Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 194 ตราประทับราชันซากศพ : ตื่นกลัว

Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 194 ตราประทับราชันซากศพ : ตื่นกลัว

“คัก! คัก! คัก! น่าสนใจ ยังคงเหลือนักบ่มเพาะพลังที่ฝึกฝนพลังกายเป็นพิเศษในยุคนี้ ร่างกายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เหมาะที่จะนํามาปรับแต่งซากศพทองคําโบราณ

“ข้าจะส่งเจ้าให้กับศิษย์พี่ของข้าทีหลัง เขาจะปรับแต่งขัดเกลาเจ้าให้เป็นซากศพที่ไร้เทียมทาน เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะไร้พ่ายในใต้หล้าคิดถึงความรุ่งเรืองของเจ้า”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินว่ายอดราชันซากศพอยากจะปรับแต่ง เขาให้เป็นซากศพ.เซี่ยวเฉินตกตะลึง อย่างไรก็ตามเขากําลังถูกจับคอยกลอย มือที่จับเอาไว้แน่นหนาราวกับคีมหนีบไม่ว่าเขาจะดิ้นรนถึงเพียงใด เขาก็หลุดออกไปไม่ได้

เซี่ยวเฉินไม่อาจใช้พลังปราณได้เช่นกันไพร่ที่เขามี ทั้งหมดในมือไม่อาจหยิบมาใช้ได้ เขาไม่อาจทําอะไรได้เลย

ยอดราชันซากศะยิ้มอย่างเย็นชา เขาชกไปที่บริเวณจุดตันเที่ยนของเขาและดึงกลับ เส้นสายพลังฉีสีดําลอยออกมาและเข้าไปในร่างของเซี่ยวเฉินอย่างช้าๆ

เซียวเฉินสัมผัสได้ถึงพลังฉีสีดําที่กําลังปรากฏขึ้นมาในจุดตันเถียนของเขา กําลังเปลี่ยนกลายเป็นกรงขังที่น่ากลัว มันผนึกจิตวิญญาณยุทธของเขาเอาไว้

พลังปราณในร่างของเขาทั้งหมดถูกลบหายไป เซี่ยวเฉินรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเขาตัดขาดกับมังกรฟ้า,พลังปราณในร่างของเขาทั้งหมดหายไป:เขาไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดา

“ไม่ต้องคิดที่จะหนี ตราประทับราชาซากศพนี้เป็นทั้งป้องกันและโจมตี มันเหลือเชื่อที่จะรับมือกับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นเช่นเจ้า เพียงนึกคิด, ข้าก็สามารถเบิดร่างของเจ้าได้”

หลังจากที่ยอดราชันซากศพพูดจบ,เขาก็แบกเซียนเฉินกลับไปที่ถ้ํา จากนั้นเขาก็โยนเซี่ยวเฉินให้กับหัวหน้าลี่

หัวหน้าสี่รับร่างของเซียวเฉินมาอย่างงุนงง หลังจากเห็นชัดว่าเป็นใคร,เขาก็ยิ้มขึ้น “นายน้อยเย่นั่นเอง ทําไมสภาพถึงได้น่าอดสูเช่นนี้?”

เซี่ยวเฉินยังคงปั้นหน้าไร้สีและนิ่งเงียบต่อไป เขารวบรวมสัมผัสวิญญาณขึ้นที่จุดตันเทียนของเขาและก็สํารวจตราประทับราชาซากศพอย่างละเอียด,มองหาทางทําลายมัน

มีกรงขังสีดําอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า มีพลังฉีสีดําขยายออกมาจากด้านบน ร่างศพสีดํากําลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดของกรงขัง

เขาสามารถเห็นสายแม่น้ําพลุ่งพล่านและมังกรฟ้าตัวน้อยกําลังโจมตีใส่กรงสีดําอย่างต่อเนื่อง

ก่อนที่สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินจะได้เข้าไปใกล้ราชาซากศพที่นั่งอยู่บนกรงขังทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น มันยิงลําแสงออกมาและทําลายจุดสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉิน

สัมผัสวิญญาณสามารถถูกทําลายได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เชี่ยวเฉินประสบพบเหตุการณ์เช่นนี้ ตราประทับราชาซากศพนั้นอุกอาจอย่างแท้จริง

“ศิษย์พี่ลี่,มองดูร่างกายของเจ้าหมอนี่ มันเป็นไปได้ที่จะปรับแต่งมันให้เป็นซากศพโบราณทองคํา”

เมื่อหัวหน้าไยินดังนั้นเขาเผยสีหน้าตกตะลึง เขาสํารวจร่างกายของเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,สีหน้าเขากลายเป็นสุข,เป็นสุขที่ถูกลบหายหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

“นี่มันไม่ใช่ร่างกายศักดิ์สิทธิ์โดยกําเนิดเขาฝึกฝนร่างกายขึ้นมาทีหลัง มันขาดข้อกําหนดเล็กน้อยที่จะนํามาปรับแต่งซากศพทองคําโบราณ อย่างไรก็ตาม,มันก็เป็นร่างกายที่ยอดเยี่ยม พวกเราจะเก็บเขาเอาไว้ก่อน ไม่มีปัญหาที่จะปรับแต่งเขาให้เป็นซากศพทองแดงโบราณหลังจากที่ข้าชุบเขาด้วยน้ําจัน

“บึ้ม…!”

ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุย แสงแวววาวทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นบนค่ายกลเก้าผนึกกระบี่เวทที่ตรงข้ามแม่น้ํา นอกจากยอดเขาฉิงหยุน,ท่าเจ้ายอดเขาอื่นๆอีกหกยอดเขาก็ได้มาถึงแล้ว

ด้านหลังของท่านเจ้ายอดเขาทั้งหกคน,มีชายชราหกคนกําลังยืนเงียบสงบ เซี่ยวเฉินมองเห็นเฉินม่านจวิน ท่ามกลางคนเหล่านั้น คนพวกนี้คือผู้อาวุโสระดับสูงแห่งศาลากระบี่สวรรค์:พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ

เมื่อราชันมารอสูรเห็นพวกเขาปรากฏตัว,เขามีความเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เพียงแค่หนึ่งร้อยปีศาลากระบี่สวรรค์ก็ตกต่ําลงไปถึงเพียงนี้ ไม่มีแม้กระทั่งขอบเขตปราชญ์ยุทธ ดูเหมือนข้าจะสามารถยกระดับศาลากระบี่สวรรค์ขึ้นได้ในวันนี้”

มีคนเดินออกมาจากกลุ่ม:เขาคือท่านเจ้ายอดเขาที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งศาลากระบี่สวรรค์, ท่านเจ้ายอดเขา เทียนเยว่เหลิงเทียนเจิ้ง

เขามองดูไปที่ราชันมารอสูรที่สูงกว่าห้าสิบเมตรและยิ้มขึ้นบางเบา “แม้แต่วินาทีแห่งความตาย,เจ้ายังหัวเราะออกมาได้ พวกข้ารอคอยเวลานี้มานับร้อยปี เจ้าคิดว่าหากพวกเราไม่ยินยอมแล้วหินผนึกมารจะสามารถถูกทําลายด้วยน้ํามือของเด็กสาวตัวน้อย?!”

มู่ซินหยาสีหน้าซีด เขาตกหลุมพลางของพวกเขาได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้น,ข้าก็จะกลายเป็นตราบาปของเผ่าพันธุ์

“ฟู ฟิว!”

ลําแสงฉายลงบนร่างของราชันหมาปาสวรรค์ กระดูกทุกชิ้นในร่างของเขาส่งเสียงกรอบ “ปุ ปะ ปุปะ ผ่า นไปครู่หนึ่ง เขากลายไปเป็นชายร่างสูงประมาณสองเมตร

เขาสะบัดเส้นผมสีเงินของเขาไปด้านหลังและกล้ามเนื้อของเขาเผยให้เห็น เขามองไปที่ฝูงชนและเผยรอยยิ้ม “ไม่ว่าเจ้าจะมีลูกเล่นอะไร,พวกมันล้วนไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังเบ็ดเสร็จ ตายซะ!”

“บูม!”

ทันทีที่เขาพูดจบ,เหลิงเทียนเจิ้งเข้าแลกหมัดกับราชันหมาปาสวรรค์ คลื่นกระแทกอันแข็งแกร่งทลายพื้นที่,ก่อเกิดรอยแยกสีดํา

รอยแยกขยายไปไม่หยุดยั้งมันดูราวกับหนวดสีดํา ซากศพและมือกระบี่โดยรอบที่วิ่งหนีไม่ทันถูกดึงเข้าไปในรอยแยกในทันที

“ลอยขึ้น!” พลังแข็งแกร่ง,ทั้งยังอ่อนโยนห่อหุ้มมู่ซินหยา โยนร่างของนางไปอยู่ที่ด้านข้างแม่น้ําอย่างนิ่มนวล

เหลิงเทียนเจอ้งม้วนตัวในอากาศและลงถึงพื้นอย่างมั่นคง เขากล่าวด้วยเสียงลึก “ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร,สะบัดหัวและคว้าจับแก่นกลางมารอสูรช่วยให้ข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ”

อาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าลอยเข้าไปในมือของทั้งเก้าคน ที่เหลืออีกสามคนตรึงห่วงโซวิญญาณเอาไว้และปิดผนึกพื้นที่โดยรอบ

เขตแดนเล็กปรากฏขึ้นในพื้นที่นั้น ทุกคนมองเห็นเพียงภาพห่วงโซ่เลือนลางรอบพื้นที่

“ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารอสูร,สังหาร!”

ในพื้นที่ที่ถูกผนึกโดยห่วงโซ่วิญญาณเสียงติโกนลั่นไปในอากาศ มองเห็นร่างทั้งเก้าเลือนลางกวัดแกว่งอาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แสงระยิบระยับ

พวกเขาเคลื่อนย้ายตําแหน่งอย่างต่อเนื่อง,ยู่อค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารอสูรและดักจับราชันหมาปาสวรรค์ ความเกรี้ยวกราด,เสียงคํารามคลั่งดังออกมา จากค่ายกลไม่หยุด

มันชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของราชันหมาปาสวรรค์ถูกค่ายกลกดเอาไว้ตอนนี้เขาเสียเปรียบหนัก

ซินหยายืนขึ้นและเดินไปทางมู่ซินหยาอย่างเป็นกังวล “ผู้นํานิกายลี่, ข้าจะจ่ายเพิ่มให้อีกครั้งเท่า โปรดไปช่วยโดยเร็ว มิฉะนั้น,ทุกอย่างมันจะสูญเปล่า”

ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารอสูร,ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกปีศาจ,และค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ คือค่ายกลชั้นยอดแห่งศาลากระบี่สวรรค์:พวกมันต้องการคนเก้าคนเพื่อใช้ออกมาพร้อมกัน

ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกปีศาจใช้สําหรับกดศูตรูโดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับหินผนึกมาร มันสามารถผนึกได้แม้กระทั่งระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ ตราบใดที่หินผนึกมารยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์,คนด้านในไม่มีทางหลบหนีออกมาได้

ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารใช้สําหรับลงทัณฑ์ศัตรู มันเป็นค่ายกลที่ให้ทั้งเก้าคนรวมพลังกัน พวกเขาสามารถสังหารศัตรูที่ขอบเขตพลังมากกว่าได้ถึงสองขอบเขต

ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ มันคือค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาค่ายกลทั้งสาม อย่างไรก็ตาม,มันต้องการระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธเก้าคนเพื่อใช้ออกมาในเวลาเดียวกัน ตามตํานาน,หลังจากที่ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ถูกใช้ออกมา,มันสามารถทลายสวรรค์กวาดล้างปฐพี,สังหารพระเจ้าและล้างบางมารอสูร

อย่างไรก็ตาม,ค่ายกลนี้ความต้องการในขอบเขตพลังสูงเกินไป ในประวัติศาสตร์ศาลากระบี่สวรรค์,ไม่เคยมีระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธในเวลาเดียวกัน ดังนั้น,ค่ายกลนี้จึงไม่เคยถูกใช้มาก่อน

ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ถึงเรื่องนี้

หัวหน้าลี่มองเห็นพลังอํานาจของค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารและเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน เขาเห็นว่าสถานการณ์ช่างเลวร้ายและไม่กล้าที่จะประมาท “ศิษย์พี่,นิกายซากศพเลื่อนไหลของพวกเราจะรุ่งเรืองขึ้นมาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสงครามครั้งนี้ ชัยชนะคือชีวิต,และความพ่ายแพ้หมายถึงความตาย!”

หลังจากที่เขาพูดจบเขานําชายชุดดําควบคุมราชันซากศพที่สูงกว่าห้าเมตรและสิบยอดราชันซากศพมุ่งหน้าข้ามแม่น้ําไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องการที่จะทําลายค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารจากด้านนอก

ที่ด้านหลังของถ้ํา,ระยไกลออกไปสิ่งที่เย่เหวินและคนที่เหลือกําลังอัญเชิญโดยใช้เปลือกหยกกําลังปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

มันคือกล่องไม้ธรรมดาที่สูงประมาณหนึ่งเมตรและกว้างประมาณห้าเซนติเมตร ภายนอกสีดําทําให้มันดูธรรมดา ที่ด้านหน้าของกล่องมีอักษะประดิษฐ์ที่เขียนเอาไว้ว่า “เฉกเช่นจักรพรรดิเสด็จมาเอง”

เหวินหยิบกล่องสีดําขึ้นมาและก้าวเดินขึ้นหน้า เขานํากลุ่มระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธและเดินผ่านค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร,ปิดกั้นหัวหน้าสี่และกลุ่มของเขา

หัวหน้าสี่หัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าจะขัดขวางพวกข้าด้วย ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเพียงสิบ?”

หัวหน้าลี่มีพลังมากพอที่จะกล่าวออกมาเช่นนี้ ราชันซากศพทั้งสามมีความแข็งแกร่งระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ:พร้อมกับยอดราชันซากศพที่ได้เดินเส้นทางแห่งซากศพ,แม้แต่สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสิบคนก็ไม่เพียงพอที่จะจัดการพวกเขาลงได้เย่เหวินยิ้มอย่างบางเบา และปลดปล่อยกล่องไม้ออกมา,ทิ้งมันลงกับพื้นอย่างรุนแรง เขามองดูเหล่าฝูงคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน;เขาไม่ได้ใส่ใจกับกลุ่มของหัวหน้าลี่แม้แต่น้อย

หัวหน้าลี่มองเห็นอักษร “เฉกเช่นจักรพรรดิเสด็จมาเอง เขาได้นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง,จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ก็แค่กล่องไม้ เจ้าคิดว่าเพียงเขียนคําว่า “เฉกเช่น…จักรพรรดิ… เส็ดจมาเอง…” แล้วเจ้าจะกลายไปเป็นขอบเขตจักรพรรดิยุทธ? แม้จะมีขอบเขตจักรพรรดิเสด็จมา,ข้าก็จะจับทําเป็นซากศพให้”

“กลุ่มก้อนเศษคน,ทั้งมีชีวิตและตกตายไปแล้ว,ช่างอวดดี!” เย่เหวินมีความเย้ยหยันบนสีหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงนุ่ม “เฉกเช่น…จักรพรรดิเส็ดจ…มาเอง…!”

ขณะที่เย่เหวินร่ายกล่าวออกมาทีละคํา,ตัวอักษรบนกล่องก็ส่องแสงสีทองออกมาระยิบระยับและรุ่งโรจน์ หลังจากที่เขาร่ายครบทั้งสี่คน,กระแสพลังของเขาพุ่งสูงขึ้นแบบไม่หยุดหย่อน

แสงสีทองโอบล้อมทั่วทั้งร่างของเยู่เหวิน เส้นผมของเขาทุกเส้น,ทุกระเบียดนิ้วทั่วร่างของเขา,พวกมันให้แสงสีทองบริสุทธิ์ออกมา

เขาดูราวกับเทพที่เสด็จลงมาบนโลกกระแสพลังของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุด มันราวกับว่าระดับขอบเขตจักรพรรดิได้เสด็จมาถึง

ร่างสีทองลอยออกมาจากกล่องไม้ กําลังถือกระบุไว้ในมือ

ในตอนนั้นเอง, ประกายแสงสีทองรุ่งโรจน์สว่างไปทั่วทั้งถ้ําระยิบระยับ มันเสียดแทงเข้าไปจนไม่มีผู้ใดอาจลืมตาขึ้นได้พวกเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ดวงตา

ร่างของแสงสีทองพุ่งผ่านและสามราชันซากศพก็ถูกฟันขาดครึ่ง เลือดสีดําเต็มเต็มไปในอากาศ

มู่ซินหยาเผยความเจ็บปวดออกมาจากใบหน้าของนางพร้อมกับมองดูไปที่แสงสีทองรุ่งโรจน์ นางพึมพํา “พวกเราเสร็จมันแล้ว นั้นคืออาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ความหวังหลายร้อยปีของเผ่าหมาปาสวรรค์ดับสลาย”

อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์! เซียวเฉินตกตะลึงสุดขีด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นกล่องไม้ใบนั้น กล่องไม้ที่เขาเห็นในร้านค้าด้านนอกไม้กระบี่ รวมถึงกล่องที่เขาเห็นที่จีนเขายอดเขาฉิงหยุน,พวกมันทั้งหมดจะต้องเป็นกล่องใบเดียวกัน

มีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่เพียงสิบชิ้นในโลก อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครรู้ได้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบอยู่ที่ไหน ไม่ว่ามันจะเป็นกระบี่, หอก,ดาบ,ขวานหรือมันอาจจะเป็นท่อนไม้ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่อาจล่วงรู้

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอาวุธศักดิ์สิ ทธิ์นั้นไร้ข้อกังขา คําพูดเช่น “ผ่าภูเขา” “พลิกสมุทรสวนแม่น้ํา” “ผ่าทะลุช่องว่าง” “ทลายสวรรค์ล้างปฐพี” ไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์

ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น,จักรพรรดิอัสนี้ได้ออกตาม หาสมบัติทุกประเภทในโลก แต่เขาก็ทําได้เพียงสร้างอาวุธยิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดาบไม้อัสนี้ขึ้นมา เขาค้นหาไปทั่วทักมุมโลก,ค้นหาต้นกําเนิดปัญญายุทธเพื่อที่เขาจะสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ช่างโชคร้าย,เขาไม่อาจทําได้สําเร็จและตกตายไปเสียก่อน

หากว่ากล่องไม้ใบนั้นคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง มันก็น่าตกตะลึงอย่างมาก ต้องเข้าใจว่าในตอนที่เขาเห็นกล่องใบนี้ที่นอกเมืองกระบี่มันถูกครอบครองโดยชายชราที่ไร้จิตวิญญาณยุทธ

หากเขาต้องการมัน,มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะได้รับมันมา

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset