Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 114 สัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 114 สัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์

 

พลังวิญญาณที่บรรจุอยู่ในสิงโตทองคำตัวขนาดเท่าภูเขาจะต้องอยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัว

 

เจ้าหมูดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “นี่มันสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์! เป็นสัตว์อสูรทองคำศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง!”

 

ซู่เสี่ยวเสี่ยวขัดขึ้น “หยุดฝันได้แล้ว,นักรบทองคำทั้ง 200 คนของขุนนางกุยยี่อยู่ระดับขอบเขตปรมจารย์ นอกจากนั้น,พวกเขายังคุ้นเคยกับสนามรบละเลงเลือด”

 

“ที่สำคัญที่สุดคือของสวมใส่ของพวกเขาทั้งหมดเป็นชุดเกราะศึกระดับปฐพีและอาวุธวิญญาณระดับลึกล้ำขั้นสูงจากหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พาระดับขอบเขตนักบุญมาสักคน,แต่ก็ยังพูดได้ว่าพวกเขาคือกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ตอนนี้”

 

เซียวเฉินแทบไม่อยากเชื่อ,นักรบติดอาวุธและชุดเกราะระดับสูง 200 คน,ช่างเป็นจำนวนที่น่ากลัว ชุดเกราะของเยี่ยงเชียงหยุ่นก็อยู่ที่ระดับปฐพี,แต่ที่เขาได้รับมันมาก็เพราะเขาคือผู้สืบทอดของตระกูลชั้นสูง
อ่านนิยาย
 

พอคิดว่านักรบทองคำพวกนั้นติดเกราะศึกระดับปฐพีทั้งหมด ได้ยินแค่นี้ก็ทำให้ผู้คนหนาวสั่นได้แม้จะยืนอยู่กลางแดด เป็นไปได้ว่าขุนนางกุยยี่ไร้ซึ่งคู่แข่งภายในหุบเขาราชันย์สัตว์อสูรด้วยกำลังเพียง 200 คน?

 

“ฮ่ะ!”

 

ในขณะที่พวกเขาสามคนกำลังพูดคุยกัน

ขุนนางกุยยี่,หยิงเซียว,ทันใดนั้นก็ตะโกนออกมา ขึ้นควบม้าเกล็ดมังกรพุ่งตรงไปที่สิงโตทองคำ ตบดินฝุ่นลอยขึ้นไปในอากาศและเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวไปกับม้า,เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วปานสายฟ้ามาถึงที่หมายในพริบตา

 

ในจังหวะต่อมา,เขาก็มาอยู่เบื้องหน้าสิงโตทองคำ หอกสีทองยาวสามเมตรบรรจุพลังมหาศาลพร้อมแทงไปที่หน้าอกของสิงโตทองคำอย่างรุนแรง

 

“บูม!”

 

พวกเขาทั้งสามมองเห็นฉากที่งดงามเบื้องหน้า ขุนนางกุยยี่สูงเพียงสองเมตรกับอีกเล็กน้อยเมื่ออยู่บนหลังม้าเกล็ดมังกร ต่อหน้าสิงโตทองคำขนาดเท่าภูเขา,เขาดูตัวเล็กจิ๋วน่าสงสาร

 

ถึงอย่างนั้น,เขากลับผลักสิงโตทองคำให้ลอยกลับหลังไปได้ พลังเบื้องหลังหอกนั้นช่างน่ากลัว…ต้องพลังมากมายถึงเพียงไหนถึงจะผลักสิงโตทองคำตัวขนาดเท่าภูเขาให้ถอยหลังไปได้

 

“ปัง!”

 

ราชันย์สิงโตทองคำกลิ้งไปกับพื้นอย่างรุนแรง,เกิดเป็นเสียงดังสนั่น ก่อนที่มันจะได้ลุกขึ้นยืน,นักรบทองคำ 200 คนเข้ามาปิดล้อมโดยทันที

 

เซียวเฉินรู้สึกว่าช่างไร้โชค เขารู้ว่าต่อหน้าพลังอันเด็ดขาด,พวกเขาคงจะไม่เปิดช่องให้เขาได้ฉกฉวย เขารีบพากลุ่มออกเดินหน้าต่อไป ก่อนที่เขาจะจากไป,เขารู้สึกซึ่งดวงตาสายฟ้าฟาดของขุนนางกุยยี่จ้องมองมาที่เขาอีกครั้ง

 

หลังจากที่พวกเขาเดินมาไกล,เจ้าหมูก็เปิดปากบ่น “หุบเขาราชันย์สัตว์อสูรจะกว้างใหญ่เกินไปแล้ว หากพวกเราเดินหน้าต่อไปเช่นนี้,อีกกี่เดือนกว่าที่พวกเขาจะถึงซากโบราณ?”

 

“คลื้น…!”

 

ขณะที่เจ้าหมูกำลังบ่นเกิดเสียงสั่นไหวดังมาจากด้านข้างของภูเขาที่อยู่ห่างออกไป ทันใดนั้น,สายลมก็พัดผ่านหุบเขา,ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นในใจ

 

“มันจะต้องเป็นซากโบราณกำลังเปิดออก นั้นตระกูลตวนมู่ ข้าเห็นพวกเขามาทางนี้”

 

ทุกคนหยุดมือจากสิ่งที่ทำและมองตรงไปที่ด้านข้างภูเขาที่อยู่ห่างออกไป

 

ขุนนางกุยยี่,กำลังควบม้าเกล็ดมังกรนำกลุ่มนักรบทองคำ 200 คนพุ่งผ่านกลุ่มพวกเขาทั้งสาม พวกเขายอมทิ้งราชันย์สิงโตทองคำที่เกือบจะพิชิตได้และตั้งแถวมุ่งหน้าไปที่ด้านข้างภูเขา

 

ท่าทีทุกคนต่างดูตื่นเต้นพร้อมกับเร่งฝีเท้าไปที่ด้านข้างภูเขาอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาทั้งหมดเกรงว่าหากพวกเขามังชักช้า,สมบัติทั้งหมดในซากโบราณจะถูกคนอื่นฉกฉวยเอาไป

 

เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันกลับมา “ไปดูราชันย์สิงโตทองคำกันเถอะ,ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบเข้าไปในซากโบราณ”

 

เจ้าหมูหัวเราะ “ข้าก็กำลังคิดเช่นนั้น”

 

พวกเขาทั้งสามกลับไปยังที่ที่ราชันย์สิงโตทองคำเคยอยู่  พวกเขาเห็นนักบ่มเพาะพลังกว่าสิบคนมีความคิดเช่นเดียวกับพวกเขา พวกเขาตอนนี้กำลังปิดล้อมราชันย์สิงโตทองคำที่กำลังจะสิ้นชีพ

 

นักบ่มเพาะพลังหลายคนซัดอาวุธเข้าใส่ร่างของราชันย์สิงโตทองคำ,เสียงเหล็กตีกันดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หนังของราชันย์สิงโตทองคำแข็งราวกับเหล็กกล้า,ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

 

“ฟูมม!”

 

ไอเปลวเพลิงสีทองทันใดนั้นก็ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ผู้บ่มเพาะพลังบนพื้นถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน พวกเขาไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน เมื่อนักบ่มเพาะพลังที่เหลือเห็นเช่นนั้น,ต่างยกธงยอมแพ้ถอยกลับไป

 

เซียวเฉินตอนนี้ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมขุนนางกุยยี่ถึงลามือไป แม้ว่าราชันย์สิงโตทองคำจะกำลังสิ้นชีวิตและการเคลื่อนไหวอืดอาด,หนังของมันก็ยังคงแข็งราวกับเหล็กกล้า อาวุธธรรมดาทั่วไปไม่มีทางสร้างแม้แต่รอบขีดข่วน

 

เมื่อจินต้าเป่าเห็นสถานการณ์,เขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมหนังของเจ้านี่ถึงได้หนานัก,จะลงมือเช่นไร?”

 

เซียวเฉินวิเคราะห์สถานการณ์,ราชันย์สิงโตทองคำตนนี้สูงกว่า 50 เมตร มองไปที่จุดที่ขุนนางกุยยี่แทงลงไปด้วยหอกของเขา,มีเพียงบาดแปลตื้นๆ มีเลือดสีทองไหลซึมออกมาอย่างช้าๆ

ซู่เสี่ยวเสี่ยวผู้ที่ปิดปากเงียบมาตลอดทาง,ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “ยังมีโอกาสอยู่ พลังชีวิตของมันลดลงไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังบาดเจ็บสาหัส แม้ว่ากลุ่มของขุนนางกุยยี่จะไม่สามารถเจาะทะลุหนังของมันได้,พลังที่อยู่เบื้องหลังอาวุธวิญญาณของพวกเขาก็ไหลผ่านร่างของมันไปอยู่ดี”

 

ลูกศรส่องแสงบางเบาออกมา,เซียวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่บรรจุอยู่ภายใน ก่อนหน้านี้,ลูกศรปราณแสงทำความเสียหายให้กับชุดเกราะศึกระดับลึกล้ำขั้นสูงได้ มันคงไม่ทำให้เซียวเฉินผิดหวังในวันนี้

 

“แหว้ง!”

 

ลูกศรปราณแสงถูกยิงออกไป ทันใดนั้น,มันเจาะทะลุร่างของราชันย์สิงโตทองคำ,เลือดสีทองสาดกระเซ็นออกมา

 

“ดริง! ดริง! ดริง!” – บทเพลงน้ำพุนรกเก้ามรณา

 

ซู่เสี่ยวเสี่ยวละเลงพิณของนาง,บรรเลงบทเพลงพรรณนาถึงกองทัพที่ทรงพลังและเกรียงไกร ต้นไม้ใบหญ้าในหุบเขาสั่นไหว,เสียงสายลมคำรามกึกก้อง,ราวกับกองกำลังหมื่นคนพันม้าที่สง่างามกำลังเคลื่อนพลผ่านหุบเขา

 

วิญญาณผู้กล้าโบราณนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นเบื้องหลังของซู่เสี่ยวเสี่ยวขณะที่นางบรรเลงพิณ,กองทัพผู้กล้าโบราณควบม้าเดินทัพบุกขึ้นมาจากใต้พิภพ,พุ่งเข้าใส่ราชันย์สิงโตทองคำ

 

เซียวเฉินใช้อัสนีหลบเลี่ยงหายตัวไปก่อนที่จะปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งเหนือท้องฟ้า,จับลูกศรปราณแสงที่เขายิงออกมาไว้ในมือ ทันใดนั้นกระบี่เงาจันทร์ก็ปรากฎขึ้นในมือของเขา,ประกายแสงสายฟ้านับไม่ถ้วนร่ายรำไปรอบตัวกระบี่

 

“ฟุ่ว! ฟิ่ว!”

 

เซียวเฉินแทงกระบี่ลงไปในแผลที่ถูกลูกศรปราณแสงเจาะทะลุอย่างรุนแรง สายโลหิจสีทองสาดกระเซ็นอาบใบหน้าของเซียวเฉิน พลังสายฟ้าจากกระบี่เงาจันทร์ไหลผ่านร่างของราชันย์สิงโตทองคำในทันที

 

ราชันย์สิงโตทองคำร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน พลังมหาศาลพุ่งออกมาจากหลังของมันและร่างของเซียวเฉินถูกดีดออกไปทันที

 

“ฮ่ะ!”

 

มันปล่อยลูกบอลเพลิงสีทองขนาดใหญ่ส่งไปที่ซู่เสี่ยวเสี่ยวพร้อมกับพุ่งตัวใส่อย่างบ้าคลั่ง มันราวกับเป็นการโจมตีทิ้งทวนครั้งสุดท้าย,ประกายแสงสุดท้ายก่อนอาทิตย์จะลับฟ้า,มันรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

 

เจ้าหมูทันใดนั้นก็กางพัดสีทองออกและร่างสีทองร่างนั้นก็ปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาร่ายรำพัดอย่างสง่างามก่อนที่จะเป่าลูกบอลไฟปลิวไปอีกทาง

 

กองทัพวิญญาณผู้กล้าโบราณกวัดแกว่งอาวุธเข้าฟันแทงร่างของราชันย์สัตว์สิงโตทองคำ ทุกมีดดาบของวิญญาณผู้กล้าโบราณเสียบผ่านร่างของมัน,ราชันย์สิงโตทองคำค่อยๆลดความเร็วลงอย่างช้าๆ,ราวกับพลังชีวิตของมันกำลังดับสูญ

 

หลังจากวิญญาณผู้กล้าโบราณทุกตนปักดาบลงบนร่างของราชันย์สิงโตทองคำ,มันก็หยุดแน่นิ่งห่างจากซู่เสี่ยวเสี่ยวเพียงสองเมตร

 

ซู่เสี่ยวเสี่ยวทันใดนั้นก็หยุดมือที่บรรเลงพิณของนาง เสียงบรรเลงที่ดังสะท้อนไปในหุบเขาทันใดนั้นก็กลายเป็นเงียบเชียบ,แม้แต่สายลมก็เหมือจะหยุดนิ่ง

 

“แตร้ง!”

 

ทันใดนั้นโน้ตเสียงสูงถูกกรีดดังขึ้นมาและเกิดเป็นสายลมกรรโชกแรง เสื้อผ้าอาภรและเส้นผมยาวดำเงาของซู่เสี่ยวเสี่ยวถูกดึงไหวไปตามสายลม พลังไร้รูปลักษณ์ซัดร่างของราชันย์สิงโตทองคำลอยกลับหลังไป

 

“มังกรดิ่งทะยาน!”

 

เซียวเฉินมีภาพเงามังกรไหลตามหลังมาขณะที่เขาดิ่งลงมาจากท้องฟ้า,แหวกผ่านอากาศมาราวกับดาวตก เขาซัดเข้าที่กลางหลังของราชันย์สิงโตทองคำ เกิดเป็นเสียงดังสนั่นและร่างราชันย์สิงโตทองคำขนาดเท่าภูเขาขนาดย่อมก็ร่วงหล่นลงมา

 

ขณะที่พวกเขาทั้งสามกำลังจะได้ผ่อนคลายลง,มีร่างดาบบินเข้ามาจากระยะไกล ร่างดาบนั้นแหวกผ่านอากาศเข้ามาพร้อมกับแทงไปที่ร่างของราชันย์สิงโตทองคำตรงจุดที่ถูกศรปราณแสงยิงใส่และเกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่น

 

“บูม!”

 

เกิดเสียงระเบิดอีกครั้งพร้อมกับร่างของเขาที่ทะลุออกมาจากอีกด้านหนึ่งของราชันย์สิงโตทองคำ เขาถือแก่นกลางวิญญาณสีทองขนาดเท่าลูกบาสไว้ในมือ

 

ราชันย์สิงโตทองคำในตอนนี้ปิดประตูตกตายไปเรียบร้อย โลหิตสีทองพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ มันส่งเสียง “ซา ซา” ออกมาสาดเทลงไปบนพื้นหุบเขา

 

“ฉู่เฉาหยุ่น!” เซียวเฉินอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นใคร

 

ฉู่เฉาหยุ่นยิ้มบางเบา พลังวิญญาณที่รั่วไหลออกมาจากแก่นกลางวิญญาณสีทองปะทุออกมา,ก่อตัวเป็นสายสีทอง เมื่อสัตว์อสูรวิญญาณนับไม่ถ้วนเห็นแก่นกลางวิญญาณก้อนนี้,พวกมันต่างพุ่งเข้ามาดวงตาเป็นประกาย

 

ฉู่เฉาหยุ่นยิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมกับเก็บแก่นกลางวิญญาณสีทองเข้าไปในแหวนห้วงอวกาศของเขา เขามองไปที่เซียวเฉินและพูดขึ้น “ข้าขอยืมไปก่อนและจะเอามาจ่ายคืนให้วันหลัง”

 

มีดาบแสงปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขาและลอยไกลออกไป เซียวเฉินรู้สึกหงุดหงิดใจ,ฉู่เฉาหยุ่นผู้นี้จะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว หลังจากพวกเราลงทุนลงแรงไปเป็นเวลานาน,เขาก็มาฉวยเอาส่วนที่มีค่ามากที่สุดของราชันย์สิงโตทองคำไป

 

หลังจากกล่าวเพียงแค่ขอยืม,เขาก็บินหนีไปทั้งอย่างนั้น เซียวเฉินไม่พอใจ เขารู้ถึงพลังวิญญาณที่บรรจุอยู่ในแก่นกลางวิญญาณดี,ดีกว่าผู้ใดทุกคน เขาใช้คาถาแรงโน้มถ่วงออกไล่ตามไปทันที

 

“พี่น้องเซียว, อย่าตามไป!” เจ้าหมูจินตะโกนขึ้นมาจากพื้นดิน “ให้ตายเถอะ! เซียวเฉินไม่ใช่คู่มือของฉู่เฉาหยุ่น,ไล่ตามไปก็มีแต่เสียกับเสีย”

 

ซู่เสี่ยวเสี่ยวหน้าซีดเล็กน้อย นางใช้จ่ายพลังปราณไปมหาศาลและเสียพลังจากการใช้นำ้พุนรกเก้ามรณา นางมองไปในทิศจากที่เซียวเฉินและฉู่เฉาหยุ่นจากไปและก็พูดขึ้น “เจ้าหยุดตะโกนซะ ฉู่เฉาหยุ่นจะไม่ทำอะไรเขา”

 

เจ้าหมูพูดขึ้นอย่างเกลียดชัง “ไอ้สารเลวนั้น! นี่ไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้ สักวัน….ตอนที่เขาตกมาอยู่ในกำมือข้า…”

 

ฉู่เฉาหยุ่นทันใดนั้นก็หยุดลงเมื่อมาถึงที่ราบในหุบเขา เขาลงจอดบนพื้นช้าๆและมองไปทางเซียวเฉินที่ไล่ตามเขามา “พี่น้องเซียว,มันก็ไม่ถูกนักที่ข้าเอาแก่นกลางวิญญาณของเจ้า มา ข้าจะชดใช้ให้ในวันหลัง”

 

หลังจากที่เซียวเฉินเท้าแตะพื้น,เขาพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ทำตามที่เจ้าต้องการ…แต่ได้ถามความเห็นข้าหรือยัง?”

 

เซียวเฉินกวัดแกว่งกระบี่เงาจันทร์ในมือพร้อมกับจับจ้องไปที่ฉู่เฉาหยุ่น ฉู่เฉาหยุ่นให้ความรู้สึกอันตราย หากเซียวเฉินไม่ได้อยู่ในอารมณ์เดือดดาล,เขาคงไม่มาเผชิญหน้ากับฉู่เฉาหยุ่นเช่นนี้

 

ฉู่เฉาหยุ่นยิ้มบางๆ “ในโลกนี้,ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งได้ทุกอย่าง เซียวเฉิน,ในเมื่อข้า ‘ยืมแล้ว’,ข้าก็ไม่จำเป็นต้องขอความเห็นของเจ้า”

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset