Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 192 ผู้สืบทอดนิกายซากศพเลือนไหล

Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 192 ผู้สืบทอดนิกายซากศพเลือนไหล

 

มีระดับนักบุญของศาลากระบี่สวรรค์ประมาณ 200 คน จํานวนต่างจากพวกซากศพแบบเทียบไม่ได้ พวกเขาพยายามอย่างหนัก,ป้องกันอย่างอดทน

 

อย่างไรก็ตาม,กําลังหลักของทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด มือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของหินที่ผนึกมารอสูรเอาไว้ พลังฉีฆ่าฟันของพวกเขาสงวนเอาไว้ขณะที่จับกระบี่เอาไว้แน่น พวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะลงมือ

 

เซี่ยวเฉินเฝ้าดูอยู่นาน,แต่เขาไม่พบระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์แม้แต่คนเดียวคอยนําการรบ มีเพียงผู้อาวุโสขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่ยืนอยู่ในระยะไกล,ค่อยสังเกตสถานการณ์

 

ท่ามกลางหมู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ, เซี่ยวเฉินพบเห็นเย่เหวิน เย่เหวินเป็นเหมือนเดิมไม่สามารถค้นพบว่าเขาคิดอะไรอยู่จากการมองดูสีหน้าของเขา เขานิ่งสงบอย่างมาก,ราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา

 

ทางด้านนิกายซากศพเลื่อนไหล ไม่มีซากศพที่แข็งแกร่งกําลังต่อสู้ มีสามซากศพร่างใหญ่กําลังยืนอยู่ตรงกลาง ซากศพวกนั้นสูงกว่าห้าเมตร สีผิวของพวกมันดําสนิท มีพลังฉีสีดําหนาแน่นไหลออกมาจากร่างของพวกมัน

 

บางครั้ง,พวกมันก็ร้องคํารามเสียงแหบแห้ง เซี่ยวเฉินเพียงมองดูจากระยะห่างออกไป แต่เขายังคงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล,ทําให้เขาสั่นเทาด้วยความกลัว

 

หรือสามตัวนั้นจะเป็นราชันซากศพ? เซี่ยวเฉินสงสัยอย่างเกรงกลัว สําหรับซากศพที่ได้กลายเป็นราชันซากศพ,เขามันจะต้องเป็นอย่างน้อยระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังยากที่พวกเขาตายและกลายเป็นซากศพ,พวกเขาสามารถเก็บใช้ทักษะต่อสู้และประสบการณ์ต่อสู้เมื่อก่อนหน้าได้

 

ภายใต้การควบคุมของนิกายซากศพเลื่อนไหล,พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธทั่วไปอย่างมาก นี่เป็นเพราะร่างที่ไม่มีวันตายของพวกเขา,ไร้ซึ่งความกลัว และร่างที่ราวกับเหล็กที่ไม่สามารถทําลายได้ด้วยน้ำหรือไฟ

 

ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม,มีซากศพสูงสองเมตรนับร้อยตัว ทั่วทั้งร่างของมันปลดปล่อยพลังฉีสีดําออกมา พวกมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และมันเห็นชัดว่ากระแสพลังของพวกเขาต่างจากซากศพตัวอื่นๆ

 

พวกเขาจะต้องเป็นซากศพกลายพันธ์ที่เป็นรองเพียงราชันซากศพ พวกมันสามารถยืนหยัดต่อสู้ประมือกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธได้

 

ด้านหลังของราชันซากศพ,มีคนประมาณสิบคนที่แต่งตัวด้วยชุดสีดํา พวกเขาทั้งหมดซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของราชันซากศพ เซี่ยวเฉินพบหัวหน้าสี่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น

 

มองดูข้างหลังไปอีก,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินยังพบสิบซากศพยอดกษัตริย์ยุทธที่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว พวกนั้นเป็นผู้สืบทอดของนิกายซากศพเลื่อนไหลฝ่ายที่เดินเส้นทางแห่งซากศพ

 

เปลี่ยนตัวเองให้กลายไปเป็นสภาพกึ่งเป็นกิ่งตาย เทียบกับซากศพทั่วไป,พวกเขายังมีสตินึกคิดแบบคนธรรมดา พวกเขารับมือได้ยากมากราชันซากศพทั่วไปเทียบไม่ติด

 

เซี่ยวเฉินกําลังรู้สึกงุนงง นิกายซากศพเลื่อนไหลมีระดับสูงที่แข็งแกร่ง,ศาลากระบี่สวรรค์สามารถยืนหยัดไว้ได้เยี่ยงไร? พวกเขามีเพียงสิบขอบเขตกษัตริย์ยุทธอยู่ที่นี่ในตอนนี้

 

แม้ว่ามือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยพลังฉีอสูรที่น่าหวาดกลัวสุดขีดออกมา,ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขาก็อยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุณขั้นกลางถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง แม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์สู้รบโชกโชน, พวกเขาก็ยังเทียบไม่ได้กับราชันซากศพ

 

การต่อสีในแม่น้ำเริ่มเอนเอียงไปทางนิกายซากศพเลื่อนไหล ระดับขอบเขตนักบุญของศาลากระบี่สวรรค์กําลังพ่ายแพ้ลงอย่างช้าๆ ซากศพจํานวนมากพุ่งไปด้านตรงข้ามของฝั่งแม่น้ำ

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกซากศพจะได้ขึ้นไปไดล,พลังงานอันแข็งแกร่งถูกยิงออกมาสลายผิวหนังที่แข็งรางกับเหล็กของพวกมัน ต่อหน้าพลังงานนี้,พวกมันราวกับเป็นเต้าหู้นุ่มนิ่ม

 

เซี่ยวเฉินสังเกตการณ์อย่างละเอียดและพบว่าเป็นพลังงานที่มาจากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธพวกนั้น มันมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างขอบเขตกษัตริย์ยุทธกับขอบเขตนักบุญ เพียงครั้งเดียวสามารถสลายเหล่าซากศพที่ปรับแต่งพิเศษไปได้อย่างง่ายดาย

 

หลังจากที่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธลงมือ,การต่อสู้ที่เริ่มโอนเอียงไปทางนิกายซากศพเลื่อนไหลก็กลับมาสมดุลอีกครั้ง

 

“ฟู่!”

 

ทันใดนั้น,ร่างสีเงินก็ลอยผ่านมาในอากาศ ผมสีเงินของคนผู้นั้นเป็นประกายระยิบระยับ ร่างอันงดงามของนาง จากนั้นก็ลงจอดอย่างมั่นคง,ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม

 

หัวหน้าสี่คิ้วขมวดเล็กน้อยและกล่าวอย่างเฉยเมย “องค์หญิงมู่,ทําไมท่านเพิ่งถึงมาปรากฏตัวตอนนี้?”

 

มู่ซินหยามองดูสถานการณ์และพูดอย่างเฉยเมย “ข้ามีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการ ไม่จําเป็นต้องไปใส่ใจ บอกข้าถึงสถานการณ์ในตอนนี้”

 

หัวหน้าสี่ตอบกลับ “ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่ผู้อาวุโสระดับสูงของศาลากระบีสวรรค์ยังไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าไม่มั่นใจ,ดังนั้นข้าจึงไม่ได้บุกเต็มกําลัง”

 

มู่ซินหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน แค่บุกเต็มกําลังไปซะ เมื่อบรรพบุรุษมารอสูรถูกปลดปล่อยออกมาไม่ว่าจะมีผู้อาวุโสระดับสูงสักกี่คน,มันก็ไร้ประโยชน์”

 

หัวหน้าสี่พูด “ท่านแน่ใจ? หากพวกเราล้มเหลว,ความพยายามกว่าหนึ่งร้อยปีของนิกายซากศพเลื่อนไหลจะเปล่าประโยชน์”

 

มู่ซินฟยาหยิบเอาลูกศรที่เรืองแสงสีดําออกมา “นี่คืออาวุธต้องห้ามของเผ่าพันธุ์ของข้า มันได้ถูกส่งต่อมาตั้งแต่ยุคโบราณ;จากนั้นก็ได้ถูกปรับแต่งมานับร้อยปี”

 

“ตราบใดที่ข้าสามารถเข้าไปยังค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารได้,ข้ามั่นใจว่าจะสามารถทําลายหินที่ผนึกราชันมารอสูรเอาไว้ จากนั้น,ขอบเขตที่อยู่ภายในเหมืองวิญญาณแห่งนี้ทั้งหมดจะถูกทําลาย,หินวิญญาณทั้งหมดจะกลายเป็นได้เจ้าของ”

 

“มีหินวิญญาณมากมาย พวกมันเพียงพอที่จะให้เจ้าใช้ฟื้นฟูนิกายซากศพเลื่อนไหล”

 

หลังจากที่หัวหน้าได้ยินดังนั้นเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หารือกับผู้คนที่อยู่ด้านหลัง ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจ “บุกเต็มกําลัง!”

 

ชายชุดดําสิบคนที่กําลังควบคุมซากศพเปลี่ยนท่วงท่ามือของพวกเขา ซากศพทั้งหมดกระทืบพื้นและดีดตัวขึ้นไปในอากาศ

 

ภายในถ้ำแห่งนี้ มีเสียง “ปะ ปะ ปะ” ดังขึ้นมาจากกําแพงทั่วทุกทิศ ราวกับดอกไม้ที่กําลังผลิบาน,ซากศพปืนออกมาจากกําแพง

 

พวกซากศพทั้งหมดดูบ้าคลั่งความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาในทันที นิกายซากศพเลื่อนไหตอนนี้ชิงความได้เปรียบ

 

ก่อนที่พวกเขาจะสามารถถอยกลับไป,ระดับขอบเขตนักบุญกว่าร้อยคนที่เหลืออยู่ในแม่น้ำทั้งหมดถูกกลืนหายไปในฝูงซากศพ

 

สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นพวกเขาก็ใช้ออกทักษะเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ไปยังด้านหลังของถ้ำอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ซากศพที่บ้าคลั่งรุดขึ้นหน้ามา

 

“ฆ่า!”

 

ในจังหวะนั้นเองเมือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในที่สุดก็ลงมือ พวกเขาทั้งหมดตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน ทําให้ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือน

 

ฉีฆ่าฟันปะทุออกมาโดยไม่มีกักเอาไว้ พวกเขากลายเป็นผืนสมุทร:พลังฉีชั่วร้ายได้ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร

 

พลังนี่ชั่วร้ายได้แทรกซึมไปถึงกระดูกของพวกเขา แม้แต่เหล่าากศพที่ได้ตายไปแล้ว ด้วยสัญชาตญาณของร่างกาย, พวกมันอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ่ม

 

“ปัง!ปัง!ปัง!”

 

พวกเขาทั้งหมดชักกระบี่ออกมาพร้อมกัน เสียงกระบี่นับร้อยเล่มที่ถูกชักออกมาพร้อมกันดังสะท้อนไปมาภายในถ้ำ กระบี่ยาวประมาณ 1 เมตรและหนาประมาณ 5 เซนติเมตร,มีสีแดงกําเรื่องอยู่บนคมกระบี มองแวบเดียว ก็เห็นชัดว่าพวกมันไม่ใช่กระบี่ทั่วไป

 

กระบี่พวกนี้รู้จักกระในชื่อกระบี่สูบโลหิต เมื่อพวกมันถูกแทงเข้าไปในร่างของคนที่มีชีวิตและใช้ด้วยทักษะบ่มเพาะพลังพิเศษ,พวกมันสามารถสูบเลือดของคนผู้นั้นให้เดือดแห้งได้ในทันที มันเป็นหนึ่งในขุมพลังของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่สามารถดูดเลือดของฝ่ายตรงข้ามให้เดือดแห้งภายในกระบวณท่าเดียว

 

วิธีการหลอมกระบี่พวกนี้ได้สูญหายไปแล้ว มีเพียงหนึ่งพันเล่มที่ตกทอดมาในค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ที่ไม่ได้มาจากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์, ต่อให้เป็นศิษย์แก่นกลางเก็ไม่สามารถได้รับพวกมันไป

 

หลังจากที่มือกระบี่หนึ่งร้อยคนจากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ลงมือ,สถานการณ์พลิกกลับในทันที

 

ต่อหน้าของศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ซากศพที่ระดับขอบเขตนักบุญยังรับมือได้ลําบากก็ถูกดูดจนเดือดแห้งภายในกระบี่จังหวะเดียว หลังจากที่ซากศพล้มลง,พวกมันกลายเป็นสายความคับแค้นใจและลอยเข้าไปในกระบี่

 

ยิ่งพวกเขาสังหารซากศพไปมากเท่าไหร,กระบี่สูบโลหิตก็กักเก็บความคับแค้นใจมากขึ้นเท่านั้น ศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับปีศาจที่ขึ้นมาจากนรก,พวกเขาสีหน้าท่าทางดุเดือด

 

พวกเขาดูราวกับปีศาจและสัตว์ประหลาด,น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าพวกซากศพ ยิ่งพวกเขากักเก็บความคับแค้นใจมากขึ้นเท่าไหร,พวกเขายิ่งปลดปล่อยฉีชั่วร้ายออกมามากขึ้นเท่านั้น ความเร็วและความแข็งแกร่งของกระบี่ของพวกเขาระเบิดเพิ่มขึ้น

 

เส้นทางแห่งการฆ่าฟัน,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอย่างตกตะลึง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทําไมครั้งแรกที่ข้าเห็นศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ถึงได้มีเจตนาโหดเหี้ยมปะทุออกมาจากจิตใจของเขา

 

เขาไม่คาดคิดว่าจะมีทักษะบ่มเพาะพลังที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ภายในศาลากระบี่สวรรค์ พวกเขาสําเร็จเส้นทางยุทธของพวกเขาด้วยการดื่มไปกับความสนุกในการฆ่าฟัน ทักษะต่อสู้ทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่การฆ่าฟัน

 

ทักษะบ่มเพาะพลังเช่นนี้น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าเส้นทางแห่งซากศพ ผู้บ่มเพาะพลังที่เดินสายเส้นทางแห่งการฆ่าฟันจะต้องสังหารผู้บ่มเพาะพลังไปมากกว่าหนึ่งพันคนในชีวิตของเขา

 

นอกจากนั้น ผู้คนที่พวกเขาสังหารระดับการบ่มเพาะพลังจะต้องไม่ต่ำไปกว่าของพวกเขา มิฉะนั้นมันจะไร้ประโยชน์

 

สําหรับการบ่มเพาะพลังนี้ พวกเขาสามารถกักเก็บความคับแค้นใจหลังจากที่สังหารคู่ต่อสู่และใช้มันเพื่อยกระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขา:มันช่างน่าหวาดกลัว

 

ผู้บ่มเพาะพลังเส้นทางแห่งการฆ่าฟันจะสามารถยืนหยัดเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่มีขอบเขตการบ่มเพาะพลังสูงกว่าพวกเขาได้ หากฝ่ายตรงข้ามประมาท,มันอาจจะสังหารฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือคนพวกนี้ไม่เกรงกลัวความตาย ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ความตายมากเท่าไหร,พวกเขายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

 

มันมีเพียงมือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งร้อยคน,แต่พวกเขาสามารถป้องกันค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารได้อย่างมั่นคงไม่ปล่อยให้มีอะไรเล็ดลอดเข้าไปได้ พวกเขาสังหารซากศพทุกคัวที่เข้าใกล้ในทันที

 

ภายใต้การควบคุมของชายชุดดํา,เหล่าซากศพพุ่งตัวขึ้นหน้าต่อไป ในตอนนี้ เสียงฆ่าฟันสั่นสะเทือนพื้นที่:เสียงโห่ร้องราวกับฟ้าคําราม ทั่วทั้งถ้ำใต้ดินดูราวกับกลายเป็นนรกบนดิน มันโหดเหี้ยมเป็นอย่างมากเลือดที่ไหลรินมันมากพอที่จะไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำ

 

ไม่นานนัก,มือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้สังหารซากศพปรับแต่งไปมากกว่าหนึ่งพัน อย่างไรก็ตาม ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีใครตกตายไปแม้แต่คนเดียว

 

ความคับแค้นใจอันไร้ขอบเขตล้อมรอบกระบี่ของพวกเขา เมื่อสังเกตดูอย่างละเอียด, จะพบว่ามีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดของดวงวิญญาณดังออกมาจากพวกมัน คนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเหนื่อยล้า,ภายใต้การกระตุ้นของความคับแค้นใจ,พวกเขากลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

 

หัวหน้าสี่ตกตะลึง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่ง,เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะน่าหวาดกลัวถึงระดับนี้ สังหารซากศพปรับแต่งพวกนั้นได้ง่ายดายราวกับหุ้นผัก

 

มู่ซินหยากล่าวอย่างเฉยเมย “อย่าได้ตื่นกลัว พวกเขาเพียงใช้ทักษะลับพิเศษ ในการเสริมความแข็งแกร่งของตัวเอง,ซากศพที่ไม่มีจิตวิญญาณสติปัญญาไม่สามารถทําอะไรพวกเขาได้ ปลดปล่อยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้วก็ใช้ซากศพกลายพันธุ์ออกมาซะ”

 

หัวหน้าลี่พยักหน้าและโบกมือของเขา ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม,ซากศพกลายพันธุ์หนึ่งร้อยกว่าตัวปลดปล่อยฉีสีดํากระโดดออกมา

 

ซากศพกลายพันธุ์พวกนี้มีจิตวิญญาณสติปัญญาเล็กน้อย พวกมันมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งในตอนที่มีชีวิตอยู่ ด้วยคําสั่งเดียว,พวกมันพุ่งขึ้นหน้าโจมตีโดยอัตโนมัติ

 

นอกจากนั้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของมันยังสูงมาก ในตอนที่มีชีวิตพวกมันเป็นอย่างน้อยกระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หลังจากที่พวกมันได้รับคําสั่ง, พวกมันก็เคลื่อนไปราวกับลูกศรอันรวดเร็ว,กระโดดผ่านแม่น้ำกว้างร้อยเมตร;พวกมันได้มาถึงด้านหน้าของมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในทันที

 

“ฆ่า!”

 

จํานวนของซากศพกลายพันธุ์พอๆกับจํานวนของมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเขามาพบกัน,การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้น เปรียบเทียบกับซากศพปรับแต่ง,ที่สร้างขึ้นมาจากร่างของคนเหมืองธรรมดา ซากศพกลายพันธุ์แข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด

 

มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถสังหารพวกมันได้ภายในทันที เมื่อกระบี่สูบโลหิตในมือของพวกเขาซัดเข้าที่ซากศพกลายพันธุ์,พวกมันเกิดเป็นเสียงเหล็กกระทบออกมา

 

ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเหลือไว้บนร่างของซ่กศพกลายพันธุ์ พวกมันส่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาด “คัก คัก” ออกมาพร้อมกับใช้ออกทักษะต่อสู้ที่พวกมันเรียนรู้มาจากตอนที่ยังมีชีวิต

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset