Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 3.2 กล้ามอกของท่านผู้บัญชาการกองพันนั้นไม่เลวจริงๆ! (2)

“อ้วนน้อยโจว มานี่สิ” เสียงเรียกอย่างเย็นชาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ดังมาจากข้างในกระโจม โจวเหว่ยชิง นิ่งงันสักพักก่อนจะคิดได้ว่าเธอกำลังเรียกตน เขาจึงรีบเร่งเดินเข้าไปข้างใน
ข้างในกระโจมขนาดใหญ่นี้เต็มไปด้วยอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้และอาวุธมากมาย ซึ่งส่วนมากนั้นเป็นอุปกรณ์สำหรับนักธนู ซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นยังไม่ได้เก็บดาบของตนเองเข้าฝัก ในทางกลับกัน เธอวางกระแทกมันลงบนโต๊ะอย่างแรง ก่อนจะกล่าวกับพลทหารที่อยู่แถวนั้น “มอบอุปกรณ์ให้เขา แล้วก็พาออกไปให้พ้นหน้าข้าด้วย”
ในกระโจมมีทหารอยู่มากกว่า 10 นาย พวกเขากำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ และส่งมอบมันให้แก่เหล่าทหารใหม่ แน่นอนว่าทหารเหล่านั้นไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ก่อนหน้า และได้แต่สงสัยว่าเหตุใดผู้บัญชาการกองพันจึงดูหงุดหงิดผิดปกติเช่นนี้ หลังจากได้รับคำสั่ง ทหารที่ดูมีประสบการณ์นายหนึ่งก็หยิบชุดอุปกรณ์ของนักธนูส่งให้แก่โจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงก้มมองดูสิ่งที่เขาได้รับมาอย่างละเอียด มันเป็นชุดเครื่องแบบทหาร 2 ชุด ประกอบไปด้วย ถุงเท้า รองเท้า ชุดทหาร ชุดเกราะหนัง คันธนูยาวที่มีขนาดกว้างตัวโจวเหว่ยชิง แล่งธนู 2 กระบอก และหมวกขนาดใหญ่ 1 ใบ
ในกองทัพทั้งหมดนั้นมีเพียงนักธนูที่ได้รับอุปกรณ์เช่นหมวกใบกว้างนี้ จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันไม่ใช่เพื่อป้องกันลมแต่เพื่อบังแสงจ้าของดวงอาทิตย์ต่างหาก เนื่องจากนักธนูต้องการวิสัยทัศน์ที่ดีที่สุดเพื่อที่จะเล็งเป้า หากพวกเขาตกอยู่ในตำแหน่งที่ต้องหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ ความแม่นยำของพวกเขาย่อมต้องลดลง  ดังนั้นนักแม่นธนูจึงต้องสวมใส่หมวกใบใหญ่ไว้เพื่อบังแสงแดดและเพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นให้แก่พวกเขา
นายทหารคนนั้นมอบเหรียญทองให้แก่โจวเหว่ยชิง 3 เหรียญ ก่อนจะกล่าวกับเขา “นี่คือค่าจ้างปีแรกของเจ้า เจ้ามีเวลาหนึ่งวัน กลับไปเก็บของที่บ้านแล้วก็จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย กลับมาที่นี่วันพรุ่งนี้ก่อนเวลาบ่ายโมงตรง จำไว้ว่าอย่าทำอุปกรณ์ที่แจกไปเสียหาย เพราะเมื่อเจ้ากลับมาวันพรุ่งนี้ เจ้าจะต้องสวมเครื่องแบบทหารพร้อมอุปกรณ์มาด้วย เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจขอรับ” ถ้าไม่ใช่เพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงคงจะตื่นเต้นกับการได้รับอุปกรณ์ทหารเหล่านี้มาก อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในตอนนี้เขาก็ยังจำความรู้สึกตอนสัมผัสสิ่งนุ่มๆนั่นได้ โจวเหว่ยชิงพลันคิดในใจว่าตนจะไม่ล้างมือไปซักพักซักใหญ่ๆ
ตามปกติแล้วนั้น ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ในฐานะผู้บัญชาการกองพันควรกล่าวอะไรสักอย่างเพื่อปลุกใจทหารใหม่ แต่ทว่าตอนนี้จะให้เธอพูดอันใดได้? ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอทำคือจ้องมองโจวเหว่ยชิงด้วยสายตาดุร้ายจนเขาไม่กล้าจะมองกลับ โจวเหว่ยชิงย่อมไม่กล้าอยู่นานไปกว่านี้ เขารีบคว้าสัมภาระก่อนจะวิ่งกระโจนออกไป
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองตามโจวเหว่ยชิง ก่อนจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคิดกับตนเอง
เจ้าอ้วนน้อยโจวนะเจ้าอ้วนน้อยโจว! รอก่อนเถอะ ข้าจะให้เจ้าชดใช้แน่!
ถ้าหากโจวเหว่ยชิงได้รู้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังคิดจะหาวิธีทรมาณเขาอยู่ คนเจ้าเล่ห์อย่างเขาจะต้องรีบตอบกลับเป็นแน่ว่า “ย่อมได้! ข้ายอมให้ท่านบีบคืนทุกส่วนบนร่างกายเลยเป็นไง!” หรือแม้กระทั่งอาจจะพูดว่า “ก็กล้ามอกของข้ามันโตไม่ได้เหมือนของท่านนี่นา!”
ขณะที่เขากำลังจะเดินพ้นจากเขตกองบัญชาการ โจวเหว่ยชิงก็สังเกตได้ว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนี้เลย เมื่อมองไปรอบๆ เด็กหนุ่มก็สังเกตเห็นป้ายห้องน้ำอยู่ ซึ่งบนป้ายนั่นก็มีสัญลักษณ์แปลกๆ ที่เขาไม่รู้จักติดอยู่ด้วย
เด็กหนุ่มรีบคว้าสัมภาระของตนและวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ ซึ่งเมื่อไปถึงที่นั่น โจวเหว่ยชิงก็พบว่ามันสะอาดและน่ารื่นรมย์กว่าที่คาดไว้ แม้ว่ามันจะมีเพียงหนึ่งห้องและมีประตูที่ทำจากไม้เท่านั้นก็ตาม
โจวเหว่ยชิงมองหาที่สะอาดๆ และวางสัมภาระลง ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าของตนออก ก่อนหน้านี้เสื้อผ้าภายในชุดคลุมของเขามีสภาพขาดวิ่นจนดูแทบไม่ได้ แถมยังรู้สึกไม่สบายตัวอีกด้วย ดังนั้นตั้งแต่ได้รับชุดเครื่องแบบทหารนี่มา เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเปลี่ยนไปใส่ชุดทหารให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อเขาถอดชุดคลุมออก ร่างกายก็แทบจะเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โจวเหว่ยชิงไม่ได้รีบร้อนใดๆ เด็กหนุ่มยืนผ่อนคลายสักพักก่อนจะเริ่มปลดเบาด้วยความรื่นรมย์
ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังยืนทำธุระส่วนตัวอยู่ ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ทว่าเมื่อหันกลับไปข้างหลังก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่าเป็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่กำลังเปิดประตูเข้ามา
ทางด้านซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ขณะที่เปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งแรกที่หญิงสาวเห็นย่อมเป็นบั้นท้ายเปลือยเปล่าของโจวเหว่ยชิง นอกจากนี้ ในเวลานั้นเขากำลังสะบัด “ไอ้เจ้าสิ่งนั้น” ตอนเสร็จสิ้นภารกิจอยู่พอดี ภาพที่เห็นทำให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตกใจจนสิ้นสติ และนั่นก็เป็นเวลาเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงหันกลับมาพอดี
สายตาของทั้งคู่ประสานกัน ก่อนจะมีเสียงร้องดังขึ้นมาจากทั้งสองฝั่ง ที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือเสียงกรีดร้องของโจวเหว่ยชิงนั้นกลับดังกว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์เสียอีก
ใบหน้างดงามของซ่างกวนปิงเอ๋อร์กลายเป็นสีแดงเถือกด้วยความอับอาย เธอจึงรีบผละออกไปในพริบตานั้นเอง โจวเหว่ยชิงพลันได้สติ รีบสะบัด “เจ้าสิ่งนั้น” ให้เสร็จก่อนจะเก็บเข้าที่ เขารีบสวมเสื้อผ้าและคิดในในว่า ซวยอีกแล้วไง!
เมื่อสะพายคันธนูยาวที่กลางหลังและสวมหมวกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบร้อนเดินออกมาที่ประตูทางออกพลันหาทางหนีทีไล่ในใจ ข้าควรจะรีบวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด! ขอให้นางจับไม่ทันด้วยเถิด!
“หยุด!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตะโกนเรียกโจวเหว่ยชิงอย่างโมโห ใบหน้าของเธอขึ้นสีด้วยความโกรธ “ไอ้เจ้าคนวิปริต! อยู่ตรงนั้นเลยนะ ห้ามขยับ! เดี๋ยวข้าจะไปจัดการกับเจ้า!” ขณะที่พูดซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รีบสวนเท้าเข้ามาใกล้
นี่มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่ออีกเรื่องของวันซะจริงๆ สาเหตุที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ตรวจดูก่อนนั่นก็เป็นเพราะว่าห้องน้ำนี้เป็นห้องน้ำส่วนตัวของเธอโดยเฉพาะ ดังนั้นสัญลักษณ์ที่ป้ายห้องน้ำจึงดูแปลกประหลาดกว่าที่อื่น เพราะมันหมายถึงห้องน้ำส่วนตัวของผู้บัญชาการกองพัน
เนื่องจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงส่วนน้อยของกองทัพ ประกอบกับการที่เป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์และเป็นยังความหวังของอาณาจักร นั่นจึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่ผู้บัญชาการกรมทหารจะมอบสิทธิพิเศษอย่างห้องน้ำส่วนตัวให้กับเธอ
ในตอนแรก เธอรีบร้อนออกมาจากกระโจมก็เพื่อจะเข้าห้องน้ำ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายนั้นกับเจ้าอ้วนน้อยโจว ทำให้การเข้าห้องน้ำของเธอต้องถูกเลื่อนออกไป หลังจากที่โจวเหว่ยชิงจากไปแล้วเธอก็พลันสงบสติอารมณ์ลงได้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปห้องน้ำอีกครั้งเพื่อทำธุระของตนให้เสร็จ คาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญไปเจอเขาเข้าอีกรอบในสถานการณ์ที่หมอนั่นยืนเปลือยเปล่าทั้งตัว! ดังนั้นเธอจึงไม่เพียงแต่อายและโกรธ ในใจยังสับสนวุ่นวายมากอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์อยากจะอัดโจวเหว่ยชิงให้น่วมแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ยังอยากจะจัดการ “ธุระ” ของเธอให้เสร็จเสียก่อน! คิดได้ดังนั้นเธอจึงผลุนผลันเข้าห้องน้ำไป ส่วนเรื่องคิดบัญชีกับเขานั้นเอาไว้ทีหลัง!
….
รออยู่ตรงนี้ก็ซวยน่ะสิ! โจวเหว่ยชิงคิดกับตนเอง มีเพียงคนโง่เท่านั้นแหละที่จะรอที่นี่ บางทีพรุ่งนี้นางอาจจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วก็ได้ สุดท้ายโจวเหว่ยชิงก็ขัดคำสั่งของผู้บัญชาการกองพันและวิ่งหลบหนีไป หลังจากออกมาจากเขตค่ายทหาร เขาก็มุ่งหน้าไปยังกลางเมืองหลวงทันที เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์ออกมาจากห้องน้ำ ไอ้เจ้าคนโรคจิต (ในสายตาของเธอ) นั้นก็ได้หนีหายไปแล้ว นั่นทำให้หญิงสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ
หลังจากที่มาถึงเมืองหลวง โจวเหว่ยชิงก็มองหาที่พักเพื่อจะนอนสักคืน เขาซื้อพู่กันและกระดาษเพื่อจะเขียนจดหมายหาบิดา
ท่านพ่อ ท่านมักจะพูดว่าข้านั้นไร้ประโยชน์ แต่ข้าก็รู้ว่า แม้ข้าจะเป็นเศษสวะแต่นั่นก็คือตัวตนของข้าเอง ดังนั้นข้าจึงจะไม่อยู่สร้างปัญหาให้ท่านอีกต่อไป ก็เหมือนกับที่โบราณว่าไว้ว่า อ่านหนังสือหมื่นเล่มก็ไม่เท่าออกเดินทางหมื่นลี้ ข้าจึงตัดสินใจจะออกเดินทางไปผจญภัยและสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ดังนั้นช่วยบอกเลิกงานหมั้นระหว่างข้ากับองค์หญิงตี้ฝูหยาด้วย เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วข้าก็เป็นเพียงเศษสวะไร้ประโยชน์ในขณะที่นางกลับเป็นถึงอัจฉริยะยอดคน ข้าจึงไม่ต้องการจะเป็นตัวถ่วงในชีวิตของนาง ยิ่งไปกว่านั้น ท่านก็รู้ว่านางไม่ได้ชอบข้าเลยแม้แต่น้อย นั่นคือทั้งหมดที่ข้าอยากจะบอกกับท่าน โปรดช่วยดูแลท่านแม่และไม่ต้องตามหาข้า ท่านก็รู้ว่าข้ากลัวตายมากกว่าใคร ดังนั้นข้าจะกลับไปอย่างมีชีวิตเป็นๆ แน่นอน ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า          
โจวเหว่ยชิง
หลังจากเขียนจดหมายเสร็จ เขาก็ไปยังร้านค้าที่รับฝากส่งจดหมายและจ่ายเงิน ซึ่งจดหมายนั่นจะไปถึงบ้านของโจวเหว่ยชิงในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังร้านของช่างตีเหล็ก เนื่องจากเขากำลังจะเป็นทหาร โจวเหว่ยชิงจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตนเองเป็นอันดับหนึ่ง ดังที่ได้กล่าวไว้ในจดหมาย เขานั้นกลัวตายมากกว่าคนอื่นๆ และเนื่องจากวันนี้เป็นวันเดียวที่โจวเหว่ยชิงว่างงาน ดังนั้นจึงตัดสินใจจะจัดการธุระให้เรียบร้อยก่อนจะต้องกลับไปที่ค่ายในวันพรุ่งนี้
โจวเหว่ยชิงนั้นเติบโตในเมืองหลวง เด็กหนุ่มจึงคุ้นเคยกับตรอกซอยทุกที่ในเมืองนี้ เนื่องจากเขายังเด็กและใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจากการดูถูกเหยียดหยามของผู้อื่น การออกจากตระกูลในครั้งนี้ทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกมีชีวิตชีวาราวกับลูกนกหลุดออกจากกรง ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้รู้สึกคิดถึงบ้านมากนัก
หลังจากเดินไปไม่นาน โจวเหว่ยชิงก็เลี้ยวเข้าไปยังร้านช่างตีเหล็กที่ใกล้ที่สุดทันที
…………………………………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset