Chapter 33: ทีมสองคน
หลังจบการบรรยายหานเฟยและเหอเสี่ยวยูต่างถือเบ็ดของตัวเองไปที่ชั้นเรียนที่หนึ่ง
เหอเสี่ยวยูมองไปที่อาวุธของหานเฟยอย่างอยากรู้อยากเห็น “เบ็ดเหล็กของนายดูแปลกๆนะพ่อของฉันบอกว่าอาวุธที่ดูหรูหรานั้นไร้ประโยชน์”
หานเฟยพูดกับตัวเองว่ามีหลายสิ่งที่พ่อของเธอไม่รู้ แต่เขาไม่ได้พูดออกเสียงและเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว
หานเฟยถามว่า “ทำไมคนเพียงพันคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ปลุกวิญญาณของพวกเขาล่ะ มีนักเรียนทั้งหมดหลายหมื่นคนบนเกาะนี้ไม่ใช่หรอ”
เหอเสี่ยวยูตอบว่า “แต่พิธีกรรมนั้นต้องการของเหลวปลุกวิญญาณซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานของคนพันเท่านั้นน่ะสิ แล้วฉันก็ไม่คิดว่าครั้งนี้จะแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆนะ”
หานเฟยประหลาดใจ “ส่วนที่เหลือล่ะ กลายเป็นของชาวประมงทั่วไปหรอ”
เหอเสี่ยวยูมองไปที่หานเฟยด้วยความประหลาดใจ “นายงี่เง่าเหรอ หากพวกเขาสามารถเข้าถึงระดับสิบและสร้างความก้าวหน้าตามธรรมชาติได้ สัตว์ทางวิญญาณของพวกเขาก็จะถูกปลุกขึ้นด้วย”
หานเฟยยิ้มด้วยความลำบากใจเมื่อความทรงจำของเขากลับคืนมา การปลุกพลังตามธรรมชาติมักเกิดขึ้นกับคนหนุ่มสาวอายุประมาณยี่สิบกว่าในหมู่บ้าน พวกเขาผ่านยุคทองของการฝึกฝนมาแล้วดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำสำเร็จได้ไม่กี่อย่างแม้ว่าสัตว์วิญญาณของพวกเขาจะถูกปลุกขึ้นมา
หานเฟยมุ่งมั่นที่จะบรรลุสิ่งที่สูงกว่าเนื่องจากพิธีกรรมได้รับการตัดสินตามอันดับ
เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดเช่นนั้น เขาลากเหอเสี่ยวยูและพูดว่า “ เร็วเข้า อะไรสำคัญที่สุดสำหรับผู้ฝึกตน ได้เวลา…”
เหอเสี่ยวยูงุนงง นายดูค่อนข้างรีบร้อนนะ ทำไมนายถึงไม่ทุ่มเทขนาดนี้ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาล่ะ นอกจากนี้เนื่องจากนายอยู่ในระดับหกแล้วนายน่าจะได้รับการรับรองว่าจะผ่านการทดสอบตกปลา
โครม
ประตูของชั้นเรียนที่หนึ่งถูกเปิดออก
ซึ่งมันทำเอาทุกคนตกใจมาก หานเฟยประกาศว่า “ฉันกลับมาแล้ว พวกนายเตรียมตัวแล้วก็เตรียม…ซุปกลืนวิญญาณไว้หรือยัง”
หานเฟยยกศีรษะขึ้น เขารู้สึกได้ว่าเหอเสี่ยวหยู่กำลังดึงเขา แต่เขาพูดอย่างไม่ไยดีว่า “อย่ากลัวไปเลย ตอนนี้ฉันอยู่ระดับหกแล้ว ฉันสามารถเอาชนะทั้งห้องได้”
“นายจะเอาชนะทั้งห้องหรอ”
เสียงข่มขู่ทำให้หานเฟยนิ่งงัน เขามองไปข้างๆและพบปรมาจารตกปลาครูผู้สอนตกปลาของชั้นเรียนที่หนึ่ง
หานเฟยตกตะลึงกล่าวว่า “สวัสดีครับอาจารย์ ทุกคนในชั้นเรียนที่หนึ่งแข็งแกร่งมาก ผมมาที่นี่เพื่อท้าทายพวกเขา ถ้าผมแพ้เบ็ดไม้ไผ่ของเหอเสี่ยวยูจะเป็นของพวกเขา ถ้าผมชนะผมจะขอแค่ซุปกลืนวิญญาณเท่านั้น…”
โครม…
หานเฟยถูกเหวี่ยงออกไปและนายประมงก็สาปแช่งว่า “ไปให้พ้นเถอะเจ้าคนขี้โกงไร้ยางอาย”
หานเฟยไม่ได้ไร้ประโยชน์เหมือนเมื่อก่อนในสายตาของทุกคนหลังจากที่พวกเขาได้เห็นการแสดงความสามารถที่โหดร้ายของเขาและพลังวิญญาณที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเขาเมื่อเขาได้กินซุปกลืนวิญญาณ พวกเขาจะเอาชนะเขาได้อย่างไร
หานเฟยงง ทำไมครูถึงตีเขา เขาแค่เสนอคำแนะเท่านั้น!
ผู้เชี่ยวชาญระดับเจ็ดของชั้นเรียนที่หนึ่งมองไปที่หานเฟยและพูดว่า “คุณหยางครับเขาจะเก่งขึ้นก็ต่อเมื่อมีซุปกลืนวิญญาณ ฉันจะสู้กับเขาตราบใดที่เขาไม่ได้กินซุปกลืนวิญญาณมาก่อน”
นายหยางขมวดคิ้ว หานเฟยเป็นระดับหกแม้ว่าจะไม่มีซุปกลืนวิญญาณมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะเขา ในโรงเรียนสี่แห่งของหมู่บ้านมีนักเรียนเพียงพันคนที่อยู่ในระดับหก ประสิทธิภาพของหานเฟยก็ไม่ได้แย่เกินไป
นายหยางตัดสินใจว่ามันไม่เลวเลยที่จะให้นักเรียนดูนักตกปลาระดับหกอย่างใกล้ชิด
เขากล่าวว่า “คุณสามารถท้าทายพวกเขาได้ แต่พวกเขาต้องอยู่ในระดับเดียวกับคุณ”
“ไม่มีปัญหา ผมต้องการซุปกลืนวิญญาณสองชาม”
นายหยางกล่าวอย่างน่ากลัวว่า “หนึ่งชามและคุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำไปกินระหว่างการต่อสู้”
หานเฟยกล่าวว่า “อาจารย์ครับนี่ไม่ยุติธรรมเลย มันจะทำให้ผมเอาชนะได้แค่คนๆเดียวเอง”
นายหยางรู้สึกขบขัน “แล้วคุณตั้งใจจะเอาชนะกี่คน ทั้งชั้นหรอ”
หานเฟยแสยะยิ้ม “เอาล่ะเรามาสู้กันก่อน ตอนนี้ผมสามารถกินซุปได้มั้ยครับ”
ทุกชั้นเรียนกลอกตา นายจะสามารถเอาชนะใครได้โดยไม่ต้องใช้ซุปกลืนวิญญาณเนี่ย
ลู่หลิงชี่เพิ่งถึงระดับหก เธอตั้งใจยอมรับความท้าทายเพื่อเป็นวิธีทดสอบความสามารถของเธอ
อย่างไรก็ตามหูคุนยืนขึ้นและพูดว่า “ปล่อยฉันเอง”
ความก้าวหน้าของหานเฟยเป็นเรื่องที่น่ากลัวและไม่มีเหตุผล ถังเกอต้องช่วยเขาแน่ๆไม่มีใครรู้จักหานเฟยดีไปกว่าหูคุนในโรงเรียน นอกจากนี้ถังเกอก็เคยช่วยหานเฟยมาหลายครั้งแล้ว เขาต้องทิ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์มากมายให้กับหานเฟยก่อนที่เขาจะถูกนำตัวไปมิฉะนั้นหานเฟยจะไม่สามารถไปถึงระดับหกได้เร็วขนาดนี้
หานเฟยยิ้มให้หูคุนด้วยความยินดี “อย่าเพิ่งรีบร้อน เตรียมซุปของนายให้ดีก่อน”
หูคุนกล่าวว่า “จะมีซุปมากมายตราบเท่าที่นายสามารถชนะได้”
เสียงดัง…
หูคุนพุ่งเข้าใส่ท่อนเหล็กของเขา ในที่สุดเขาก็มีเหตุผลที่ดีที่จะเอาชนะเขา ไม่มีใครรอคอยโอกาสมากกว่าเขา
หานเฟยยื่นมือออกไปและเหอเสี่ยวยูก็ยื่นเบ็ดไม้ไผ่ให้ทันที
หานเฟยกล่าวว่า “มาซิ ขอดูหน่อยว่านายมีอะไรบ้าง”
ทุกคนสับสนเพราะคำพูดหานเฟย เขาทำเหมือนกำลังทดสอบหูคุนอยู่เลย
“ฮ่า!”
สิ่งที่หูคุนฝึกฝนมาคือ Flying Stick ซึ่งเร็วมาก
หานเฟยหัวเราะเบาๆ “รวดเร็วไม่มีประโยชน์ ฉันจะกวาดนายเอง”
ข้อดีของ Sweeping Stick คือระยะและความแรง หานเฟยเติมพลังจิตวิญญาณของเขาไปที่เบ็ดไม้ไผ่และโบกมันอย่างน่าหวาดกลัว
หูคุนก็สามารถต่อสู้กลับป้องกันหรือล่าถอยได้ หากหูคุนถอยทัพกลับเมื่อเริ่มการต่อสู้ทุกคนจะไม่เคารพเขา
ถ้าเขาจะกั้นมันเต็มที่เขาจะเปิดโอกาสให้หานเฟยโจมตีหนักขึ้น ดังนั้นหูคุนจึงเลือกที่จะสู้กลับ เขาไม่คิดว่าพลังของเขาจะถูกครอบงำโดยผู้ชายที่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก
เสียงดังสนั่น…
ใบหน้าของหูคุณเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงแตกหักและเบ็ดนเหล็กของเขาก็งอ แขนของเขาชาและอาจจะหัก จากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป
หูคุนถูกซัดกลับ เขาล้มเหลวในการหลบการโจมตีหนึ่งครั้งจากหานเฟยแม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับสูงสุดของระดับหกก็ตาม เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้เลย
“อ๊าก .. ”
ทุกคนอ้าปากค้างอย่างหนัก ลู่หลิงชี่ที่อยากลองก็ถูกแช่แข็ง เธอตกใจกับการเติบโตของหานเฟย
นายหยางก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาจะเอาชนะหูคุนได้อย่างไรเมื่อทั้งคู่อยู่ในระดับหกด้วยกัน มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เหอเสี่ยวหยู่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย เธอเป็นคนสอนหานเฟยท่า Sweeping Stick แต่หานเฟยก็ทำได้ดีพอ ๆ กับที่เธอเป็น นอกจากนี้เธอยังเชื่อว่าเธออยู่ในระดับเดียวกับหูคุน แต่หานเฟยเอาชนะเขาได้ในครั้งเดียว?
ทุกคนเต็มไปด้วยคำถาม ใครจะบอกได้ว่าหานเฟยถูกมองว่าเป็นขยะมาสี่ปีแล้ว
“ก็ฉันขอให้นายไม่ต้องรีบร้อน ทำไมนายถึงกระตือรือร้นขนาดนี้ล่ะ”
จากนั้นหานเฟยประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะเก่งสุดในระดับหกนะ ชาวประมงระดับเจ็ดในชั้นเรียนนี้อยู่ที่ไหนกัน”
ทันใดนั้นชายหนุ่มที่ถือเบ็ดสีน้ำเงินก็เดินออกมาจากฝูงชน
เหอเสี่ยวหยู่กล่าวว่า “เขาคือซิงชิว เขาเก่งมาก เบ็ดเท้าของเขาถูกเก็บมาจากไม้สีฟ้าจากก้นมหาสมุทร เขาอยู่ในยี่สิบอันดับแรกในบรรดาระดับเจ็ดของโรงเรียนของเรา เขาได้รับซุปวิญญาณกลืนสี่ชามเป็นประจำทุกวัน”
หานเฟยรู้สึกอิจฉาทันทีเมื่อเขารู้ว่าซิงชิวกินซุปสี่ชามเป็นประจำ
หานเฟยพยักหน้าและพูดว่า“ เนื่องจากนายอยู่ในระดับเจ็ดและฉันอยู่ในระดับหกคุณต้องให้ซุปกลืนวิญญาณฉันสี่ชามถ้านายแพ้”
ซิงชิวหัวเราะเยาะ “ฉันมีซุปมากมาย ครั้งที่แล้วฉันไม่ได้มาที่นี่ แต่นายกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ฉันกลับมาแล้ว นายคิดว่าไม่มีใครในชั้นนี้เอาชนะนายได้จริงๆเหรอ”
หานเฟยไม่ได้รู้สึกถูกข่มขู่ แต่จู่ๆเหอเสี่ยวยูก็ดึงเบ็ดของหานเฟยออก “เอาเบ็ดของฉันมาให้ฉัน”
หานเฟย: “…”
อะไรกัน แม้ว่าเขาจะเป็นชาวประมงระดับเจ็ด แต่ฉันก็ไม่แพ้หรอกน่า!
หานเฟยกล่าวว่า “ปล่อย! นี่มันน่าอาย! มันก็แค่เบ็ดเอง”
เหอเสี่ยวยูกล่าวว่า “ไม่ถ้านายจะเสียนนายเสียเบ็ดของนายเองเถอะ”
หานเฟยกล่าวว่า “ปล่อยน่า คุณยังต้องการซุปกลืนวิญญาณอยู่ไหมเนี่ย”
เหอเสี่ยวหยู่กล่าวว่า “เอาสิ ฉันจะกินมันเองเมื่อนายกินมันไม่ได้อีกต่อไป”
ทุกคน: “ …”
ทุกคนพูดไม่ออก เธอจะกินมันเองเมื่อเขากินมันไม่ได้อีกต่อไปงั้นหรอ เธอคิดว่าเขาสามารถเอาชนะทั้งชั้นได้หรอ พวกเขาไม่รู้หรอว่ามีผู้เชี่ยวชาญระดับเจ็ดกี่คนในชั้นเรียนนี้
ซิงชิวหน้าแดงด้วยความโกรธเกรี้ยว “เฮ้! เราจะสู้กันมั้ยเนี่ย” “เล่นเบ็ดไม้ไผ่อะไรกันอยู่ได้”
หานเฟยค่อนข้างอาย เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเหอเสี่ยวยู
เขาทำได้เพียงปล่อยไม้เท้าและพูดว่า “ก็ได้ ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันต้องเอาอาวุธขึ้นสุดยอดของตัวเองออกมาแล้ว”
ซิงชิวกล่าวว่า “อาสวุธขึ้นสุดยอดอะไร มันก็แค่เบ็ดธรรมดาชัดๆ”
หานเฟยชี้มันไปที่ซิงชิวและพูดว่า “นายจะรู้อะไร พี่ชายของฉันให้สิ่งนี้กับฉัน มันเป็นเบ็ดเหล็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเหล่าเบ็ดเหล็ก”
ไม่มีใครเชื่อ “คุณหลอกใครกัน เบ็ดเหล็กขึ้นสุดยอดหรอ มันก็เป็นแค่เบ็ดเหล็กธรรมดาๆนั่นแหละน่า”
หานเฟยกล่าวว่า “หรือจะลอง นายเป็นระดับเจ็ดจริงๆหรือ ทำไมนายไม่รู้ล่ะว่ามันดีแค่ไหน นอกจากนี้พี่ชายของฉันคอยช่วยฉันอยู่ หรือนายกังวลว่านายจะจ่ายไม่ไหวถ้าแพ้กันล่ะ
ซิงชิวกล่าวว่า “นั่นคือสิ่งที่ฉันรอคอย! มาเล้ย! นายไม่สามารถยอมแพ้ได้ในตอนนี้แม้ว่านายจะต้องการก็ตาม!”