Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 3.1 กล้ามอกของท่านผู้บัญชาการกองพันนั้นไม่เลวจริงๆ! (1)

โจวเหว่ยชิงเคยพบซ่างกวนปิงเอ๋อร์เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในพิธีมอบตำแหน่งของเธอ อาณาจักรต่างๆ ในดินแดนไร้ขอบเขตนั้นมักจะมีลำดับยศขุนนางอยู่ทั้งหมด 6 ขั้นแตกต่างกัน เรียงจากขุนนางขั้นที่ 6 คือขั้นที่ต่ำสุดไปจนถึงขุนนางขั้นที่ 1 ซึ่งเป็นขั้นสูงสุด  แน่นอนว่าในหลายๆ อาณาจักร บรรดาศักดิ์แต่ละขั้นก็มักจะมีอำนาจแตกต่างกันออกไป
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นเกิดในครอบครัวธรรมดา ทว่าหญิงสาวกลับได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางขั้นที่ 6 เมื่ออายุได้เพียง 12 ปี ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้เลื่อนขึ้นเป็นขุนนางขั้นที่ 5 ในปีถัดมาอีกด้วย
ความจริงแล้วในปีนี้หญิงสาวจะมีอายุครบ 15 ซึ่งมากกว่าโจวเหว่ยชิงอยู่ 2 ปี แต่ถึงกระนั้น ยศของเธอก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นขุนนางขั้นที่ 4 เช่นเดียวกับโจวเหว่ยชิงแล้ว  อย่างไรก็ตาม หากเทียบกันแล้ว ตำแหน่งของซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นได้รับมาจากความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง ต่างกับบรรดาศักดิ์ของของโจวเหว่ยชิงที่ได้รับตกทอดมาจากบิดาของเขา ฉะนั้นถึงแม้ว่าองค์หญิงตี้ฝูหยาจะดูราวกับเป็นดาวดวงเด่นดวงใหม่ของราชวงศ์ แต่เธอก็ยังดูหม่นแสงเมื่อเปรียบเทียบกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เพราะถึงแม้จะมีอายุน้อยกว่าเจ้าหญิง 1 ปี แต่หญิงสาวกลับเป็นผู้ครอบครองมณีถึง 2 ชุด นั่นก็คือทั้งมณีธาตุและมณียุทธ์นั่นเอง
เมื่ออายุได้ 12 ปี ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ฝึกพลังปราณสวรรค์ขั้นพื้นฐานทะลุไปถึงระดับ 3 จากนั้นเธอก็ปลุกพลังมณีคู่ของตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งปกติแล้วหากมณียุทธ์และมณีธาตุปรากฏขึ้นพร้อมกันในตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็มักจะถูกเรียกโดยรวมว่ามณีสวรรค์ และคนผู้นั้นจะถูกเรียกว่า จ้าวมณีสวรรค์
ปรากฏการณ์เช่นนี้หายากกว่าการให้กำเนิดลูกแฝดในครอบครัวเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาณาจักรเล็กๆเช่นเกาทัณฑ์สวรรค์ที่ซึ่งจ้าวมณีสวรรค์นั้นมีจำนวนหยิบมือ ดังนั้นเหตุผลที่ว่าทำไมซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถึงถูกยกย่องโดยอาณาจักรและได้รับตำแหน่งขุนนางขั้นที่ 4 ตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นจึงเป็นเพราะเธอคือจ้าวมณีสวรรค์คนที่สองของอาณาจักรอย่างไรล่ะ! และแน่นอน จ้าวมณีสวรรค์คนแรกนั้นย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากบิดาของโจวเหว่ยชิง แม่ทัพใหญ่โจวนั่นเอง
แม้ว่าแม่ทัพใหญ่โจวจะเป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์คนแรกของอาณาจักร แต่ทว่าระดับขั้นพลังของผู้เป็นบิดานั้นก็ยังคงเป็นที่สงสัยมาตลอดภายในใจของโจวเหว่ยชิง เนื่องจากเขาเส้นสมปราณอุดตันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ บิดาจึงไม่เคยพูดเกี่ยวกับการฝึกฝนของจ้าวมณีสวรรค์เลย สิ่งเดียวที่โจวเหว่ยชิงรู้ก็คือเรื่องผิวเผินอย่างการที่จ้าวมณีสวรรค์นั้นคือส่วนผสมของจ้าวมณีธาตุและจ้าวมณียุทธ์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังของจ้าวมณีสวรรค์จะคล้ายคลึงกับจ้าวมณีธาตุและจ้าวมณียุทธ์ แต่ในความเป็นจริงนั้น การฝึกฝนปราณสวรรค์และการเลื่อนขั้นระดับพลังของจ้าวมณีสวรรค์นั้นมีความแตกต่างกับการฝึกธรรมดาของจ้าวมณียุทธ์และจ้าวมณีธาตุเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งรูปลักษณ์ของมณีและทักษะธาตุที่จ้าวมณีสวรรค์ครอบครองนั้นก็แตกต่างกับทั้งจ้าวมณียุทธ์และจ้าวมณีธาตุ อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วความแตกต่างนั้นคืออะไรกันแน่ สิ่งที่เขารู้ก็คือจ้าวมณีสวรรค์นั้นแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับจ้าวมณีอื่นๆ ดังนั้นหลายครั้งหลายครา โจวเหว่ยชิงก็วาดฝันว่าเขาจะกลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์
ครั้งเดียวที่โจวเหว่ยชิงเคยเห็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็คือวันที่เธอได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางระดับ 4 ซึ่งในวันนั้นจักรพรรดิเป็นผู้ที่เป็นคนมอบตำแหน่งให้เธอด้วยพระองค์เอง และในเวลานั้นบิดาของโจวเหว่ยชิงก็พาเขาไปชมพิธีการด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเคยเห็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์มาก่อนและสามารถจดจำเธอได้ในพริบตา แม้ว่าเธอนั้นจะไม่รู้จักเขาก็ตาม
น่าเสียดายที่ตอนนี้สีหน้าของหญิงสาวที่งดงามที่สุดในอาณาจักรกำลังดูบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ รูปลักษณ์ที่อ่อนโยนราวกับสายน้ำคล้ายกำลังจับตัวเป็นน้ำแข็งเย็นยะเยือก เธอขมวดคิ้ว แขนทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาปกปิดหน้าอกเอาไว้
เวลานี้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทั้งตกใจและโมโห เธอเพิ่งจะเดินออกจากกระโจมกองบัญชาการใหญ่ตอนที่เจ้าเด็กนี่เลิกผ้าม่านอย่างไม่ระมัดระวังจนไปโดนหน้าอกของเธอเข้า! ความจริงแล้วตั้งแต่เด็กยังไม่มีผู้ชายคนไหนได้แตะต้องร่างกายของตนด้วยซ้ำเนื่องจากหญิงสาวไม่มีบิดาและถูกเลี้ยงมาโดยมารดาแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งไปกว่านั้น หากเธอไม่ได้กำลังตกใจและต้องคอยยกมือขึ้นกันหน้าอกไว้ด้วย แรงเตะที่โจวเหว่ยชิงได้รับอาจจะรุนแรงกว่านี้ก็เป็นได้
โจวเหว่ยชิงพลันถูกปลุกขึ้นมาสู่ความเป็นจริงตรงหน้า เขานึกย้อนไปถึงคำพูดที่ผู้คุมคนนั้นได้กล่าวเอาไว้ และทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าหญิงงามตรงหน้าเขานี้เป็นผู้บัญชาการกองพัน ยิ่งไปกว่านั้นคือ เธอเป็นผู้บัญชาการกองพันที่ 3 ผู้ที่จะต้องมอบอุปกรณ์ฝึกทหารให้กับเขาคนนั้นนั่นเอง! เมื่อเหม่อมองไปที่ใบหน้าและท่าทางอันแสนเยือกเย็นของซ่าง กวนปิงเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงก็พลันตระหนักได้ว่าเขาเพิ่งจะจับโดนส่วนต้องห้ามของอีกฝ่ายเข้า!
ก่อนหน้านี้ที่ที่ป่าดารา เขาเพิ่งจะได้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าขององค์หญิงตี้ฝูหยา และพลันรู้สึกตื่นเต้นเลือดลมสูบฉีดเป็นอย่างมาก และในตอนนี้ เขาก็เพิ่งจะได้จับตรงส่วนนั้นของซ่างกวนปิงเอ๋อร์! เหตุใดวันนี้เขาถึงได้ดวงดีเช่นนี้? ในวันนี้วันเดียว เด็กหนุ่มได้มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับหญิงสาวที่โด่งดังที่สุดในอาณาจักรถึง 2 คน!
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้สัมผัสไปก่อนหน้านี้ “ปุ” เลือดกำเดาไหลของเขาก็ไหลออกมาอีกครั้ง แม้ว่าสีหน้าของโจวเหว่ยชิงจะดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เลือดกำเดาที่ไหลออกมานั้นก็ได้เปิดเผยความคิดที่สกปรกของเขาเข้าให้แล้ว
“เจ้าเป็นใคร?” เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงมีเลือดกำเดาไหลออกมา สีหน้าของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ยิ่งเย็นชา เธอชักดาบออกมาก่อนจะร้องตะโกนและชี้ดาบไปยังโจวเหว่ยชิงในเวลาเดียวกัน
“อ๊าาาาา นี่มันเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น! ขะ ข้า ข้าเป็นทหารใหม่น่ะขอรับ ข้ามาที่นี่เพื่อรายงานตัวรับอุปกรณ์และชุดของข้า” โจวเหว่ยชิงโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าใบสมัครจากมือโจวเหว่ยชิงไปดู สีหน้าของเธอดูสงบลงเล็กน้อยหลังจากตระหนักได้ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ แม้ว่าลึกๆ แล้วเธอจะโกรธโจวเหว่ยชิงมากก็ตาม
“แล้วทำไมเจ้าถึงต้องทำท่าทางลุกลี้ลุกลนขนาดนั้นด้วย?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เก็บดาบของเธอ รังสีฆ่าฟันในดวงตาค่อยๆ จางหายไป ทว่าน้ำเสียงของเธอยังคงไว้ซึ่งความเย็นชา ดูเหมือนว่าท้ายที่สุดแล้วหญิงสาวก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้แม้ว่าจะถูกเขาพลาดกระทำเช่นนั้นลงไป
โจวเหว่ยชิงรู้สึกประทับใจในตัวของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นอย่างมาก ดูสิ! นางเกิดในตระกูลธรรมดาๆ แต่ทว่ากลับมีเมตตามากกว่าองค์หญิงของอาณาจักรซะอีก! ความอับอายที่เธอได้รับนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าตี้ฝูหยาเลย แต่ปฏิกิริยาของคนทั้งสองกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าหากว่านางเป็นคู่หมั้นของข้าแทนล่ะก็ มันจะดีสักเพียงใดนะ? โจวเหว่ยชิงเริ่มฝันกลางวันเป็นตุเป็นตะอยู่ในใจ
“ตามข้าเข้าไปข้างใน” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หันไปผลักม่านเดินกลับเข้าไปในกระโจมกองบัญชาการใหญ่อีกครั้ง
โจวเหว่ยชิงกำลังจะเดินตามเข้าไป แต่ทว่ากลับมีคนผู้หนึ่งเข้ามาประชิดตัวเขาเข้าเสียก่อน จากนั้นเด็กหนุ่มก็ได้ทราบว่าทหารผู้นี้ได้เดินตามซ่างกวนปิงเอ๋อร์ออกมาจากกองบัญชาการใหญ่ก่อนหน้านี้ ชายผู้นั้นสวมเกราะเบาปกปิดจุดตายบนร่างกาย หมวกของเขายังประดับไปด้วยขนนกสีเหลือง นี่เป็นสัญลักษณ์ของทหารตำแหน่งผู้บัญชาการกองร้อย แต่เนื่องจากความสนใจทั้งหมดของโจวเหว่ยชิงพุ่งไปที่ผู้บัญชาการกองพันแต่เพียงผู้เดียว จึงไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา
ชายคนนั้นกระซิบเสียงเบา “เฮ้ยไอ้หนู ใจกล้าไม่เบาเลยนี่หว่า รู้สึกยังไงบอกข้าบ้างสิ?”
โจวเหว่ยชิงนั้นราวกับตกอยู่ในภวังค์ เขาจึงกล่าวออกมาอย่างใจลอย “กล้ามอกของท่านผู้บัญชาการกองพันนั้นไม่เลวจริงๆ!”
นายกองคนนั้นเพียงตั้งใจจะหยอกล้อเขาเล่นด้วยความอิจฉาเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าไอ้เด็กหนุ่มนี้จะตอบเขากลับมาเสียงดังฟังชัด ผิดกับรูปลักษณ์ใสซื่อของเจ้าตัวเป็นอย่างมาก ซึ่งคำตอบของโจวเหว่ยชิงนั้นสามารถนิยามได้เพียงว่า “ช่างไม่กลัวตายเสียจริง!”
จู่ๆ ก็มีแสงวาบผ่านหน้าเขา โจวเหว่ยชิงรู้สึกขนหัวลุกขึ้นกะทันหันเมื่อมองเห็นม่านด้านหน้าเขาถูกฟันออกเป็นสองส่วน ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยืนอยู่หลังม่านนั้น มือที่ถือดาบอยู่สั่นด้วยความโกรธ เธอจ้องมองโจวเหว่ยชิง “ถ้ายังขืนพูดเรื่องนี้อีก ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นขันทีซะ!”
“ผู้บัญชาการกองพัน! ข้าขอโทษขอรับ ข้าผิดไปแล้วจริงๆ!!” โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกผิดที่เผลอพูดออกไปเสียงดังทั้งๆ ที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อยู่ใกล้ซะขนาดนี้ เขาลนลานกล่าวยอมรับผิดด้วยใบหน้าลุแก่โทษ
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่งเสียงฮึ่มฮัมในลำคอก่อนจะหมุนตัวกลับไปในกระโจม นายกองผู้นั้นเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงยกนิ้วโป้งให้แก่โจวเหว่ยชิงก่อนจะรีบชิงเผ่นจากไป ปกติแล้วซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นคนไม่ค่อยถือตัว และยังควบคุมอารมณ์ได้ดี ทว่าเมื่ออยู่ในสนามรบหญิงสาวก็โหดเหี้ยมไม่แพ้ใครๆ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากคอยอยู่เป็นเป้ารับอารมณ์ของอีกฝ่ายหรอกนะ!
……………………………………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset