Gate of God – ตอนที่ 987 เรื่องน่าขันที่สุด

   ไม่สามารถหนีได้? ปิงหยางไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด

  นางไม่เข้าใจว่ามันสายเกินไปที่จะหนีหรือฟางเจิ้งจือไม่มีทางหนีพ้น

  ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะอธิบายอย่างไรก็ตามถ้าดูจากสถานการณ์ปัจจุบันก็สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ

  ศาลาเต๋าสวรรค์ถูกโจมตีจากสี่ทิศทาง

  มันเป็นกลยุทธ์เพื่อทำให้ศัตรูไขว้เขวและมนุษย์สามารถฆ่าราชาอสูรได้อย่างง่ายดาย

  แล้วหลังจากนั้นจะเป็นยังไง?

  หากฟางเจิ้งจือไม่ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าผาด้านหน้าของศาลาเต๋าสวรรค์แน่นอนว่าพวกอสูรและปีศาจต้องไปรวมตัวกันที่ด้านหน้าซากปราสาทสีดำซึ่งที่นั่นก็มีกองทัพหลักของมนุษย์อยู่เช่นกัน  ฟางเจิ้งจือไม่สามาถหนีได้เพราะเขาทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

  ถ้าเขาทำนั่นหมายถึงการต่อสู้อันโหดร้ายระหว่างมนุษย์กับปีศาจและอสูร

  โดยเฉพาะถ้าตัวตนระดับเทพเจ้าปรากฎตัวขึ้นไม่มีทางที่กลุ่มพันธมิตรของมนุษย์จะสู้ได้แน่นอน

  ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะเป็นวีรบุรุษอย่างไรก็ตามช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้เขาได้เข้าใจเรื่องหนึ่ง แม้ว่ามนุษย์จะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆ แต่ฟางเจิ้งจือที่อยู่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเขาก็ไม่สามารถนั่งดูมนุษยชาติล่มสลายไปเฉยๆได้

  เหมือนหยุนชิงวู

  จุดเด่นของนางคือเรื่องของความฉลาด

  ตอนห้าขวบถูกส่งออกจากเมืองหลวงพร้อมกับทหารคุ้มกันและเงินเพียงเล็กน้อยแต่นางกลับใช้โอกาสนั้นพัฒนากองกำลังทั้งหมดของตัวเอง  จากหลักสิบเป็นหลักร้อยและหลักพันในที่สุด…

  จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของครึ่งเซียนคังหยางนางสามารถเอาชนะดินแดนรอบๆเมืองเงาเลือดได้ทั้งหมดสุดท้ายนางกลับไปที่เมืองหลวงพร้อมกับกองทัพปีศาจขนาดใหญ่

  หยุนชิงวูใช้เวลาเพียงห้าปีในการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ

  และสิบปีต่อมาหยุนชิงวูได้ทำสิ่งเดียวกัน นางหาโอกาสเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ครั้งนี้นางใช้วิธี’หาตัวช่วย’

  หาคนที่มีศักยภาพพอที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่

  ตอนนี้เพื่อที่ฟางเจิ้งจือจะสามารถเอาชนะหยุนชิงวูรวมถึงเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรเขาเองก็ต้องหาตัวช่วยในการหาข่าวและข้อมูลรวมถึงความร่วมมือในเรื่องอื่นๆ

  ใครก็ตามที่อยู่ตัวคนเดียวย่อมมีขีดจำกัด

   ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อหืมม…ฉลาดจริงๆ!  เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นด้านหลังราชาอสูรทั้งหก จากนั้นชายในชุดสีดำก็ปรากฎตัวขึ้น

   ท่านเทพปีศาจ! 

   ท่านเทพปีศาจพวกเรา… 

   … 

  เมื่อเห็นเทพปีศาจราชาอสูรทั้งหกและทหารปีศาจคุกเข่าลงทันที

   เหอะเจ้าพวกเศษสวะไร้ประโยชน์!  เทพปีศาจตวัดมือเพียงครั้งเดียวร่างของทหารปีศาจกระเด็นออกไปไกลในทันที

  ฉากนี้ทำให้ทหารปีศาจที่เหลือและเหล่าราชาอสูรตกใจมาก

  แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือร่างที่กระเด็นออกไปทุกคนต่างนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่มีที่ท่าว่าจะลุกขึ้นมาอีก ใบหน้าพวกเขาแห้งขาวเหมือนใบไม้ที่ตายแล้ว   … ความเงียบเข้าปกคลุม เมื่อเห็นแบบนี้รองหัวหน้าดินแดนปีศาจคนหนึ่งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบไป

   หืม?ดูเหมือนเจ้ามีเรื่องอยากจะพูดสินะ?  เทพปีศาจกล่าวก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปทันที

  ปัง!

  ร่างของรองหัวหน้าดินแดนปีศาจที่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นทันทีต่างจากปีศาจที่ถูกส่งกระเด็นออกไปก่อนหน้านี้ หัวของเขาถูกแยกออกเป็นสองส่วน

   ่ท่านเทพปีศาจพวกเรา…  รองหัวหน้าดินแดนคนอื่นตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

   ตายพวกเศษสวะ ไปตายกันให้หมด! ฮ่าฮ่า… หลังจากเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังขึ้น ร่างของรองหัวหน้าดินแดนปีศาจอีกคนก็ล้มอยู่บนพื้น

  มันเป็นฉากที่โหดร้ายและดูไร้เหตุผลมาก

  โจวฉีผู้เป็นเทพปีศาจไม่ได้บอกอะไรพวกเขาเหตุผลเดียวที่พวกเขาตายคงเป็นเพราะความไร้ประโยชน์

  ฉากนี้ทำให้ราชาอสูรทั้งหกและทหารปีศาจตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเหงื่อเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผาก

   อืมข้าพอเข้าใจแล้วดูเหมือนเจ้าจะเป็นเพียงคนโง่เขลาชอบทำเรื่องได้ไม้คุ้มเสียสินะ?  ฟางเจิ้งจือถอนหายใจเมื่อเห็นศพจำนวนมากบนพื้น

   … 

   … 

  ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง

  ไม่ใช่เพราะฟางเจิ้งจือพูดถึง’เรื่องได้ไม่คุ้มเสีย’ซึ่งพวกปีศาจและอสูรนั้นเข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ

  แต่พวกเขาตกตะลึงเพราะคำว่า’โง่เขลา’

  ใบหน้าของราชาอสูรทั้งหกและทหารปีศาจต่างเต็มไปด้วยความซับซ้อนพวกเขาไม่รู้จะขอบคุณเมิ่งเทียนที่กล่าวว่าโจวฉีแทนพวกเขาหรือสรรเสริญเมิ่งเทียนที่เขาเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป

  อย่างไรก็ตามเสียงหนึ่งทำลายความคิดพวกเขาลง

   ได้ไม่คุ้มเสียคืออะไร? ปิงหยางถามขึ้นมาด้วยความไร้เดียงสา ดวงตาของนางกระพริบด้วยความอยากรู้อยากเห็น

   ถ้าอธิบายให้เป็นทางการหน่อยก็คือ’ฆ่าทหารของศัตรูพันคนแต่แลกมาด้วยทหารของตัวเองแปดร้อยคน’ ฟางเจิ้งจือเอามือกุมหัวขณะอธิบาย

   แล้วถ้าเป็นคำอธิบายแบบไม่เป็นทางการล่ะ? 

   ข้าบอกไปแล้วเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดว่า’โง่เขลา’หรือไง? 

   ฮ่าฮ่าฮ่า… เสียงหัวเราะของปิงหยางดังก้องทั่วหน้าผา  ใบหน้าของเทพปีศาจกลายเป็นสีดำคล้ำ

  นอกเหนือจากพวกเขาแล้วทหารปีศาจและราชาอสูรที่อยู่รอบๆต่างสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมาในอากาศ

  มันทั้งทรงพลังและน่าหวาดกลัว

   หลบเร็วเข้า!

   ถอยไป! 

  ราชาอสูรทั้งหกออกคำสั่งในทันที

  อย่างไรก็ตามมีทหารปีศาจที่ไม่สามารถถอยได้ทันเวลาพวกเขาล้มลงบนพื้น ใบหน้ากลายเป็นสีม่วง ร่างกายของพวกเขา’เหี่ยวเฉา’ลงอย่างรวดเร็วราวกับถูกดูดพลังชีวิตไปจนหมด

   เจ้าคนโง่เขลาช่วยบอกชื่อของเจ้าให้ข้าสนุกมากกว่านี้หน่อยได้ไหม? แทนที่จะถอย ฟางเจิ้งจือก้าวเดินไปข้างหน้าเผชิญหน้ากับจิตสังหาร

   โจวฉี! เสียงอันเย็นชาดังขึ้น

   โอ้เจ้ายอมรับด้วยว่าตัวเองโง่เขลา?     ตาย! 

  การพูดคุยอย่างเรียบง่ายแต่ทำให้โจวฉีเลือกที่จะโจมตีในทันทีร่างของเขาหายไปและปรากฎตัวขึ้นด้านหน้าฟางเจิ้งจือ

  มันใกล้มาก…

  ใกล้จนฟางเจิ้งจือเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของโจวฉีรอยแผลเป็นสีแดงเหมือนรูปไม้กางเขนแห่งความตาย

  ปัง!สองฝ่ามือปะทะกัน

  จากนั้นทั้งสองร่างก็กระเด็นออกไปยังทิศทางตรงข้ามกันทันทีโจวฉีกลับไปยังตำแหน่งเดิมทิ้งรอยเท้าลึกไว้ที่พื้น

  ด้านฟางเจิ้งจือเขาลอยตกลงไปจากหน้าผา

   … ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป

  ราชาอสูรและทหารปีศาจรอบๆเบิกตากว้างเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป

  สำหรับปิงหยาง…   นางยืนนิ่งอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าอันว่างเปล่า

  นางมองโจวฉีที่ห่างออกไปไม่ไกลนักบวกกับราชาอสูรทั้งหกและทหารปีศาจจำนวนมาก

   อย่าบอกนะว่าเจ้าไร้ยางอายคิดจะล้อเล่นกับข้าในช่วงเวลาแบบนี้? ปิงหยางชอบความตื่นเต้น แต่สถานการณ์แบบนี้มันมากเกินไปสำหรับนาง

  ฟางเจิ้งจือตกลงไปจากหน้าผา?

  ไม่รู้ว่าเขาตายแล้วหรือยัง?

  แล้ว…

  นางต้องรับมือทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองงั้นหรือ?

  ลมเย็นๆพัดผ่านหน้าผา

   อันที่จริง..คือข้า…ข้าแค่ผ่านมาแถวนี้เฉยๆ! หลังจากพูดจบ ปิงหยางก็หันหลังและวิ่งไล่ตามฟางเจิ้งจือไปทันที

  อย่างไรก็ตามทันทีที่นางหันหลังร่างสีดำได้บินผ่านหัวนางไปและหยุดยืนอยู่ด้านหน้านาง

   ดูเหมือนก่อนหน้านี้เจ้าจะหัวเราะอย่างมีความสุข? เสียงอันเย็นชาดังขึ้น

   ข้าหัวเราะด้วยหรือ? ปิงหยางกระอักกระอวน

   ถ้าเจ้ายังสามารถหัวเราะได้ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้า  โจวฉีกล่าวขณะเดินเข้าไปใกล้ปิงหยาง

   ฮ่าฮ่า… ปิงหยางหัวเราะ แต่สีหน้าของนางแย่ยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก

  นางรู้ว่าฟางเจิ้งจือยังไม่ตายแต่ด้วยความสูงชันของหน้าผาอย่างน้อยฟางเจิ้งจือต้องใช้เวลาสิบนาทีในการปีนกลับขึ้นมา

  สิบนาที…

  นางอาจจะตายได้อย่างน้อยสิบครั้ง

  นางควรทำยังไงดี?

  สู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี?   หรือยิ้มเพื่อถ่วงเวลา

  ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของปิงหยางจากนั้นนางก็คว้าหอกฉีหลินและพุ่งเข้าใส่โจวฉี

  โจวฉียืนนิ่งมองปิงหยางที่ถือหอกอันสว่างไสวกำลังพุ่งเข้ามา

  จากนั้นเขาก็หัวเราะ

   ฮ่าฮ่าฮ่า… เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับได้เห็นเรื่องตลกที่สุดในชีวิต

  อย่างไรก็ตามหลังจากหัวเราะเสร็จจิตสังหารก็พวยพุ่งออกมาจากตัวเขาอีกครั้ง

   เศษสวะอีกชิ้นหนึ่ง! โจวฉีก้าวไปข้างหน้า

   ไม่อย่าพึ่งฆ่าข้า ข้าแค่ผ่านมาแถวนี้จริงๆ… ขาของปิงหยางสั่นรัวก่อนจะล้มลงกับพื้นราวกับนางไม่มีทางแรงพอที่จะยืนอีกต่อไป

  ราชาอสูรทั้งหกและทหารปีศาจมองหน้ากันพวกเขาพูดไม่ออก  เซียน!

  นางเป็นเซียน?

  แต่เมื่อเจอกับตัวตนระดับเทพเจ้า…

  มันกลับกลายเป็นไร้ประโยชน์ในทันที

   ตาย! โจวฉีเข้าถึงตัวปิงหยางและตบนางด้วยฝ่ามือที่ปล่อยคลื่นสีเทาออกมา

   อ้ะข้ามีข้อมูลสำคัญจะบอก มันเกี่ยวกับเมิ่งเทียนและแหล่งพลังเทพเจ้า…  ปิงหยางเอามือกุมหัวด้วยความหวาดกลัว

   หืม?! โจวฉีหยุด

  เขาไม่ได้หยุดเพราะได้ยินปิงหยางแต่เพราะหอกฉีหลินที่ปิงหยางโยนออกมากระทบเข้ากับมือของเขา

  ตัวหอกนั้นมีลวดลายเมฆสีแดงมีแสงสีทองเปล่งออกมาอย่างต่อเนื่องที่ปลายหอก

  จากนั้นผงปูนขาวก็ถูกโยนออกมาจากมือของปิงหยาง

  ในระยะประชิดความเร็วในการโยนของนางนั้นถือว่าเร็วมาก

  แม้แต่ฟางเจิ้งจือที่ระวังตัวตลอดเวลายังไม่สามารถหลบได้ยิ่งตอนนี้ความสนใจของโจวฉีอยู่ที่หอกเพลิงฉีหลิน เขายิ่งไม่ได้ระวัง

  ดังนั้นผงปูนขาวจึ้งเข้าตาของเขาตรงๆ

  จากนั้นใบหน้าของโจวฉีก็กลายเป็นสีขาวราวกับหิมะ

  ……………………………………..

  ��

 

Gate of God

Gate of God

GoG, 神门
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Gate of Godเรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset