่ายหัว เขาคิดบางอย่างและเกิดคำถามขึ้นในทันที
เขาถูกล้อมอยู่แต่…
แต่อะไร?!
จากที่ข้าเห็นผู้อาวุโสเมิ่งเทียนข้าคิดว่าเขาเป็นพวกของอสูรและปีศาจแต่ … แต่อะไร? มู่ฉิงเฟิงถามอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันเหล่าศิษย์โดยรอบต่างก็ตั้งตารอคำตอบเช่นกัน
ผู้อาวุเมิ่งเทียน…เขา …เขาฆ่าราชาอสูรไปสองคน!
อะไรนะ?!
นอกจากมู่ฉิงเฟิงแล้วเหล่าศิษย์ต่างเบิกตากว้าง
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนๆหนึ่งจะฆ่าราชาอสูรอย่างไรก็ตามมันเกิดขึ้นที่หน้าผาด้านหน้าศาลาเต๋าสวรรค์
มีราชาอสูรอยู่ที่นั่นถึงแปดคนบวกทหารปีศาจถืออาวุธครบมือนับไม่ถ้วนคอยคุ้มกัน
มู่ฉิงเฟิงเองก็ได้ฆ่าราชาอสูรไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขาเป็นเหยื่อล่อให้ราชาอสูรคนอื่นออกไปเพื่อให้เซียนทั้งสิบคนร่วมมือกันฆ่าราชาอสูร
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ตอนที่มู่ฉิงเฟิงออกมาจากศาลาเต๋าสวรรค์ยังผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที นั่นหมายความว่ามันเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น?
นี่มัน?
เขาใช้เวลาแค่ไหนกันในการฆ่าราชาอสูรหนึ่งคน?
ผู้ที่ถูกปิดล้อมโดยราชาอสูรแปดคนกลับสามารถฆ่าสองในแปดนั้นได้อย่างง่ายดายเขามีพลังแค่ไหนกัน? เป็นไปได้ไหมว่าเทพสงครามเมิ่งเทียนก็อยู่ในระดับเทพเจ้าเช่นกัน?
ถ้าหากหัวของหลินจีที่วู่จวี้เอ๋อแสดงให้เห็นยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์พลังของเมิ่งเทียนอย่างไรก็ตามรายงานตอนนี้ทำให้ความสงสัยของพวกเขาหายไปในทันที
นั่นเพราะอสูรและปีศาจไม่มีทางทำเช่นนี้!
แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่สามารถฆ่าราชาอสูรสองตนและตัวตนระดับเทพเจ้าเพื่อโน้มน้าวให้มนุษยชาติเชื่อในตัวเมิ่งเทียน
ยิ่งกว่านั้นหยุนชิงวูคงไม่สังเวยอสูรที่แข็งแกร่งถึงสามคนเพื่อสร้างเทพสงครามเมิ่งเทียนขึ้นมาอย่างแน่นอนจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือจะยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไง?
สถานการณ์บนหน้าผาเป็นยังไงบ้าง? หลังจาดสูดหายใจเข้าลึกๆมู่ฉิงเฟิงก็สงบใจลง
หลังจากฆ่าราชาอสูรสองคยราชาอสูรที่เหลือก็เตรียมหลบหนีเมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น
เอาล่ะกลับขึ้นไปและหากมีอะไรเกิดขึ้นอีกให้รีบรายงานข้าทันที!
รับทราบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระโจนขึ้นบนหลังของสัตว์ร้ายขนาดเล็ก
มันคือสัตว์ร้ายที่ได้รับการฝึกพิเศษเพื่อรายงานข่าวบริเวณรอบศาลาเต๋าสวรรค์มันสามารถบินได้สูงพอสมควรและด้วยขนาดตัวที่เล็กทั้งยังปกคลุมด้วยผ้าสีดำโปร่งใสทำให้หลบซ่อนตัวได้ในเวลากลางคืน
หลังจากศิษย์จากไปมู่ฉิงเฟิงก็หันมองเหล่าเซียนรอบๆและกำมือแน่นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่าง
รองแม่ผู้นำมู่ท่านคิดอะไรอยู่? หนึ่งในเซียนสัมผัสได้ถึงท่าทีของเขาอย่างคร่าวๆ
พวกเจ้าคิดเช่นไรกับเรื่องนี้? แทนที่จะตอบเขากลับถามออกไปแทน
ความจริงแล้วตอนแรกข้าไม่เชื่ออย่างไรก็ตามข้ายอมรับว่าแผนการของเมิ่งเทียนเป็นสิ่งที่คิดไตร่ตรองมาอย่างดี เซียนคนหนึ่งกล่าวขึ้น
ใช่ตามรายงานจากกลุ่มอื่นพวกเราสามารถยืนยันได้ว่าทั้งสี่กลุ่มยังไม่พบความสูญเสียใดๆ และเป็นความจริงที่พวกเราฆ่าราชาอสูรได้อย่างรวดเร็ว หากเป็นเมื่อก่อนคงเป็นได้แค่ความฝัน! เซียนคนอื่นพยักหน้าและตอบกลับทันที
ในเมื่อเรามีเมิ่งเทียนอยู่ยังต้องกลัวอะไรอีก?
ใช่แล้ว!
ด้วยพลังของผู้อาวุโสเมิ่งเทียนพวกเราสามารถหยุดยั้งตัวตนระดับเทพเจ้าในศาลาเต๋าสวรรค์ได้พวกเราให้ท่านตัดสินใจรองแผู้นำมู่!
เหล่าเซียนคนอื่นๆต่างก็ออกความคิดเห็น
เอาล่ะงั้นส่งสัญญาณให้คนอื่น อย่างไรก็ตาม…พวกเราต้องให้เต๋าฮุนตัดสินใจเนื่องจากเขาเป็นผู้นำของกลุ่มพันธมิตร หลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ มู่ฉิงเฟิงก็พยักหน้าและตัดสินใจ
ช่างเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดท่านรองแม่ทัพมู่ เราจะติดต่อไปยังกลุ่มอื่นเอง!
อย่าลืมติดต่อวู่จวี้เอ๋อด้วยนางให้ความสำคัญกับกล่องที่ได้รับจากเมิ่งเทียน ข้าอยากรู้จริงๆว่ามีอะไรอยู่ในกล่องนั่น!
ฮ่าฮ่า…ข้าด้วย!
เซียนคนอื่นหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน
…
ที่หน้าผาฟางเจิ้งจือยืนมองดวงดาวอย่างเงียบสงบ
ในขณะเดียวกันปิงหยางที่อยู่ด้านข้างกำลังเลียนแบบท่าทีของเขาอยู่แม้ว่าดวงตาของนางจะเต็มไปด้วยความซุกซน
แน่นอนว่าใครก็ตามที่ถูกล้อมด้วยราชาอสูรและทหารปีศาจเช่นนี้นคงไม่มีอารมณ์เพลิดเพลินไปกับการดูดาวเป็นแน่น
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือทำเช่นนั้น
เมื่อราชาอสูรตะโกนว่า หนี! เขาก็ตอบกลับพวกนั้นในทันที
วิ่งช้าๆล่ะเดี๋ยวหกล้มหรอก …ข้าจะไม่ได้คิดจะวิ่งไล่จับพวกเจ้าหรอกนะ! ราชาอสูรทั้งหกตัวแข็งค้างในตำแหน่งของพวกเขาเมื่อได้ยินเสียงของฟางเจิ้งจือ
เกิดอะไรขึ้น?
เป็นการดูถูกเหยียดหยามงั้นหรือ?
ราชาอสูรต้องการหนีไปให้ไกลจากฟางเจิ้งจืออย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถทำได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทำได้เพียงแค่ปิดล้อมฟางเจิ้งจือเอาไว้…
ไร้หนทางและทำอะไรไม่ได้
มันแปลกเกินไป
ราชาอสูรทั้งหกยืนห่างจากฟางเจิ้งจือเหล่าทหารปีศาจจับอาวุธในมือแน่น
อย่างไรก็ตามไม่มีใครพุ่งไปด้านหน้า
ช่างเป็นทิวทัศน์ที่งดงามอย่างที่เจ้าจะหาจากที่ไหนไม่ได้อีก ฟางเจิ้งจือพูดกับปิงหยาง
ฮึ่มมข้าไม่เห็นว่ามันจะงดงามตรงไหน? ปิงหยางเลียนแบบน้ำเสียงของฟางเจิ้งจือและหัวเราะ จากนั้นนางก็กลอกตาขึ้น ทำไมเราถึงไม่หนี
ใช่แล้วทำไมเจ้าถึงไม่หนีไปล่ะ? ฟางเจิ้งจือถามกลับ
… ปากของปิงหยากระตุกเล็กน้อยนางเท้าสะเอวขึ้นและพูดว่า ข้า …ข้าเนี่ยนะต้องหนี?! ปิงหยางไม่พอใจแต่ก็สับสนเล็กน้อยตามนิสัยของฟางเจิ้งจือเขาน่าจะหนีไปนานแล้ว
แม้นางไม่คิดว่าฟางเจิ้งจือจะเอาชนะตัวตนระดับเทพเจ้าที่ศาลาเต๋าสวรรค์ได้แต่จากการที่ได้อยู่กับเขาสองสามวันมานี้ นางสัมผัสได้ว่าฟางเจิ้งจือเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะตัวตนระดับเทพเจ้าได้
นั่นคือเหตุผลที่ปิงหยางคิดว่าฟางเจิ้งจือจะหนีไป
นิสัยของฟางเจิ้งจือที่ปิงหยางรู้จักก็คือเขาจะไม่ทำสิ่งที่ไม่มั่นใจดังนั้นการลอบโจมตีจะเป็นตัวเลือกตามปกติของเขา?
เจ้าไร้ยางอายเปลี่ยนไป?
ในขณะที่ปิงหยางพยายามอ่านใจของฟางเจิ้งจือกลิ่นอายที่เย็นเยือกก็พุ่งเข้าหานางจากด้านหลัง มันให้ความรู้สึกราวกับวิญญาณนับไม่ถ้วนร้องโหยหวนอยู่ด้านหลังจนทำให้ร่างกายต้องสั่นเทา
อันตราย! ปิงหยางตอบสนองในทันทีแต่นางต้องการผลักฟางเจิ้งจือออกไปมากกว่า อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะเคลื่อนไหว ฟางเจิ้งจือก็เคลื่อนไหวก่อนแล้ว
ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำแบบนั้น ในขณะที่ฟางเจิ้งจือพูดเขาก็เบี่ยงตัวหลบและทำให้ปิงหยางพลาดไป ในขณะเดียวกันฟางเจิ้งจือถอนหายใจเบาๆ ข้าก็อยากจะหนี แต่น่าเสียดายที่ข้าทำไม่ได้
……………………………………..