I Don’t Want To Defy The Heavens – DTH ตอนที่ 59

ณ ลานด้านหลัง

 

หลิน ฟานไม่รู้ว่าจะทําอะไรต่อดี เนื่องจากตอนนี้เหลียงหยงฉีไม่น่าจะได้ออกมาข้างนอกอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้เองเมืองหยู ฉางจึงไม่มีเรื่องสนุกๆให้เขาทําอีกต่อไป

 

สําหรับพ่อลูกตระกูลหยวนต้องบอกว่าพวกเขาโชคดีมาก 

 

เขาไม่เคยพบกับคนเหล่านี้ขณะที่เดินเล่นอยู่ในเมืองมาก่อน พวกเขาค่อนข้างระวังตัวและบางที่พวกเขาอาจจะพยายามหลีกเลี่ยงเขา สาเหตุมันคงมาจากเพราะพวกเขารู้ว่าเขาอันตรายและไม่กล้าเข้ามาใกล้

 

หลังจากที่คิดอยู่นานนี่น่าจะเป็นความเป็นไปได้เดียวที่เขาคิดออก

 

เขามองไปที่ระบบสนับสนุนขนาดเล็ก

 

ในแถบสถานะคะแนนความโกรธที่เขามีนั้นไม่เลวเลยมันเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก

 

คะแนนความโกรธ : 5,826

 

“การบ่มเพาะไม่เห็นจะยากเลย มันง่ายเกินไปด้วยซ้ำที่ข้าต้องทําก็เพียงแค่เพิ่มคะแนนลงไปเท่านั้น แต่จากสถานการณ์ของข้าตอนนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะการมีตัวตนอยู่ของมือสังหารลึกลับคนนั้น ใครจะรู้ว่าเขาจะมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่ ดังนั้นข้าต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้”

 

ระบบสนับสนุนขนาดเล็กได้ให้ตัวเลือกกับเขามากมาย 

 

เขาสามารถเพิ่มคะแนนลงไปในร่างกายหรือกําลังภายในได้

 

ส่วนเทคนิคการบ่มเพาะจิตใจหรือเทคนิคการเพาะปลูกเขาก็สามารถใส่คะแนนลงไปได้เช่นกัน

 

แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าเขาต้องใช้คะแนนความโกรธอีกมากแค่ไหนถึงจะเติมเต็มสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้

 

หลิน ฟานไม่ได้คิดมากและตัดสินใจลงคะแนนไปที่กําลังภายในทันที

 

เพราะเขาคิดว่ามันค่อนข้างดี ดังนั้นเขาจึงใช้คะแนนของเขาไปกับมัน

 

กําลังภายในของเขาที่เดิมอยู่ที่ 90 จุดค่อยๆขยับเพิ่มขึ้นทีละน้อย

 

กําลังภายใน : 120 (เส้นทางการต่อสู้ขั้นสี่)

 

เขาใช้คะแนนความโกรธไปทั้งสิ้น 3,000 คะแนน

 

ทันใดนั้นเองหลิน ฟานที่กําลังนั่งขัดสมาธิอยู่ก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของกําลังภายในของเขาที่ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

กําลังภายในที่แข็งแกร่งอย่างไม่มีเหตุผลของเขาสามารถเทียบได้กับการพยายามอย่างหนักตลอดหลายปีสําหรับคนธรรมดา

 

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทําให้เขารู้สึกอึดอัด แต่มันก็จบก่อนที่เขาจะทันได้รู้สึกตัว

 

“หืม ดูเหมือนว่าข้าจะสามารถมองเข้าไปในร่างกายได้” โครงสร้างภายในร่างกายปรากฏขึ้นในใจของเขา มันเหมือนกับการเอ็กซเรย์แต่ชัดเจนกว่า

 

เขาชักนํากําลังภายในของเขาและรู้สึกได้เลยว่ามีพลังงานโปร่งใสกําลังไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณของเขา

 

นี่คือกําลังภายใน

 

“ข้าสามารถมองเข้าไปในร่างกายได้เมื่อกําลังภายในบรรลุถึงเส้นทางการต่อสู้ขั้นสี่ ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้!”

 

เส้นทางการต่อสู้มีทั้งหมดสิบสองขั้น แต่ละขั้นก็จะมีความพิเศษในตัวของมันเอง

 

ขั้นที่สี่นั้นน่าสนใจเล็กน้อย ในความคิดของเขาสิ่งต่อไปที่เขาต้องทําก็คือการหาเทคนิคการบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง

 

ช้าก่อน คืนนี้มือสังหารอาจจะไม่มา ตราบใดที่เขาไม่มาในคืนนี้ นั่นก็หมายความว่าข้าจะปลอดภัย! หรือบางที่มือสังหารอาจจะลืมข้าไปแล้วก็เป็นได้

 

ค่ำคืนได้มาเยือน ท้องฟ้ากลายเป็นมืดสนิท

 

คฤหาสน์ตระกูลหลินกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง

 

ไม่มีใครรู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน

 

อยู่ๆมันก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นเสียงตะโกนออกมาด้วยความโกรธเสียมากกว่า

 

เสียงได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีประกายไฟสว่างขึ้นที่ลานด้านหลังเป็นครั้งคราว

 

แต่น่าแปลกที่มันกลับไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยทั้งๆที่สถานกาณ์มันรุนแรงขนาดนี้

 

รุ่งอรุณได้มาเยือน

 

โกวชิตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยอาการเจ็บที่หลังคอเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงถืออ่างล้างหน้ามารออยู่ที่ด้านนอก

 

หลังจากที่รออยู่นานเขาก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกของนายน้อย

 

“นายน้อย ท่านตื่นรึยังขอรับ?” หลังจากที่เห็นว่ามันไม่เข้าเกินไปโกวชิจึงถามออกมาอย่างสุภาพ

 

ไม่มีเสียงตอบกลับ

 

แอ๊ด~

 

เมื่อโกวชิผลักประตูเข้าไปเขาก็พบกับนายน้อยที่กําลังนั่งอยู่บนเตียง หลังของท่านหันมาทางเขาโดยที่ร่างไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยราวกับมีบางอย่างเกิดขึ้น

 

เขาตื่นตระหนกทันทีและคิดว่านายน้อยต้องเจอเรื่องบางอย่างที่เลวร้ายมาแน่

 

“นายน้อย! นายน้อย!”

 

“ออกไปซะ และไม่ต้องเข้ามา” หลิน ฟานพูดด้วยเสียงต่ำราวกับเขาได้รับผลกระทบทางจิตใจ จากนั้นเขาก็พูดกระตุ้นอีกครั้ง “ฟังข้าแล้วออกไป วันนี้ข้าไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาทั้งนั้น”

 

โกวชิทําตัวไม่ถูก

 

มันเกิดอะไรขึ้น?

 

แม้จะสงสัย แต่เขาก็ยังคงเชื่อฟังคําสั่งของนายน้อย เขาวางอ่างล้างหน้าเอาไว้ที่มุมหนึ่งและเดินออกมาทันที

 

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ หลิน ฟานจึงเดินมาที่หน้ากระจกและสัมผัสใบหน้าของตนเอง “เชี่ย! นี่ข้าไปล่วงเกินใครกัน? ถ้าเจ้ากล้าก็สังหารข้าในดาบเดียวซะสิ! ทําไมต้องทรมานกันด้วย?”

 

เมื่อคืนมือสังหารมาที่นี่อีกครั้ง

 

ขณะที่เขากําลังนอนหลับสบายอารมณ์โดยฝันว่าเขาได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลหลินและได้สิ่งที่เขาต้องการ แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่ความฝันของเขาจะจบลงมันก็ถูกขัดจังหวะโดยมือสังหารเสียก่อน

 

การต่อสู้ระหว่างพวกเขามันดุเดือดมาก

 

กําลังภายในที่ถึงขั้นสี่ของเขาบวกกับวิชาดาบพยัคฆ์อาฆาตที่ทรงพลัง ทําให้การฟาดฟันของเขาแต่ละครั้งมันรุนแรงและแฝงไปด้วยพลังที่มิอาจหยุดยั้งได้

 

แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันเปล่าประโยชน์

 

มือสังหารที่เขาเจอในคราวนี้ดุร้ายและรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วมาก มีหลายครั้งที่เขาถูกต้อนจนมุมและเกือบตาย

 

หากไม่ใช่เพราะความปรารถนาที่อยากจะมีชีวิตอันแรงกล้าของเขา เกรงว่าเขาคงจะตายไปนานแล้ว

หลิน ฟานก้มหน้าลงและจมอยู่ในความคิด

 

ทําไมชายคนนั้นต้องทําแบบนี้ด้วย?

 

หลังจากที่เขาเข้ามาข้าก็ไม่มีวันที่ดีเลย

 

“บ่มเพาะ! ข้าต้องบ่มเพาะ! ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นแต่เป็นการอัดมือสังหารคนนี้ให้จมดิน มิฉะนั้นข้าจะไม่มีวันที่สงบสุขเลยแม้แต่วันเดียว”

 

หลิน ฟานกําหมัดแน่นและพยายามระงับความโกรธในใจ เขาต้องทําเรื่องพวกนี้อย่างไม่เต็มใจ เพราะมันมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถรังแกผู้อื่นได้โดยใช้สถานะของตน และเขาก็จะไม่ยอมให้ผู้อื่นมารังแกเขาได้เด็ดขาด

 

ด้านนอก

 

โกวชิรู้สึกไม่สบายใจ นายน้อยไม่ได้ทําตัวเหมือนปกติ มันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

แต่ไม่ว่าเขาจะคิดไปมากแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

ภายในห้องโถง

 

ตอนนี้หลิน วานยี่กําลังผ่อนคลายอย่างมาก

 

เขาจะดื่มชาในตอนกลางวัน แต่พอตกดึกเขาจะสวมหน้ากากและปลอมตัวเป็นมือสังหารเพื่อสั่งสอนลูกที่ไม่เอาไหนของเขา

 

โชคดีที่เจ้าเด็กไม่เอาไหนไม่ได้ทําให้เขาผิดหวัง เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงมีความก้าวหน้าอยู่บ้าง

 

“นายท่าน ความก้าวหน้าของนายน้อยก็เป็นที่ชัดเจนแล้วสําหรับเราทั้งคู่ ดังนั้นข้าคิดว่าท่านน่าจะเลิกกังวลเกี่ยวกับเขาได้แล้วกระมั่งขอรับ” อาวุโสวู่กล่าว

 

เขารู้สึกเห็นใจนายน้อยจริงๆ

 

มือสังหารที่เขากังวลนักกังวลหนากลับเป็นพ่อของเขาเองแถมยังทําร้ายเขาอย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหาก

 

“ความก้าวหน้าของเขาช่างรวดเร็วจริงๆ เพียงพริบตาเดียวกําลังภายในของเขาก็มาถึงเส้นทางการต่อสู้ขั้นสี่แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงข้าก็คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเพราะเขาเลื่อนระดับเร็วเกินไป หรือว่าเขาจะทะลวงระดับได้โดยบังเอิญงั้นหรือ?” หลิน วานยี่รู้สึกงงงวย

 

สําหรับคนธรรมดาแล้วมันต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะมาถึงระดับเส้นทางการต่อสู้ขั้นสี่ เมื่อนําความเร็วนั้นมาเทียบกับเจ้าเด็กไม่เอาไหนแล้วของเขามันเร็วเกินไปจริงๆ

 

เขาเพิ่งขึ้นขั้นสามมาได้ไม่นาน แต่เมื่อคืนเขากลับเลื่อนเป็นขั้นสี่แล้ว

 

ขนาดคนที่ใช้ยาช่วยยังไม่เร็วขนาดนี้

 

อาวุโสวู่ยิ้ม “บางทีนี่อาจจะเป็นผลจากความพยายามที่เขาสั่งสมมาตลอดหลายปีก็เป็นได้ขอรับ”

 

หลิน วานยี่ไม่เชื่อเหตุผลที่อาวุโสวู่อ้างมา คนอย่างเจ้าเด็กไม่เอาไหนจะระเบิดศักยภาพได้อย่างไร? ใครจะรู้บางทีเขาอาจจะเจอเข้ากับโชคบางอย่างก็เป็นได้

 

แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก เพราะตอนที่เขายังเด็กเขาก็เจอเข้ากับโชคที่ว่าเช่นกัน

 

“แล้วสถานการณ์ของม่านพลังที่ภูเขาวานลี่เป็นเช่นไรบ้าง?” หลิน วานยี่ถาม

 

สีหน้าของอาวุโสวู่เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น “ข้าได้ไปตรวจสอบมันและพบว่าตอนนี้มันยังเสถียรดี ดังนั้นมันน่าจะไม่มีปัญหาในเร็วๆนี้ แต่ถ้าหากดูจากที่ผ่านมาข้าเกรงว่ามันน่าจะเปิดอีกภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า”

 

ภูเขาวานลี่คือภูเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากเมืองหยูฉางไปหลายร้อยไมล์ มันเป็นเรื่องยากที่จะออกมาหากมีคนหลงเข้าไป เว้นแต่จะมีความคุ้นเคยกับภูมิศาสตร์ของพื้นที่แถวนั้น 

 

“นายท่าน เราควรจะส่งนายน้อยออกไปในช่วงนี้เลยหรือไม่?” อาวุโสวู่ถาม

 

แม้ว่าท่านหัวหน้าตระกูลจะไม่พูดออกมา แต่เขาก็มั่นใจว่าท่านต้องการเช่นนี้แน่นอน

 

ด้วยระดับการบ่มเพาะของนายน้อย หากเขายังอยู่ที่นี่ไม่เพียงแต่เขาจะไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่เขาจะกลายเป็นภาระด้วยซ้ำซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทําไมเราควรจะส่งเขาออกไป

 

“อืม ข้าก็กําลังคิดอยู่ว่าควรจะส่งเขาไปที่ไหนดี เห้อ มันเป็นความผิดของข้าเองที่สร้างศัตรูไว้มากเกินไป ถ้าเจ้าพวกนั้นรู้ว่าข้าจะส่งบุตรชายของข้าออกไป มั่นใจได้เลยว่าพวกมันจะต้องกลั่นแกล้งเขาจนตาย” หลิน วานยี่ปวดหัว 

 

เขาสร้างปัญหาไปทั่วเมื่อเขายังเด็ก เพราะเขาไม่คิดว่าเขาจะมีลูก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลยแม้น้อย 

 

แต่ก่อนที่เขาจะรู้ตัวมันก็ได้เกิดบางสิ่งที่ยากจะอธิบายขึ้น เขาทําผู้หญิงท้องและเขาก็ต้องรับผิดชอบมัน

 

สิบปีต่อมา

 

เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ทีไรมันก็เขาก็ทําให้เขาปวดหัวทุกที

 

ข้าจะส่งเขาไปที่ไหนดี?

 

มันจะมีที่ไหนบ้างที่ปลอดภัยสําหรับเขา?

 

อาวุโสขู่ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะเขารู้ว่าท่านหัวหน้าตระกูลดุร้ายแค่ไหน

 

ส่วนเรื่องที่เขามีศัตรูมาก? ความจริงแล้วคําว่ามากยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ

 

เมื่อมาลองคิดดูอีกที สถานที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด

 

และตอนนี้เมืองหยูฉางก็ยังปลอดภัย

 

I Don’t Want To Defy The Heavens

I Don’t Want To Defy The Heavens

I Don't Want To Defy The Heavens, IDWTDTH, Wǒ Bùxiǎng Nì Tiān A, 我不想逆天啊
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I Don’t Want To Defy The Heavensภายในห้อง มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเงียบสงบกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง พร้อมกับทำสีหน้าเคร่งเครียด อย่างไรก็ตามลึกเข้าไปข้างในแล้วเขากำลังมีความสุข “นี่มันก็วันที่สามแล้ว ข้าคงไม่สามารถกลับไปได้อีกต่อไป” ภายในใจของหลิน ฟานตอนนี้กำลังยุ่งเหยิง เพราะเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขายังอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ตอนนั้นภายในสถานีรถไฟใต้ดิน มีสถานการณ์ที่ไม่สบอารมณ์เกิดขึ้น เมื่อเขาต้องสู้กับพวกสารเลวสองคน แต่ตัวเขาค่อนข้างแข็งแกร่งและได้ใช้วิชาหวิงชุนกลับไป อย่างไรก็ตามสองสามวินาทีต่อมา เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับหมัดขนาดใหญ่ที่กำลังมุ่งตรงมาทางเขา หลังจากเสียง ‘ปัง’ เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลยอีกเลย เมื่อเขารู้สึกตัวอีกทีเขาก็ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่การแกล้งกัน อย่างไรก็ตาม เขารู้จักตัวเองดี เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติหากไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเมื่อเดินสวนกัน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะโดนแกล้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset