Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 148 ยาขโมยวิญญาณ

 

ตอนที่ 148 ยาขโมยวิญญาณ

 

หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ สระน้ำใสภายในตันเถียนก็กลายเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว มังกรฟ้าตัวน้อยเองก็ตัวใหญ่ขึ้นเช่นกัน และว่ายวนอยู่ภายในน้ำ

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณที่ได้รับจากแม่นําเชี่ยวไม่เพียงแต่มากมายเท่านั้น แต่ยังบริสุทธิ์ขึ้นมาก

 

เขาโคจรพลังปราณในร่างกายไปหนึ่งรอบใหญ่ก่อนที่สุด ท้ายเขาจะส่งมันไปที่บาดแผลบนหน้าอก กระแสฉีหนาวเหน็บไหลออกจากบาดแผล

 

การแสดงออกของเซี่ยวเฉินกลายเป็นมีความสุข ในที่สุดเขาก็ขับฉีหนาวเหน็บนี้ออกไปได้ ไม่เช่นนั้น เซี่ยวเฉินก็ไม่มีความคิดอื่นใด และมีเพียงแค่เลือดไหลออกหมดจนตาย

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวเฉินรู้สึกประหลาดใจ ฉีเยือกแข็งที่อยู่ในบาดแผลเล็กมีจํานวนมากเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด เขาโคจรพลังปราณของเขาเป็นเวลาสองวันและสองคืน โดยไม่ได้กินหรือดื่ม ก่อนที่เขาจัดการบังคับฉีเยือกแข็งทั้งหมดออกมาได้

 

เซี่ยวเฉินลุกขึ้นและรู้สึกเหมือนทั่วร่างของเขาจะล้มลง เขาเดินไปที่เตียงไม้ทีละก้าว และทิ้งตัวเอาหน้าลง จมลงสู่การหลับไหลในทันที

 

เซี่ยวเฉินหลับไปยี่สิบชั่วโมงก่อนในที่สุดเขาตื่นขึ้น รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก เขาหิวเป็นอย่างมากจนท้องของเขาส่งเสียงดัง หลังจากชําระร่างกายเสร็จ เขารีบตามหาโรงเตียมเพื่อจัดการกับความหิว

 

ภายในโรงเตี๊ยม เซี่ยวเฉินเริ่มคิดเกี่ยวกับรายละเอียดภารกิจของเขา ตั้งแต่เริ่มต้น ชัดเจนว่าภารกิจนี้มีระดับความยากที่ไม่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ เขามั่นใจว่าขอบเขตนักบุญลึกลับคนนั้นไม่ใช่คนของเก่อหยุนปิน

 

เซี่ยวเฉินนึกถึงการแข่งขันอันดุเดือดเพื่อตําแหน่งนิกายชั้นใน และคิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้ เป็นไปได้ไหมว่าเพราะมันมีจํานวนตําแหน่งที่จํากัด เก่อหยุนปินต้องการให้ข้ายอมแพ้เพราะความยาก แต่ก็มีบางคนที่ต้องการจัดการเรื่องนี้เพื่อความมั่นใจ และตัดสินใจที่จะจัดการด้วยตัวของพวกเขาเอง?

 

ยิ่งเขาคิดมากเท่าไร เซี่ยวเฉินยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นไปได้มาก เซี่ยวเฉินทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง ยิ้มอย่างเย็นชากับตนเอง ข้าต้องการจะเห็นว่าใครกันที่ยุ่งวุ่นวายไปทั่วอยู่เบื้องหลังฉาก

 

หลังจากเขาชําระเงิน เซี่ยวเฉินรีบมุ่งหน้าไปที่บ้านท่านเจ้าเมือง ผู้บ่มเพาะพลังที่เฝ้าประตูจําเซี่ยวเฉินได้ และหลังจากที่เขารายงาน เขาก็นําเซี่ยวเฉินเข้าไป

 

ท่านเจ้าเมืองกําลังต้อนรับแขกคนสําคัญเหมือนกับก่อนหน้า และไม่สามารถพบเขาได้ชั่วคราว ยามทําได้เพียงนําเขาไปรอในห้องโถงสอง เซี่ยวเฉินเพียงยิ้มแค่เล็กน้อย และไม่ได้กล่าวอะไร เมื่อยามจากไป ทันใดนั้นเขานํานกแกะสลักตัวน้อยออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล

 

เซี่ยวเฉินใช้ออกด้วยคาถาคืนชีวิต และนกตัวน้อยก็กระพรือปีกคู่หนึ่งก่อนจะบินออกประตูไป เซี่ยวเฉินใส่สัมผัสวิญญาณเข้าไปในนก และควบคุมนกตัวน้อยบินวนรอบบ้าน

 

ท่านเจ้าเมือง ในที่สุด เขาก็พบเก่อหยุนปินที่อยู่ในห้องโถงใหญ่

 

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ เก่อหยุนปินกําลังพูดคุยกับหัวหน้าตระกูลจางแห่งเมืองหยุนหยาง หัวหน้าตระกูลจางยิ้มเล็กน้อย “ท่านเจ้าเมืองเก่อ เม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะมิใช่เม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะธรรมดา มีหญ้าวสันต์เหลืองอันหายากผสมอยู่ภายในมากมาย มันสามารถยืดอายุขัยของท่านได้ถึงสี่สิบปี”

 

“น้องชายจางผู้นี้ การบ่มเพาะของข้าติดอยู่ที่ขอบเขตนักบุญระดับสูงสุดมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองเก่อ ท่านอยู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ์ระดับสูงสุด ด้วยอายุขัยอีกสี่สิบปี โอกาสที่ท่านจะกลายเป็นจักรพรรดิยุทธจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อท่านกลายเป็นจักรพรรดิยุทธ อายุขัยของท่านจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยปี”

 

ตระกูลจาง… เซี่ยวเฉินขมวดคิ้ว ใช่ตระกูลจางจากเมืองหยุนหยางรึเปล่า? เพียงแค่ความคิด เซี่ยวเฉินควบคุมนกเข้าไปใกล้ขึ้นอย่างระมัดระวัง

 

เมื่อเก่อหยุนปินได้ยินเรื่องนี้ เขายิ้มเล็กน้อย “ผู้เฒ่าจาง เพียงผ่อนคลาย เขาจะกลับมาหลังจากตระหนักถึงความยาก มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสําเร็จภารกิจที่ข้ามอบให้”

 

ผู้นําตระกูลจางพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชา “ข้าได้รับข่าวมาว่าคนผู้นั้นได้สําเร็จภารกิจที่ท่านเจ้าเมืองมอบให้แก่เขาแล้ว”

 

การแสดงออกของเก่อหยุนปินเปลี่ยนไป เขาวางถ้วยชาบนมือของเขาลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง เขาพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึง “ผู้เฒ่าจาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนผู้นี้เป็นแม่นางเฟิงแนะนํามา เจ้ากล้าที่จะยุ่งกับเขา?”

 

ผู้เฒ่าจางยิ้มเล็กน้อย “ท่านเจ้าเมือง ไม่ต้องกังวล เป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่กล้าไปยุ่งกับบุคคลที่แม่นางเฟิงแนะนํามา ธุรกิจอันเฟื่องฟูในเมืองหยุนหยางมีได้เพราะการทําธุรกิจกับตระกูลเฟิง ข้าจะกล้าทําลายความสัมพันธ์เช่นนี้ได้เยี่ยงไร”

 

การแสดงออกของเก่อหยุนปินกลายเป็นผ่อนคลาย และกล่าวอย่างเชื่องช้า “ดีที่เจ้ารู้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กลายมาเป็นยากลําบากสําหรับข้าแล้ว สิทธิ์ที่กําหนดโดยนิกายชั้นในเข้มงวดเป็นอย่างมาก เนื่องจากการจัดสรรทรัพยากรณ์มีความแม่นยํามาก ถ้าเหลิงเทียนเยว่ไม่ได้ทําผิดในเวลานี้ มันคงไม่มีตําแหน่งที่ยอดเทียนเยว่”

 

เห็นเม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะวางอยู่บนโต๊ะ เปลวไฟสว่างขึ้นในดวงตาเก่อหยุนปิน อายุเขาได้มาถึง 120 ปีแล้ว อายุขัยของเขากําลังสั้นลง เม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะอันนี้ดึงดูดความสนใจของเขาเป็นอย่างยิ่ง

 

เขาติดอยู่ในขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงสุดมาหลายปีแล้ว ถ้าเขาไม่สามารถเลื่อนไปเป็นจักรพรรดิยุทธ์ได้ เขาจะจบลงด้วยการที่กลายเป็นฝุ่นผง ความก้าวหน้าบนเส้นทางบ่มเพาะของเขาจะหยุดลง

 

สําหรับคนส่วนใหญ่ ขอบเขตกษัตริย์เป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหาต้องการ สําหรับคนปกติการเข้าสู่ขอบเขตนักบุญ นั่นเป็นสิ่งที่น่ายกย่องแล้ว อย่างไรก็ตาม เก่อหยุนปินรู้ว่าระดับเพียงแค่นี้ยังไม่พอ ยิ่งเขาเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขามันเล็กน้อยแค่ไหน

 

เนื่องจากความไม่เต็มใจที่จะจากโลกเพิ่มสูงขึ้น คนหนึ่งพยายามอยู่ในการเดินทางอันแสนยาวไกลของการบ่มเพาะและอีกคนหนึ่งจบลงด้วยการเป็นฝุ่นผงโดยไม่เต็มใจและถูกหลงลืมจากผู้คนในอีกร้อยปีต่อมา

 

การแสดงออกของเก่อหยุนปินเป็นบูดบึ้ง หลังจากเขาคิดเป็นเวลานาน เขาถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวในที่สุด “ข้าทําได้เพียงใส่คนผู้นี้ในยอดฉิงหยุน ข้าจะมอบตําแหน่งยอดเทียนเยว่ให้กับหลานชายของเจ้า”

 

เมื่อหัวหน้าตระกูลจางได้ยิน เขาเผยการแสดงออกถึงความสุข เขายิ้มและกล่าว “ขอบคุณมาก สําหรับการช่วยเหลือ ข้าจะจากไปก่อนและรอฟังข่าวจากท่าน”

 

เมื่อหัวหน้าตระกูลจางจากไป เก่อหยุนปินเก็บขวดหยกที่บรรจุเม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

เมื่อเขาลุกขึ้นและออกจากห้องโถง เซี่ยวเฉินรีบควบคุมนกตัวน้อยตามเขาไปอย่างเงียบเชียบ จากนั้นไม่นาน เขามาถึงห้องนอนและเปิดขวดหยก ตรวจสอบอย่างระวัง 

 

“ท่านเจ้าเมือง บุคคลที่ถูกแนะนําโดยแม่นางเฟิงเฝ้ารออยู่ในห้องโถงสองเป็นเวลานานแล้ว”เสียงของผู้บ่มเพาะดังมาจากด้านนอกประตู

 

เซี่ยวเฉินสาปแช่งอยู่ในใจ แท้จริงแล้วเขาเพิ่งจะรายงานการมาถึงของข้าให้กับท่านเจ้าเมืองหลังจากปล่อยให้ข้ารอเป็นเวลานาน เมื่อเขานึกถึงการเฝ้ารอเป็นเวลานานในครั้งล่าสุด เขาอดไม่ได้ที่ความโกรธจะประทุ

 

เก่อหยุนปินขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพียงแค่ข้าเริ่มพิจารณาสิ่งนี้ เขาก็เลือกจังหวะมาได้พอดิบพอดี ข้าทําได้เพียงพิจารณามันในภายหลังเท่านั้น” เขาวางเม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะไว้บนโต๊ะและเปิดประตู “ไปกันเถอะ!”

 

หลังจากเขาจากไป เซี่ยวเฉินสังเกตเห็นว่าเก่อหยุนปินทิ้งเม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะไว้ภายในห้อง ในขณะที่เขากําลังรีบ

 

“ข้าควรจะฉกมันม่เสีย?? โธ่เอ้ย คนผู้นี้เกือบทําให้ข้าตาย ทําไมข้าถึงต้องดีกับเขา” เซี่ยวเฉินตัดสินใจภายในใจและไม่ลังเลที่จะควบคุมนกตัวน้อยบินผ่านช่องระบายอากาศเข้าไป

 

หลังจากนกตัวน้อยเข้ามา ทันใดนั้นมันก็คว้าเม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะที่อยู่บนโต๊ะและบินจากไป เซี่ยวเฉินเป็นกังวลเล็กน้อย; เขากลัวว่าจะมีใครเห็นนก ดังนั้นเขาจึงควบคุมนกให้บินสูงมาก

 

จากนั้น นกตัวน้อยก็ลงจอดบนหลังมือของเซี่ยวเฉินอย่างปลอดภัย เซี่ยวเฉินรีบปลดคาถาและเก็บรูปสลักนกไม้และเม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาล

 

หลังจากเขาทําทุกอย่าเสร็จสิ้น ประตูของห้องโถงสองก็ถูกเปิดออก เก่อหยุนปินเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า เขาเดินเข้ามาด้วยก้าวที่ใหญ่และกล่าว “หลานเย่เฉิน เจ้าสําเร็จภารกิจของเจ้าหรือยัง?”

 

เซี่ยวเฉินประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่มีการแสดงออกที่เปลี่ยนไปบนใบหน้าของเขา เขาลุกขึ้นและโค้งคํานับ “ทักทาย ท่านอาวุโสเจ้าเมือง ผู้เยาว์ไม่ทําให้ท่านต้องเสื่อมเสียและจัดการสังหารลิงน้ำแข็งระดับห้า”

 

หลังจากเขากล่าว เขานําศพของลิงน้ำแข็งออกมา สีหน้าของเก่อหยุนปินก็เปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะทราบเรื่องนี้จากหัวหน้าตระกูลจาง เมื่อเขาเห็นมันด้วยตนเอง เขาแทบไม่กล้าที่จะเชื่อ

 

ผู้เชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงสามารถสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับห้าได้จริงๆ เหลือเชื่ออะไรเช่นนี้ เขามองเซี่ยวเฉินอีกครั้งและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น ตอนนี้เซี่ยวเฉินเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นต้นแล้ว

 

“สายตาข้าชักจะฟาฟางแล้ว ข้าเพิ่งทราบว่าหลานชายได้เข้าสู่ระดับปรมาจารย์ยุทธ์แล้ว ยินดีด้วย!” เก่อหยุนปินมองไปที่เซี่ยวเฉินและยิ้มออกมาเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามันน่าเสียดาย บุคคลผู้นี้อาจจะเป็นอัจฉริยะ

 

เซี่ยวเฉินปฏิบัติตัวตามมารยาทขณะที่กล่าวถ่อมตัว “ข้าต้องขอบคุณผู้อาวุโสสําหรับเรื่องนี้ หากไม่ใช่เพื่อต่อสู่กับสัตว์อสูรวิญญาณระดับห้า ข้าคงก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ยุทธ์มิได้”

 

เก่อหยุนปินกลายเป็นตะลึง แม้แต่คนที่มีประสบการณ์เช่นเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่านี้เป็นการแสดงของเซี่ยวเฉินหรือไม่ เขาคิดว่าเซี่ยวเฉินขอบคุณเขาอย่างจริงใจ

 

เขายิ้มออกมาด้วยท่าทางที่เขินอาย “ไม่จําเป็นต้องขอบคุณ การที่เจ้าสามารถทะลวงผ่านได้เป็นผลมาจากความพยายามของเจ้า เจ้าเก็บศพสัตว์อสูรวิญญาณเอาไว้เถอะ รอสักครู่ ข้าจะให้ใครสักคนส่งเจ้าไปที่เทือกเขาหลิงหยุน”

 

ตอนนี้เขารู้สึกถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนบางอย่าง และเขาไม่ได้ตรวจสอบศพสัตว์อสูรวิญญาณอย่างระวัง เขาเรียกใครบางคนมาและกล่าว “นําน้องชายผู้นี้ไปเทือกเขาหลิงหยุนส่งเขาไปที่ยอดฉิงหยุนและนําเหรียญแสดงตนของข้าไปด้วย”

 

เมื่อคนผู้นี้ได้ยินคําว่า “ยอดฉิงหยุน” เขาแสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างชัดเจน เขารับเหรียญทองแสดงตนของเก่อหยุนปินก่อนที่เขาจะตอบกลับ “เอาล่ะ น้องชายเย่ โปรดตามข้ามา!”

 

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เซี่ยวเฉินได้ยินคําว่า “ยอดฉิงหยุน” เขาได้คาดเดาเกี่ยวกับมัน เมื่อเขาเห็นการแสดงออกของคนผู้นี้ เขามั่นใจมากว่ายอดฉิงหยุนจะต้องไม่ใช่สถานที่ดีเป็นอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการถามคําถามนี้ เขาติดตามคนผู้นั้นออกไป และพูดคุยกับเขา ชื่อของเขาคือ ถัง ติ่งเทียน และเขาเป็นรองพ่อบ้านในบ้านของท่านเจ้าเมือง เขามีอํานาจมากมายในเมืองกระบี่

 

มันไม่มากเกินไปที่จะกล่าวว่ามีคนไม่มากที่อยู่เหนือเขา อย่างไรก็ตาม เขาอ่อนน้อมเป็นอย่างมาก และเขายังอธิบายสิ่งที่เซี่ยวเฉินจําเป็นต้องทราบเมื่ออยู่ในนิกายชั้นใน 

 

ศาลากระบีสวรรค์นิกายชั้นในถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดกิ่ง กระจายไปทั่วยอดเขาทั้งเจ็ดของเทือกเขาหลิงหยุน กิ่งทั้งเจ็ดตั้งอยู่บนแต่ละยอดเขา ข้อกําหนดแต่ละยอดเขาที่ให้ศิษย์ปฏิบัตินั้นไม่เหมือนกัน ทั้งทักษะกระบี่และทักษะการเคลื่อนไหว ที่ได้เรียนรู้ก็แตกต่างกันเช่นกัน

 

นอกเหนือจากท่านเจ้าศาลา บุคคลที่มีอํานาจในการสั่งการมากที่สุดในศาลากระปสวรรค์คือท่านเจ้ายอดเขาของแต่ละกิ่ง นอกจากนี้ยังมีโถงควบคุมกฏ ผู้อาวุโส สภาและองค์กรอื่นๆ

 

ถังยิ่งเทียนยังบอกถึงข้อต้องห้ามมากมายบริเวณนิกายชั้นใน เขาห้ามเข้าไปในที่เหล่านั้น มิฉะนั้นผลที่ตามมาจะร้ายแรงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเบื้องหลังเขาจะยิ่งใหญ่แค่ไหนโถงควบคุมกฏจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ

 

ไม่นาน เซี่ยวเฉินและและถังติงเทียนก็รู้จักกันมากขึ้น เขาถามถึงข้อสงสัยในใจเขา “พ่อบ้านถัง ท่านช่วยอธิบายรายละเอียดสภาพของยอดเขาฉิงหยุนมากกว่านี้ได้หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินค้นพบว่า แม้ถังยิ่งเทียนจะพูดมาก เขาจะหลีกเลี่ยงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ที่เซี่ยวเฉินกําลังจะไปยอดเขาฉิงหยุน

 

ทันใดนั้นถังยิ่งเทียนก็หยุดพูด และจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเก้กังพร้อมกล่าว “เห็นที่ท่านเจ้าเมืองไม่ได้บอกเจ้า ดังนั้น ข้าจึงไม่กล้าบอกเจ้าโดยตรง เอาเช่นนี้แล้วกัน ภายในยอดเขาทั้งเจ็ดในเทือกเขาหลิงหยุน ระดับความแข็งแกร่งต่ำที่สุด แต่มีการแข่งขันน้อยที่สุด

 

แข็งแกร่งน้อยที่สุด? เซี่ยวเฉินยิ้มให้กับตนเอง นั่นไม่ใช่ปัญหา มองไปที่สถานการณ์ของศาลากระบี่สวรรค์ ความแข็งแกร่งของเจ้ายอดเขาอย่างน้อยก็อยู่ขอบเขตกษัตริย์ ไม่ว่าเขาจะสอนสังเซี่ยวเฉินเช่นไร มันก็มากเพียงพอแล้ว

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

IMDC, 仙武同修
Score 6.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Released: 2008 Native Language: Chinese
เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset