Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 135 แคว้นซีเหอ เขตเยวหลัว

 

ตอนที่ 135 แคว้นซีเหอ เขตเยวหลัว

 

“ข้าไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ข้ามาถึงแคว้นซีเหอแล้วหรือยัง?” เซี่ยวเฉินพูดกับตนเองหลังจากที่ลงจอดที่พื้น เขาไม่เห็นใครที่ถนน

 

เซียวเฉินมองไปที่พื้นของถนนอย่างระมัดระวัง มีรอยเท้าใหม่และรอยล้ออยู่บนพื้น นี่หมายความว่ามีผู้คนใช้ถนนเส้นนี้บ่อยครั้ง เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่มีใครเลย

 

เขาตรวจสอบสภาพร่างกายของตนอย่างละเอียดและไม่พบปัญหาใด จากนั้นเขาก็ตัดสินใจเดินไปข้างหน้าต่อ ประสบการณ์ก่อนหน้านี้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ภายในหัวใจเขามาก เขาจึงไม่กล้าประมาท

 

เขาช่างโชคร้ายที่หลุดเข้าไปในพายุมังกรขาวที่ไม่ปรากฏมาหลายสิบปี เซี่ยวเฉินไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ความแค้นเคืองอันมหาศาลและความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงกระดูกที่เขาได้ประสบพบเจอทําให้เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

 

มังกรขาว มังกรฟ้า? พวกมันเกี่ยวข้องกัน? ความคิดของเซียวเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย เขายังไม่เข้าใจมังกรฟ้าที่อยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ เขาไม่ทราบว่ามันมีความสามารถเช่นไร

 

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เซียวเฉินก็หยุดลง ด้วยความคิดมังกรฟ้าที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ออกมาจากตันเถียน มันเคลื่อนที่ไปตามเส้นปราณและออกมาจากฝามือของเซี่ยวเฉิน

 

ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน เซี่ยวเฉินจะรู้สึกถึงพลังงานที่น่ากลัว ภายใต้การควบคุมของเซี่ยวเฉิน มันออกมาพร้อมกับเสียง ฟู และพันรอบข้อมือของเขา

 

หลังจากผู้บ่มเพาะมาถึงระดับเชี่ยวชาญยุทธ พวกเขาสามารถปลดปล่อยจิตวิญญาณยุทธออกจากร่างกายได้ มันเป็นไปได้ที่จะทําให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อในการต่อสู้

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จิตวิญญาณต่อสู้ออกจากร่างและได้รับบาดเจ็บ มันอาจจะทําให้ผู้บ่นเพาะพลังกลายเป็นพิการได้ หากพวกเขาเข้าตาจนและหลังชนฝา จะไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดปลดปล่อยจิตวิญญาณยุทธออกมา

 

ไม่จนกว่าเข้าสู่ขอบเขตกษัตริย์ ขอบเขตกษัตริย์จะบ่มเพาะจิตวิญญาณยุทธของตนจนกลายเป็นอมตะ แม้ว่ามันจะถูกทําลายภายนอกร่างกาย มันก็สามารถเกิดใหม่ได้ในร่างกาย

 

เซี่ยวเฉินมองดูมังกรฟ้าตัวเล็กที่พันรอบข้อมือเขา เขาคิดอยู่นานแต่ก็ไม่ได้เข้าใจอะไรขึ้นมาเลย “นอกจากการมอบพลังงานและความแข็งแกร่งที่มากกว่าจิตวิญญาณ ตัวอื่นเล็กน้อย ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างจากวิญญาณต่อสู้อื่นเช่นไร แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล”

 

เซี่ยวเฉินส่ายหัวและจัดระเบียบความคิดของตน เขานํามังกรฟ้าเก็บเข้าไปในร่างกายและหยุดคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ ทุกอย่างจะปรากฏเมื่อเวลามาถึง ผู้สืบทอดมังกรฟ้าสูญ หายไปหลายพันปีแล้ว มันเป็นไปไม่ได้สําหรับเขาที่จะเข้าใจทุกอย่าง มันไม่มีประโยชน์ให้คิดมาก

 

เซี่ยวเฉินเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็ได้พบใครบางคน เขาถามออกไปอย่างรวดเร็วว่าเขาอยู่ที่ไหน และเขามาถึงแคว้นซีเหอแล้วหรือยัง

 

บุคคลผู้นั้นสวมชุดสีขาวและพกดาบ ไม่มีร่องรอยเศษฝุ่นบนตัวเขา เขาไม่ได้หันหัวกลับมาขณะที่ตอบ “แคว้นซีเหอ เขตเยว่หลัว มณฑลหยุนหยาง เมืองหลวง”

 

เซี่ยวเฉินไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางของคนผู้นี้ เขานึกถึงแผนที่ที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ภายในจิตใจ ศาลากระบี่สวรรค์ตั้งอยู่ในเขตเยวหลัว มันไม่ไกลจากเมืองหยุนหยาง แม้ว่าเขาจะเดินไปมันก็ใช้เวลาเพียงแค่สองสัปดาห์เท่านั้น

 

ท่าทางมีความสุขปรากฏบนใบหน้าของเขา เซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณออกไปเพื่อสํารวจรอบๆ ในที่สุด เมื่อถึงขีดจํากัดของสัมผัสจิตวิญญาณ เขาก็เห็นเมืองที่งดงาม มีอักษรหนาขนาดใหญ่อยู่สองตัวเป็นคําว่า “หยุนหยาง” อยู่บนประตูเมือง มันดูเก่าแก่เป็นอย่างมาก

 

เซี่ยวเฉินเก็บสัมผัสจิตวิญญาณและยกเท้าออกจากพื้น เขาใช้ทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยานสร้างเป็นกลุ่มควัน เขาพุ่งออกไปข้างหน้า ในพริบตาไล่ตามคนที่เขาพูดด้วยก่อนหน้านี้ทันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะแซงคนผู้นั้น เขาก็เตะสร้างกลุ่มควันขนาดใหญ่

 

“ไม่คาดเลยว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ” บุคคลชุดขาวพูดอย่างเฉยเมยขณะที่มองไปทางที่เซียวเฉินผ่านไป

 

คนผู้นี้ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ฝนที่ตกลงบนเสื้อของเขา กระจายออกด้วยตัวมันเอง เขาเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า และออกมาจากกลุ่มควันที่เต็มอยู่ในอากาศ เสื้อผ้าของเขา ยังคงสะอาดปราศจากเศษผงเศษฝุ่น

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงสายตาอันแข็งแกร่งที่กวาดผ่านเขาก่อนที่จะหายไป เมื่อเขาหันหัวไปรอบด้าน เขาก็ไม่พบอะไรทั้งสิ้น เขาเห็นเพียงแค่กลุ่มควันที่เขาทิ้งไว้ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้า

 

เมืองหยุนหยางปรากฏในสายตาเขา เซี่ยวเฉินลดความเร็วและเดินอย่างช้าๆเมื่อมาถึงประตูเมือง เขาพบหญิงสาวจํานวนมากยืนเต็มอยู่หน้าประตูเมือง พวกเธอทั้งหมดที่ยืนอยู่กําลังคุยกัน มันช่างเป็นฉากที่ไม่น่าเชื่อ

 

“นี่เป็นประเพณีของเมืองหยุนหยาง?” เซี่ยวเฉินกล่าวออกมาด้วยความสับสน มีผู้หญิงมากมายอยู่ที่นี่มันเป็นไปได้ ว่าหญิงสาวทั้งหมดของเมืองหยุนหยางจะอยู่ที่นี่

 

เมื่อกลุ่มหญิงสาวเห็นรูปร่างของเซียวเฉิน พวกนางก็เริ่มเต็มไปด้วยความสุขและวิ่งเข้ามา เมื่อพวกนางเห็นรูปร่างของเซี่ยวเฉินอย่างชัดเจน พวกนางก็เต็มไปด้วยความผิดหวังและบ่นสาปแช่งใส่เขา

 

เซี่ยวเฉินไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อยามเห็นสถานการณ์ เขาก็ยิ้มออกมา “อย่าขุ่นเคืองไปเลย หญิงสาวเหล่านี้รออยู่ที่นี่มาทั้งเช้า มันไม่น่าแปลกใจที่พวกนางจะอารมณ์ไม่ดี”

 

เซี่ยวเฉินจ่ายค่าเข้าเมืองและทําอะไรไม่ถูกแต่เมื่อเขาได้ยินเรื่องนั้นมันก็ช่างตลกยิ่งนัก นี่เป็นเหมือนกับกลุ่มแฟนคลับสาวในชีวิตที่แล้วของเขา เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องเช่นนั้นจะมีในโลกใบนี้เช่นกัน เขาอดไม่ได้และถามออกไปด้วยความอยากรู้ “ใครกันที่มีเสน่ห์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ถึงขนาดสามารถทําให้หญิงสาวทั้งเมืองหยุนหยางออกมารอรับเขาที่นี่ได้”

 

ยามมองไปที่เซียวเฉินด้วยความตกใจเขากล่าว “เจ้าไม่รู้เรื่องนี้หรือ? วันนี้เป็นวันต่อสู้ประจําปีของมู่เฉิงเสวี่ยกับ เหลิ่งหลิวซู หญิงสาวเหล่านี้มาที่นี่เพื่อพบกับมู่เฉินเสวี่ย”

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซียวเฉินได้ยินชื่อนี้ เมื่อเขาได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง เขาอดไม่ได้ที่จะสนใจ เขาเริ่มสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากยาม

 

ยามของเมืองช่างพูดเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นเซียวเฉินถามข้อมูลเพิ่ม เขาก็เริ่มบอกออกไปทุกสิ่ง

 

มู่เฉิงเสวี่ยมาจากพระราชวังจิตวิญญาณค่ำคืน ของแคว้นหนานหลิง เขาเป็นผู้สืบทอดของพระราชวังจิตวิญญาณค่ำคืน เช่นเดียวกับจี้ฉางคง พวกเขาทั้งสองเป็นที่รู้จักในนามดาวคู่แห่งหนานหลิง พวกเขาทั้งสองมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมและกลายเป็นที่รู้จักตั้งแต่ยังเยาว์ ตอนที่เขาอายุ 12 ปี ในรุ่นเดียวกันไม่มีใครเทียบเขาได้ นอกเหนือจาก ฉางคง เขาไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน

 

ในปีนั้น พวกเขาทั้งคู่ออกจากแคว้นหนานหลิง และเริ่มท้าทายเหล่ายอดฝีมื่ออายุน้อยทั่วโลก จี้ฉางคงไปเมืองหลวง และมู่เฉิงเสวี่ยไปแคว้นซีเหอและแคว้นตงหมิง

 

ภายในรุ่นเดียวกัน ไม่มีใครเทียบกับสองคนนี้ได้ ไม่มีใครต่อกรกับพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งคู่ต่างแพ้ให้กับผู้หญิง จี้ฉางคงพ่ายแพ้ให้กับองค์หญิงอิงเยว่ มู่เฉิงเสวี่ยพ่ายแพ้ให้กับเหลิ่งหลิวซูแห่งศาลากระบีสวรรค์ เป็นผู้ที่รู้จักกันในนาม มือกระบี่สวรรค์น้อย

 

หนึ่งปีต่อมา มู่เฉิงเสวี่ยมายังแคว้นหนานหลิงอีกครั้ง เพื่อประลองกับเหลิ่งหลิวซู พวกเขาทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันกว่าพันกระบวนก่อนที่จะจบลงด้วยการเสมอ จากนั้นพวกเขาก็ตกลงดวลกันอีกครั้งในปีถัดไป

 

เช่นนั้น มันจึงกลายมาเป็นประเพณีทุกปี มู่เฉิงเสวี่ยจะมาเมืองหยุนหยางเพื่อต่อสู้กับเหลิงหลิวซูในช่วงเวลาประมาณนี้ทุกปี

 

นอกจากพรสวรรค์อันหน้าสะพรึงของมู่เฉิงเสวี่ยเขา ก็ยังหล่อเหลาเป็นอย่างมากเช่นกัน หลังจากมาเมืองหยุนหยางไม่กี่ครั้ง หญิงสาวทั้งหมดของเมืองก็รู้จักเขา

 

เซียวเฉินยิ้มเล็กน้อยและขอบคุณยามก่อนที่จะเดินเข้า ไปในเมืองโดยไม่สนใจโลก หญิงสาวทั้งหมดดูเหมือนจะพยายามอย่างมากเพื่อไล่ตามไอดอลของพวกนาง

 

เหลิ่งหลิวซู…หรือจะเป็นหญิงสาวนางนั้น? รูปร่างอันงดงามปรากฏขึ้นในจิตใจของเซี่ยวเฉิน จากนั้นไม่นาน ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรเขาก็ยิ่งคิดว่ามันเป็นไปได้

 

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่คือศาลากระปสวรรค์ 

 

สุดท้ายแล้วก่อนที่เขาจะได้เข้าไป เขาก็เคยล่วงเกินบุตรตรีแสนรักของท่านเจ้าที่

 

“มู่เฉิงเสวียมาถึงแล้ว!” ขณะที่เซียวเฉิดเดินอยู่ก็มีเสียงร้องด้วยความยินดีมาจากเบื้องหลังเขา เซี่ยวเฉินหันหลังกลับและเห็นชายที่สวมชุดขาวกําลังถือดาบ เขาถูกรายล้อมไปด้วยหญิงสาว เขาเผยรอยยิ้มอ่อนโยนเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดคุยกับหญิงสาวที่ละคน

 

เซี่ยวเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ มู่เฉิงเสวี่ยผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นคนที่เขาถามทางก่อนหน้านี้ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “โลกใบนี้ช่างแปลกประหลาดนัก”

 

หลังจากเซียวเฉินกล่าวเขาก็หันหลังกลับ ทันใดนั้น เชี่ยวเฉินก็รู้สึกได้ถึงสายตาอันแข็งแกร่งที่สํารวจเขาอีกครั้ง ครานี้มันไม่ได้หลบซ่อน

 

สายตานั้นมาจากมู่เฉิงเสวี่ย เซี่ยวเฉินอดทนไม่หันหลังกลับไป เขาถามหาสถานที่ตั้งของศาลากระบี่ สวรรค์ในเมืองหยุนหยางไปทั่วและรีบจากไป

 

มู่เฉิงเสวี่ยผู้ที่รายล้อมไปด้วยหญิงสาว มองไปที่เซียวเฉิน ที่จากไปมุมปากของเขาโค้งขึ้นอย่างประหลาดและยิ้มเล็กน้อย

 

มีกระจกทองแดงม่วงกําลังลอยอยู่ในพื้นที่ไร้สิ้นสุดในตาซ้ายของเขา แสงที่ปลดปล่อยจากกระจกทองแดงดูราวกับ ว่าสามารถเห็นความจริงของทุกสิ่งในโลกได้

 

ไม่มีใครสังเกตเห็นกระจกทองแดงที่เปล่งประกายในดวงตาเขาสักผู้เดียว

 

หลังจากถามไปทั่ว เซียวเฉินก็พบว่าศาลาหลับใหลมีสาขาอยู่ในเมืองหยุนหยางแน่นอน เซี่ยวเฉินนําบัตรสมาชิกระดับเพชรที่ได้รับจากเจ้าหมูก่อนหน้านี้ออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เจ้าหมูนี่ไม่ได้คุยโวจริงๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ที่นั้นจะมีศาลาหลับไหล

 

ศาลาหลับใหลที่อยู่ในเมืองหยุนหยางเป็นเช่นเดียวกับที่อยู่ในเมืองไปสุ่ย แถมธุรกิจที่เฟื่องฟูเช่นเดียวกัน โครงสร้างพื้นฐานเองก็เหมือนกันเป็นอย่างมาก เซียวเฉินผ่านชั้นหนึ่งไปและมุ่งหน้าไปชั้นสอง มีกลุ่มผู้บ่มเพาะกําลังพูดคุยกันเกี่ยวกับการต่อสู้ที่จะเกิดในวันนี้

 

“ปีที่แล้ว ทั้งสองสู้กันและเสมอกัน นั่นเป็นครั้งที่สามที่พวกเขาเสมอกัน สุดท้ายแล้ว มู่เฉิงเสวี่ยก็พ่ายแพ้ไปก่อนครั้งหนึ่ง เขาไม่สามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นๆ ของแคว้นซีเหอเราได้”

 

“มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น ก่อนหน้านี้สองสามครา เหลิงหลิวซูมีข้อได้เปรียบด้านยุทธภัณฑ์ในครานี้ ข้าได้ยินมาว่ามู่เฉิงเสวี่ยเสร็จสิ้นการทดสอบเส้นทางสวรรค์ และได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เสียหาย

 

“ข้ารู้เรื่องนี้ มันเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันในนามความงามภายใต้จันทรา ในช่วงเวลานี้ มู่เฉิงเสวี่ยได้ทดสอบดาบและสังหารขอบเขตนักบุญด้วยตนเอง”

 

“จากที่สังเกต ความงามภายใต้จันทราสามารถเทียบได้กับวิญญาณเผาไหม้ของเหลิ่งหลิวซู อาวุธทั้งคู่เป็นอาวุธที่ไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกัน ชักจะน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ”

 

บนชั้นสอง มีผู้บ่มเพาะที่มีความรู้เป็นอย่างมากอยู่ เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินสิ่งที่เขากล่าว เขาอดไม่ได้ที่จะตั้งใจฟัง

 

“เปิดทาง! เปิดทาง! นายน้อยตระกูลเจี้ยนของเรามาแล้วทําไมเจ้ายังไม่เปิดทาง?” แค่ชั่วครู่เดียว  เอี้ยนเซียนอวิ๋นนําข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งขึ้นบันไดมาอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่อยู่โดยรอบก็เคลื่อนไปอยู่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว

 

TL :เอี้ยนเซียนอวิ๋น เปลี่ยนชื่อจากเยี่ยงเซียงหยุ่น จากตอนที่ 107 นะครับ

 

เมื่อเห็น เอี้ยนเซียนอวิ๋น คิ้วของเซี่ยวเฉินก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก เขาไม่คาดคิดว่าจะพบคนผู้นี้ที่นี่

 

เซียวเฉินยังคงจําตํานานของเจ้าหมูได้อย่างแจ่มชัด เขามองไปที่บริเวณเป้ากางเกงของคนผู้นั้นและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

 

เซี่ยวเฉินไม่ต้องการที่จะเรียกหาปัญหา เมื่อเอี้ยนเซียนอวิ๋นขึ้นมา เขาเคลื่อนไปด้านข้างให้เขาผ่านไป เอี้ยนเซียนอวิ๋นเดินนํากลุ่มคนและผ่านเขาไป เขาเหลือบมองผ่านๆเซี่ยวเฉินไปอย่างเร่งรีบ หลังจากผ่านไปสองก้าว เขาก็หันกลับมา

 

“ทําไมข้ารู้สึกว่าเจ้าหน้าตาช่างคุ้นเคย? เราเคยพบกันรือไม่?” เอี้ยนเซียนอวิ๋นถามอย่างระวังขณะมองไปที่เชี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินไม่กังวล นอกจากการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขา ด้วยคาถาแปรรูปลักษณ์เขาสามารถเปลี่ยนออร่าและน้ำเสียงได้เช่นกัน เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าว “บางทีเราอาจจะเคยพบกันในฝูงชน มันไม่แปลกถ้าจะคุ้นหน้ากัน”

 

เอี้ยนเชียนหยุนยิ้มเล็กน้อย เขาคิดสักครู่และกล่าว “บางที่ อาจจะเป็นผู้ที่พบกันในฝูงชน หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าข้าจําคนผิด ลาก่อน!”

 

“บึ้น!”เอี้ยนเซียนอวิ๋นหันกลับมาในทันทีและเตะไปที่หน้าอกของเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินขดรอยยิ้มด้วยความเยือกเย็น และไม่ได้ต่อต้าน เขาเกร็งท้องเล็กน้อย

 

“ปัง!” เอี้ยนเซียนอวิ๋นใส่แรงไปมากในการเตะครั้งนี้ และส่งเซี่ยวเฉินลอยไปด้านหลัง อย่างไรก็ตามเนื่องจาก เซียวเฉินได้เตรียมตัวมาก่อนแล้ว เขาจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset