Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 153 รูปแบบของกระบี่

ตอนที่ 153 รูปแบบของกระบี่

 

ในตอนสุดท้าย ทุกย่างก้าวทําให้เขารู้สึกราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง เขาหายใจอย่างหนักและก้าวไปอย่างยากลําบาก บางครั้งเขาถึงกับรู้สึกอยากจะหยุดวิ่งทิ้งตัวลงไปทั้งอย่างนั้น

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปที่ร่างอันงดงามและสีหน้าของนาง,เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องรักษาหน้าของเขาเอาไว้ เขาจะต้องไม่ล้มลงต่อหน้านางแบบนั่นมันจะน่าอายเกินไปแล้ว

 

ในที่สุดเมื่อเขาวิ่งจบรอบสุดท้าย,เซี่ยวเฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะไม่ล้มลงไป สูดหายใจเข้าลึก,เขานั่งลงขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง

 

เมื่อผู้หนึ่งเหนื่อยล้าและร่างกายถูกกดดันไปถึงขีดจํากัด, นั้นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะดึงศักยภาพของคนคนนั้นออกมาเมื่อเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง เซี่ยวเฉินเข้าใจถึงหลักการนี้มาตั้งแต่ในอดีตแต่ยังไม่เคยมีใครมาคอยสั่งสอนเขาเช่นนี้มาก่อน

 

ตอนนี้เขาได้รับโอกาสนั้นมาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะยอมแพ้ ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปทั่วร่างของเขาอย่างช้าๆ หลังจากที่หมุนเวียนพลังปราณไปครบรอบ,มันก็ซึบซับเข้าไปในเนื้อหนังและกระดูกของเขา

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของเขารู้สึกสุขสบายอย่างมาก เม็ดเหงื่อบนร่างของเขาระเหยออกไปอย่างช้าๆกลายเป็นไอสีขาว

 

– หลิวหรูเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกําลังมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้น นางเผยรอยยิ้มไม่คาดคิด ในสายตาของนางนางมองเห็นฉากความทรงจํา,ราวกับนางได้เห็นตัวเองในอดีต

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินหยุดการหมุนเวียนพลังปราณในร่างของเขา เขาลืมตาขึ้นมาเจอกับสายตาของหลิวหรูเยว่ เขายิ้มขึ้นบางๆพร้อมกับลุกขึ้นยืน

 

เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “พี่สาวหรูเยว่เริ่มชี้แนะข้าได้แล้ว?”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มเบาๆ “ไม่เลวๆ, ทักษะกระบี่ที่เจ้าใช้จะต้องเป็นทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน ข้าเคยร่ําเรียนทักษะกระบี่นี้มาก่อนเมื่อข้ายังเยาว์ ต่อมามันไม่เข้ากับแนวทางของข้า,ข้าจึงยอมแพ้ไป”

 

ความงุนงงปรากฏขึ้นในดวงตาของเซี่ยวเฉิน,หลิวหรูเยว่เคยฝึกฝนทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันมาก่อน? นั้นช่างน่าแปลก,ไม่ใช่ว่าเฟิงเฟยเสวี่ยเคยกล่าวว่าทักษะนี้มันมาจากสํานักฉินสวรรค์?

 

มองเห็นความงุนงงของเซียวเฉิน,หลิวหรูเยวจึงอธิบาย “มันไม่น่าแปลกอะไร ศาลากระบี่สวรรค์ได้รวบรวมทักษะกระบี่จากทั่วทุกมุมโลก,ยกเว้นแต่ที่เป็นทักษะสืบทอด”

 

“ข้าได้ยอมแพ้ในทักษะกระบี่นี้เพราะรูปแบบของมัน ให้ข้าได้ถามเจ้าก่อนเจ้าคิดว่ารูปแบบของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันเป็นเช่นไร? เจ้าคิดว่ามันเหมาะสมกับเจ้าหรือไม่?”

 

รูปแบบของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันเป็นเช่นไร? เซี่ยวเฉินไม่เคยนึกถึงคําถามเช่นนี้มาก่อน เขาไม่เคยคิดแม้แต่ว่าเขาเหมาะสมกับมันหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ฝึกฝนทักษะกระบี่นี้มาอย่างยาวนาน,เซี่ยวเฉินก็พอมีความคิดคราวๆเกี่ยวกับทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง,มันก็ตอบได้ไม่ยากเย็นนัก “ดุร้ายและรวดเร็ว แรงเหนี่ยวนําสูงเต็มไปด้วยพลังราวกับแม่น้ําไหลหลาก เมื่อมันได้เริ่มก็เหมือนกับสายฝนกระหน่ําที่ไม่อาจหยุดยั้ง”

 

หลิวหรูเยว่พยักหน้า “ดูเหมือนเจ้าจะมีความเข้าใจเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม คําที่เจ้าอธิบายในตอนแรกมันเป็นเพียงการเน้นจุดพิเศษของทักษะกระบุสายฟ้าฉับพลัน,ไม่ใช่รูปแบบของมัน”

 

“รูปแบบของมันคือสุดท้ายที่เจ้าพูด,เหนี่ยวนําไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง การถอยกลับแม้แต่ก้าวเดียวนั้นหมายถึงครึ่งเป็นครึ่งตายเสู้อย่างเต็มกําลังเผชิญหน้ากับอันตราย ถึงตาย แม้แต่ก่อนที่จะเข้าต่อสู้เจ้าก็ผลักตัวเองเข้าไปในเส้นทางที่ไร้ทางหันกลับ เจ้าคิดว่าทักษะนี้เหมาะสมกับเจ้าหรือไม่?”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้แจ้ง – ราวกับสายฟ้าลั่นเข้ามาในหัวของเขา คําถามที่เขาไม่อาจตอบได้ทันใดนั้นก็กระจ่างชัด

 

เขารู้สึกอยู่เสมอความความเข้าใจต่อทักษะกระบี่สายฟ้า ฉับพลันของเขาเหมือจะมีอะไรขาดหายไป

 

ในวันนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าอะไรที่ขาดหายไป เขาขาดความมุ่งมั่น,ความมุ่งมั่นที่มากล้นที่จะไม่ถอยกลับแม้ตัวจะถึงฆาต

 

อย่างไรก็ตาม,มันจะเหมาะสมกับเขาอย่างแท้จริง?

 

เซี่ยวเฉินอดที่จะคิดถึงปัญหานี้ไม่ได้ หลังจากผ่านไปนาน,ดวงตาของเซียวเฉินเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น เขาทบทวนหลายสิ่งก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเหมาะสมกับรูปแบบนี้ แม้ตอนนี้จะยังไม่คู่ควร,ข้าก็จะไม่ยอมแพ้”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มเบาๆ “ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่เหมาะสมกับมัน ตอนที่พวกเราแลกกระบวณท่ากันก่อนหน้านี้เจ้าอยากให้ข้ายอมให้เจ้าลงมือก่อนโดยหวังว่าจะใช้ข้อได้เปรียบของมัน นั่นไม่ใช่รูปแบบของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน”

 

เซี่ยวเฉินไม่อาจเข้าใจได้ เขาจึงถามขึ้น “แต่จังหวะของข้า ถูกเจ้าที่ขัด ข้าจะไม่ถอยกลับได้เช่นไร? มันเป็นไปไม่ได้กับคู่ต่อสู้ที่ระดับขอบเขตพลังหรือความแข็งแกร่งเท่ากัน,ข้าจะไม่มีวันถอยกลับ”

 

“เจ้ามันช่างปากแข็ง ความแข็งแกร่งที่ข้าใช้ก่อนหน้านี้มันไม่เกินไปกว่าระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าเจ้าลองดูอีกสักครั้งก็ย่อมได้” รอยยิ้มเติมเต็มใบหน้าอันงดงามของหลิวหรูเยาะดูเหมือนนางจะกระตือรือร้นที่จะลองอีกครั้ง

 

เซี่ยวเฉินนึกถึงฉากเมื่อก่อนหน้าแล้วก็ยิ้มแบบอายๆ “มิกล้า,ข้าขอเชื่อเจ้า”

 

หลิวหรูเยวรู้สึกช่างน่าเสียดาย,นางพูดขึ้น “เช่นนั้นก็ดี,ข้าจะไม่กวนเจ้าแล้ว ตอนนี้มันยังเร็วไปหน่อยที่จะบอกเจ้าทุกอย่าง เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะไม่เข้าใจ ฝึกฝนแปดท่ากระบี่พื้นฐานก่อนและมาแสดงให้ข้าดู!”

 

เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าเขินอาย “ข้าไม่ได้ร่ําเรียนทักษะกระบี่พื้นฐานมาก่อน เมื่อข้ายังเด็ก,ตระกูลให้ข้าฝึกฝนทักษะฝ่ามือและหมัดเท่านั้น พื้นฐานกระบี่สามารถเลือกไม่เรียนก็ได้ในตอนนั้น,ข้าไม่เคยคิดที่จะเรียนกระบี่มาก่อน,ข้าจึงไม่ได้เรียนมา”

 

ตอนที่เซียวเฉินยังเด็ก,เขาไม่สามารถหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งจดจ่อไปที่การพยายามหลอมรวมวิญญาณยุทธ ไม่มีอะไรที่เขาฝึกฝนได้,รวมไปถึงทักษะกระบี่พื้นฐาน

 

ต่อมา หลังจากที่เซี่ยวเฉินหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธได้สําเร็จ,เขาไม่ได้ให้ความสําคัญกับกระบวณท่ากระบีพื้นฐาน เพราะเขาต้องเรียนรู้หลายอย่างมากเกินไป แม้ว่าเขาจะไม่เคยหย่อนยานกับการฝึกฝนและบ่มเพาะพลัง,แต่เขาก็ไม่เคยฝึกฝนกระบีพื้นฐานแบบจริงจัง

 

หลิวหรูเยว่รู้สึกปวดหัวตุบ “สุยเฟิง! ย้ายก้นของเจ้ามาทางนี้

หลิวสุยเฟิงผู้ที่กําลังฝึกฝนอยู่ด้านข้าง,หยุดมือจากสิ่งที่ทําอยู่และพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาถามขึ้น “พี่สาว,ว่าไง!”

 

“ข้ายอมแพ้แล้ว เจ้าจัดการสอนแปดกระบวณท่ากระบี่พื้นฐานให้เขาซะ เจ้ามีเวลาหนึ่งวัน ข้าจะมาดูผลงานในวันพรุ่งนี้” หลิวหรูเยว่นวดขมับนางรู้สึกปวดหัว

 

“ข้าขอตัวก่อนแล้วจะกลับมาดูผลในวันพรุ่งนี้ ใช่แล้ว, แผ่นถ่วงน้ําหนักก็ให้เขาใส่ไว้อย่างนั้น” หลังจากที่หลิวหรูเยว่พูดจบ,นางก็จากไปทันที

 

หลิวสุยเฟิงมองไปที่เซี่ยวเฉินและถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เย่เฉิน,เจ้าไม่เคยแม้แต่จะเรียนกระบวณท่ากระบี่พื้นฐาน?”

 

เซียวเฉินตอบ “มันสําคัญด้วย? ข้าไม่เคยร่ําเรียนมันมาก่อน”

 

หลิวสุยเพิ่งยิ้มขมขึ้น “ข้า “เลื่อมใสเจ้าจริงๆ ช่างโชคดีที่เจ้าไม่ได้เข้ามาโดยผ่านทางนิกายชั้นนอก ทักษะกระบี่พื้นฐานเป็นรากฐานของทุกทักษะกระบี่ นิกายศาลากระบี่ สวรรค์มีกฏ หากไม่ได้ฝึกฝนพื้นฐานกระบี่จนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้นเจ้าไม่สามารถเรียนทักษะต่อสู้ใดๆ”

 

“ดังนั้นสําหรับคนอย่างพวกเราและนักบ่มเพาะพลังผู้ที่ต้องการเข้าศาลากระบี่สวรรค์,ทักษะกระบี่พื้นฐานจําต้องฝึกฝนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น คนส่วนใหญ่จะฝึกฝนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นกลาง,และจะมีบางคนเช่นพี่สาวของข้า ผู้ที่ฝึกฝนจนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม”

 

เซี่ยวเฉินไม่คาดคิดว่าทักษะกระบี่พื้นฐานจะมีความสําคัญถึงเพียงนี้ เขาอดถามขึ้นไม่ได้ “เช่นนั้นเจ้าฝึกฝนทักษะกระบีพื้นฐานไปจนถึงขั้นใด?”

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มอย่างหมดหนทาง “ข้าไม่ได้มุมานะถึงเพียงนั้น หลังจากที่มาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น, ข้าก็หยุดลง อย่ามัวพูดคุย มันยังไม่สายเกินไปที่เจ้าจะเรียนรู้

 

เซียวเฉินพยักหน้าและเตรียมที่จะถอดแผ่นถ่วงน้ําหนักบนแขนของเขาออก เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นดังนั้น,เขาก็รีบหยุดเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “อย่าบอกข้าว่าเจ้าจะให้พี่น้องต้องไปลําบากถึงเพียงนี้”

 

หลิวสุยเฟิงมีสีหน้าจริงจังพร้อมกับพูดขึ้น “ข้าไม่ได้หาเรื่องให้เจ้าต้องลําบาก สําหรับเจ้าที่สามารถฝึกฝนทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันจนมันประทุเสียงฟ้าคํารามออกมาได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพยายามของเจ้า แม้แต่ในประวัติศาสตร์ของศาลากระบีสวรรค์,ก็มีไม่มากนักที่จะสามารถทําได้ถึงเพียงนั้น”

 

“พี่สาวของข้าคาดหวังในตัวเจ้าสูงมาก มิฉะนั้นนางคงไม่ชี้แนะเจ้าถึงรูปแบบของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน”

 

“ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันถูกสร้างขึ้นมาโดยจักรพรรดิกระบี่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูง,แต่ศักยภาพของมันไร้ขีดจํากัด หากเจ้าต้องการปรับปรุงมันอย่างแท้จริง ทักษะกระบีพื้นฐานจะต้องฝึกฝนขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม หากเจ้าต้องการเรียนรู้มันด้วยระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ เจ้าจะต้องฝืนทนเป็นอย่างมาก มันไร้ซึ่งทางลัด”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้น เขาหยุดมือในสิ่งที่กําลังทําอยู่ หลิวสุยเฟิงเริ่มสาธิตทักษะกระบี่พื้นฐาน มีเพียงแปดท่วงท่าในทักษะกระบีพื้นฐานกวาด,ฟัน,ผลัก,เฉือน,ช้อน,กวัดแกว่ง,สับ,และแทง พวกมันรู้จักกันในทวงท่ากระบี่พื้นฐาน

 

เนื่องจากมันเป็นทักษะกระบีพื้นฐาน

 

โดยปกติพวกมันเป็นเรื่อง่ายที่จะทําความเข้าใจ เซียวเฉินเพียงแค่ต้องทําความเข้าใจก่อน จากนั้นเขาจึงเริ่มฝึกฝนด้วยตัวเอง เนื่องจากเขาใส่ตัวถ่วงน้ําหนักกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัม,การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งช่างยากลําบาก

 

หลิวสุยเชิงส่ายหัวไปมาไม่หยุด “ขาของเจ้าไม่ควรเคลื่อนไหว แขนของเจ้ายกขึ้นให้สูงกว่านี้”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินลงมือฝึกฝนด้วยตัวเองจริงๆ เขาพบว่ามีข้อผิดพลาดหลายอย่าง มันเป็นเพียงแค่แปดกระบวนท่าง่ายๆ แต่เขายังทําผิดพลาดอยู่

 

ช่วงเช้าผ่านเลยไปเช่นนี้ ขณะเดียวกัน,หลิวสุยเฟิงก็ชี้แนะเขาต่อไปเรื่อยๆ, บางครั้งก็สาธิตให้เขาดูตาม เขาไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด นั่นทําให้เซียวเฉินรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก

 

“พี่สุยเฟิงพี่เย่เฉินได้เวลาอาหารแล้ว” เสียงอันไพเราะของเสี่ยวเมิ่งดังมาจากพื้นที่ประลอง ช่าวหยางและเสี่ยวเมิ่งกําลังถืออาหารเดินเข้ามาทางพวกเขาอย่างช้าๆ

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นดังนั้น เขายิ้มออกมาเบาๆ “ตอนเช้าพอไว้แค่นี้ อย่าไปฟังพี่สาวของข้ามากนัก ตอนที่ข้าฝึกฝนทักษะกระบี่พื้นฐาน,มันใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจภายในหนึ่งวัน”

 

เซี่ยวเฉินปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาก่อนที่จะพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว การเคลื่อนไหวทั้งแปดนี้คือพื้นฐานของทักษะกระบี่ทั้งหมด,มีการพลิกแพลงมากมายแต่พวกมันก็ยังอยู่ในแปดกระบวณท่านี้

 

จากที่ศาลากระบี่สวรรค์กล่าวว่าผู้นั้นจะต้องฝึกฝนทักษะกระบีพื้นฐานถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้นก็เนื่องมาจากเหตุนี้ หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน, เซียวเฉินก็สามารถเข้าใจว่าทําไม

 

อาหารกลางวันเสี่ยวเมิ่งเป็นคนทําขึ้นมาด้วยตัวเอง ในตอนแรกนางเสิร์ฟข้าวต้มให้กับเซียวเฉินและหลิวสุยเชิง นางเกรงว่าเซี่ยวเฉินอาจจะไม่เข้าใจ,นางจึงกล่าวขึ้น “นี้เป็นการคําแนะนําของพี่สาวหรูเยว่ หลังจากออกกําลังอย่างหนักหน่วง,เจ้าต้องดื่มข้าวต้มก่อนที่จะอิ่มท้องด้วยอาหารจานหลัก”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มกับตัวเอง ผู้หญิงนางนี้ช่างใส่ใจรายละเอียดดีนัก แม้กระทั่งนักโภชนาการจากโลกของเขาก็กล่าวเช่นนี้

 

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวไป๋กระโดดออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือดที่หน้าอกของเซี่ยวเฉิน หลังจากที่มันออกมา มันก็จ้องมองไปที่เสี่ยวเมิ่งด้วยดวงตาสีใสกลมโต

 

“เป็นจิ้งจอกน้อยที่น่ารักอะไรอย่างนี้!” ใบหน้าของเสี่ยวเฟิงเปล่งประกายด้วยความสุข

 

ทันทีที่หลิวสุยเฟิงเห็นหยกสีแดงบนหน้าอกของเซี่ยวเฉิน,มีความประหลาดบนใบหน้าของเขา เขาพูดขึ้น “หรือนั่นจะเป็นหยกวิญญาณสีเลือด?”

 

เซียวเฉินพยักหน้า เขาไม่ได้ปล่อยเจ้าเพื่อนตัวน้อยออกมาตลอดสองสามวัน เมื่อเสียวไปได้กลิ่นอาหาร,มันก็อดไม่ได้ที่จะออกมา

 

เซี่ยวเฉินมีปฏิสัมพันธ์กับคนพวกนี้และพบว่าพวกเขาใจดี จึงไม่ได้หยุดเสียวไปเอาไว้

 

“ยังมีข้าวต้มเหลืออีกหรือไหม? เจ้าตัวน้อยนี้หิวแล้ว” เซี่ยวเฉินถามขึ้นพร้อมมองไปที่นาง

เสี่ยวเมิ่งยิ้มบางๆและพยักหน้า หลังจากที่นางเติมข้าวต้มมาเต็มชาม,นางก็วางลงตรงหน้าของเสี่ยวไป๋ เสี่ยวไป๋เผยรอยยิ้มนางรักและถูหัวของมันกับเสี่ยวเมิ่ง เสี่ยวเมิ่งเป็นสุขอย่างมากพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset